ร้านซ่อมหนังสือ ในกทม. และต่างจังหวัด มีที่ไหนบ้าง ? มาดูแลหนังสือเล่มโปรดให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งกัน !
พิกัด 7 ร้านซ่อมหนังสือ ใน กทม และต่างจังหวัด ซ่อมแล้วเหมือนได้เล่มใหม่ ซ่อมหนังสือ ทำอย่างไร ซ่อมแบบไหนได้บ้าง วิธีไหน หมดกังวลหนังสือชำรุด
เมื่อครั้งที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน หลายๆ คนก็คงจะได้เรียนเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับการทำฝนหลวงกันมาบ้าง และทราบว่า ฝนหลวง เป็นฝนเทียมที่ทำขึ้นโดยคณะปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อให้มีฝนตกมากขึ้น แล้วจุดกำเนิดของการทำฝนหลวงนั้น มีความเป็นมาอย่างไร ? เนื่องในวันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นวันสำคัญคือ “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” เราจะพาทุกคนไปรู้ถึงประวัติความเป็นมาของโครงการฝนหลวงกันให้มากขึ้น ฝนหลวง แท้จริงแล้วคืออะไร ? มีที่มาที่ไปอย่างไร และมีความสำคัญอย่างไร ? ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงประวัติความเป็นมาของวันสำคัญวันนี้ เรามาดูกันก่อนว่า ฝนหลวง คืออะไร ? ฝนหลวง คือโครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีจุดประสงค์เพื่อสร้างฝนเทียมสำหรับบรรเทาความแห้งแล้งให้กับพสกนิกร ที่เผชิญกับเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และสำหรับการทำการเกษตร จึงมีพระดำริที่จะแก้ไขปัญหาส่วนนี้ขึ้น
[affegg id=4509]
ฝนเทียม หรือฝนหลวง เป็นฝนที่เกิดจากเมฆที่ได้รับการกระตุ้นหรือเสริมกระบวนการให้ก่อตัวใหญ่ขึ้นจนสามารถตกลงเป็นฝนในพื้นที่เป้าหมาย และตกในปริมาณที่มากกว่าการตกเองตามธรรมชาติ โดยความมาของวันพระบิดาแห่งฝนหลวงมีจุดเริ่มต้นดังนี้
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ไว้วางพระราชหฤทัย ให้เป็นองค์กรรองรับโครงการพระราชดำริฝนหลวงมาตั้งแต่เริ่มโครงการ จึงได้เสนอในคณะรัฐมนตรีมีมติเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ในฐานะ “พระบิดาแห่งฝนหลวง” และให้ทุกวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี ชื่นชมในพระบารมี และร่วมกันถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติในทุกปี และรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงคิดค้นการทำฝนหลวงขึ้น เพื่อบรรเทาทุกข์ภัยของราษฎรสืบมา
ฝนหลวง เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนอันเนื่องมาจากการประสบกับปัญหาภัยแล้งในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ ท้องถิ่นหลายแห่งประสบปัญหาพื้นดินแห้งแล้ง หรือการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และทำการเกษตร อีกประการหนึ่งคือ ภาวะความต้องการใช้น้ำในประเทศมีปริมาณสูงขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม และการทำเกษตรกรรม เพื่อมิให้เกิดการขาดแคลนน้ำใช้ และมีน้ำเพียงพอ จึงได้มีการทำฝนหลวงขึ้นนั่นเอง ซึ่งสารเคมีที่ใช้สำหรับการทำฝนหลวงนี้ ไม่ใช่สารเคมีอันตรายแต่อย่างใด เป็นสารที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน อาทิ เกลือแกง หรือยูเรียที่ใช้ผสมในปุ๋ยเพื่อการเกษตร รวมถึงน้ำแข็งแห้งที่ใช้กันทั่วไปนั่นเอง
ทั้งนี้ การทำฝนหลวงยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ในสมัยนั้น และในประเทศไทยยังไม่มีนักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญในระยะเริ่มแรกโครงการ ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทรงเป็นกำลังสำคัญ และทรงร่วมพัฒนาโครงการนี้ พระองค์ทรงวางแผนการทดลองปฏิบัติการติดตามและประเมินผลปฏิบัติการทุกครั้งอย่างใกล้ชิด เพื่อให้โครงการสำเร็จเสร็จสมบูรณ์ได้ โดยพระองค์ทรงมีหลักทศพิธราชธรรม 10 ประจำใจ มีความเพียรพยายามมุมานะอุตสาหะ เสียสละเวลาส่วนพระองค์และมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาให้กับเหล่าพสกนิกรได้สำเร็จ
[affegg id=4510]
ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า วิธีการทำฝนหลวงมี 3 ขั้นตอนคือ เลี้ยงให้อ้วน ก่อกวน และโจมตี ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวนั้น ถูกพัฒนามาจากการทดลองโดยการหยอดก้อนน้ำแข็งแห้งขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่การทดลอง และทำให้กลุ่มเมฆเหล่านั้นเกิดการกลั่นตัวรวมกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว และได้รับการยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่ทำการทดลองจริง จึงได้มีการปรับปรุงต่อยอดเป็นโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีขั้นตอนดังนี้
เป็นขั้นตอนที่มีการใช้โซเดียมคลอไรด์ (เกลือแกง)ไปกระตุ้นให้มวลอากาศเกิดการลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบน เพื่อให้เกิดกระบวนการดูดซับไอน้ำและความชื้นเข้าสู่ระบบการเกิดเมฆ และให้เมฆเริ่มมีการก่อตัวมากขึ้น
เมื่อเมฆกำลังก่อตัว จึงทำการโปรยแคลเซียมคลอไรด์ตรงกลุ่มก้อนเมฆในอัตราที่เหมาะสม เพื่อเป็นการดูดความชื้นและคลายความร้อน เพื่อให้เมฆไหลเวียนและก่อยอดสูงขึ้น โดยจะต้องให้กระบวนการเกิดละอองเมฆสมดุลกับการลอยตัวของเมฆ มิเช่นนั้นจะทำให้เมฆสลาย ในขั้นตอนนี้ จำเป็นที่จะต้องอาศัยประสบการณ์ ความชำนาญเป็นอย่างมาก
เมื่อกลุ่มเมฆฝนมีความหนาแน่นมากพอที่จะสามารถตกเป็นฝนได้ ในขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนการสร้างเม็ดฝนโดยการโปรยยูเรียลงในกลุ่มก้อนเมฆ เพื่อให้เกิดเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ และกลั่นตัวตกลงมาเป็นฝนในที่สุด ซึ่งมีเทคนิคการโจมตีแบบ SUPER SANDWICH และพระราชทานให้ใช้เป็น “ตำราฝนหลวงพระราชทาน” เป็นต้นมา
นอกจากการบรรเทาปัญหาภัยแล้งแล้ว การปฏิบัติการฝนหลวงก็ได้รับการร้องขอเพื่อให้ขยายขอบเขตการบรรเทาความเดือดร้อนจากการพัฒนาอุตสาหกรรม และภาวะสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ การทำฝนหลวงจึงมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการมีส่วนช่วยเหลือในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย ได้แก่
นอกจากนี้ ยังสามารถแก้ไขปัญหาด้านการเสริมเส้นทางคมนาคมทางน้ำ เมื่อปริมาณน้ำลดต่ำลง จะไม่สามารถสัญจรทางเรือได้ จึงต้องมีการทำฝนเทียมเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับแม่น้ำ และให้สามารถสัญจรทางเรือได้ตามเดิม ทั้งการสัญจรของผู้คน และการส่งสินค้าทางเรือด้วย
ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่า ประวัติความเป็นมาของวันพระบิดาแห่งฝนหลวง มีความเป็นมาอย่างไร และความสำคัญของการทำฝนหลวง คืออะไร ฝนหลวง เป็นโครงการในพระราชพระราชดำริส่วนพระองค์ที่มีจุดเริ่มต้นเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากให้กับราษฎร ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยด้วยพระองค์เอง และพัฒนามาเป็นฝนเทียมกู้ภัยแล้งเพื่อบรรเทาปัญหาเกี่ยวกับการใช้น้ำของพสกนิกรสืบมา
[affegg id=4511]
Inspire Now ! : จะเห็นได้ว่า จุดเริ่มต้นของการทำฝนหลวงนั้น มาจากพระประสงค์ที่อยากจะแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับพสกนิกร ประกอบกับการสังเกตสภาพอากาศของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถทำให้เมฆบนท้องฟ้ามีการรวมตัวกันและเกิดเป็นฝนตกลงมาได้ ซึ่งใช้เวลาศึกษาค้นคว้าวิจัยนานถึง 14 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2498 – พ.ศ. 2512 ที่ได้ทำการทดลองครั้งแรก ด้วยความมุมานะอุตสาหะและพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทำให้โครงการนี้สำเร็จในที่สุด จึงได้มีการจัดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ซึ่งเป็นวันที่เป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดการทำฝนเทียมนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีโครงการในพระราชดำริอีกมากมาย ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหาให้กับพสกนิกรชาวไทยนั่นเอง |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? โครงการฝนหลวง เกิดขึ้นได้ก็เพราะพระประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่อยากจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้น ล้วนมาจากความต้องการที่อยากจะแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้นทั้งสิ้น ซึ่งเราสามารถนำเอาแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของตัวเองได้ เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นนั่นเอง และถ้าใครชอบเรื่องราวแบบนี้ ไปอ่าน ประวัติไปรษณีย์ไทยกันต่อได้เลยนะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : rainmaking.royalrain.go.th, ipst.ac.th, mnre.go.th, huahin.royalrain.go.th
Featured Image Credit : unsplash.com/Anna Atkins
พิกัด 7 ร้านซ่อมหนังสือ ใน กทม และต่างจังหวัด ซ่อมแล้วเหมือนได้เล่มใหม่ ซ่อมหนังสือ ทำอย่างไร ซ่อมแบบไหนได้บ้าง วิธีไหน หมดกังวลหนังสือชำรุด
อัปเดตปี 2025 ซีรี่ย์จีน พากย์ไทยล่าสุด คัดมาแต่เรื่องเด็ดที่เลือกมาแล้วว่าดูสนุก ครบรส ทั้งโรแมนติก แอคชั่น แฟนตาซี และสืบสวน ใครกำลังมองหาซีรี่ย์จีน พากย์ไทยดูเพลินห้ามพลาด
ชวนฟัง 20 เพลงความหมายดีๆ ทั้งสากล และไทย ที่จะช่วยปลอบประโลมใจ เติมพลังบวกในวันที่เหนื่อยล้า และทำให้ใจอบอุ่นขึ้นได้ในทุกครั้งที่เปิดฟัง