วันส้วมโลก, การสุขาภิบาล

วันส้วมโลก คืออะไร ? ทำไมเราต้องรู้จัก การสุขาภิบาลสำคัญต่อสุขภาพแค่ไหน ?

การเข้าห้องน้ำ เป็นกิจวัตรประจำวันของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ ปลดทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการปลดหนักปลดเบาก็ตาม ห้องน้ำหรือห้องส้วม ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน ลองนึกภาพดูว่า ถ้าเราไม่มีห้องน้ำใช้ เราจะไปขับถ่ายหรือไปอาบน้ำเข้าห้องน้ำที่ใด ? หรือในบางโอกาส เช่น เวลาเดินทาง เมื่อเจอห้องน้ำที่ไม่สะอาด หรือไม่มีห้องน้ำระหว่างทาง ก็เป็นสิ่งที่ชวนกังวลใจแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีประชากรทั่วโลกที่ไม่มีห้องน้ำที่ได้มาตรฐานใช้เป็นจำนวนมากถึงหลักพันล้านคน เป็นเหตุให้มีการกำหนด “วันส้วมโลก” ขึ้น เพื่อให้ตระหนักถึงการมีห้องน้ำที่ได้มาตรฐานใช้อย่างเพียงพอสำหรับทุกคน ห้องส้วม มีความสำคัญขนาดไหน ? และการมีระบบสุขาภิบาลที่ดี มีความสำคัญต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเราอย่างไร ? อ่านได้ในบทความนี้ค่ะ

วันส้วมโลก วันที่ถูกจัดขึ้นเพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ห้องน้ำ

วันส้วมโลก, การสุขาภิบาล
Image Credit : wikipedia

วันที่ 19 พฤศจิกายน เป็นวันส้วมโลก ตามมติที่ประชุมสมัชชาใหญ่ของค์การสหประชาชาติ เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นความสำคัญเรื่องการแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านสุขาภิบาล ให้ประชาชนมีสุขภาพอนามัยในการใช้ห้องน้ำที่ดี ให้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นในการใช้ห้องส้วม ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการมีส้วมใช้ที่ถูกสุขลักษณะและมีการจัดสุขาภิบาลอย่างปลอดภัย และตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาความสะอาดของห้องส้วมด้วย

ทั้งนี้ วันส้วมโลกยังถูกจัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาของสุขาภิบาล โดยมีผู้คนทั่วโลกถึง 3.6 พันล้านคนที่มีส้วมไม่ได้มาตรฐาน (ข้อมูลจาก UNICEF) วันส้วมโลก ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยองค์การส้วมโลก (World Toilet Organization ) เมื่อปี 2544 ต่อมา สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้มีมติเห็นชอบให้บรรจุวันส้วมโลกเป็นวันสำคัญของสหประชาชาติ

องค์การส้วมโลก เป็นองค์การไม่แสวงหาผลประโยชน์ที่ดำเนินการเพื่อปรับปรุงส้วมและสุขอนามัยทั่วโลก องค์การก่อตั้งในปี 2001 กับสมาชิก 15 ประเทศ ปัจจุบันมีองค์การ 151 องค์การใน 53 ประเทศ ที่ทำงานร่วมกันกำจัดสิ่งปฏิกูลและเพื่อให้มีระบบสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน โดยมีองค์น้ำแห่งสหประชาชาติ ( UN Water) ได้เป็นผู้ดูแลหลักของวันส้วมโลก อันมีเป้าหมายคือ ดำเนินการจัดการวิกฤตสุขอนามัยทั่วโลกและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาระบบสุขาภิบาลที่ยั่งยืน ทั้งในส่วนของการใช้น้ำสะอาดและมีการสุขาภิบาลสำหรับทุกคน ภายในปี 2573

[affegg id=4521]

ความสำคัญของการใช้ห้องส้วม

วันส้วมโลก, การสุขาภิบาล
Image Credit : unsplash.com

สำหรับเราทุกคนที่มีห้องน้ำใช้กันทุกบ้าน อาจไม่ได้มีปัญหาในการขาดแคลนห้องส้วมที่ถูกสุขอนามัยกันเท่าไหร่ แต่ยังมีประชากรทั่วโลกจำนวนหลายพันล้านคนที่ไม่มีห้องน้ำใช้อย่างถูกสุขอนามัย ซึ่งการที่ไม่มีห้องส้วมใช้ ส่งผลต่อด้านความสะอาดและการมีสุขอนามัยที่ไม่ดี ทำให้มีสุขภาพที่ไม่ดีตามมาด้วย วันส้วมโลกจึงถูกจัดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงการมีห้องน้ำที่ดีใช้ขับถ่าย และให้เห็นถึงความความสำคัญของการใช้ห้องส้วม ดังนี้

  • จากข้อมูลของ NGO WaterAid พบว่าผู้คน 1.8 พันล้านคนมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ COVID – 19 และโรคติดเชื้ออื่นๆ เนื่องจากการใช้หรือทำงานในสถานพยาบาลที่ไม่มีห้องน้ำหรือมีน้ำใช้ 
  • เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กว่า 700 คนเสียชีวิตจากโรคท้องร่วงเนื่องจากการใช้แหล่งน้ำที่ไม่ปลอดภัย รวามถึงการมีสุขาภิบาลและสุขอนามัยที่ไม่ดี 
  • งานวิจัยของ UN ระบุว่า ผู้คนทั่วโลกอย่างน้อย 2 พันล้านคนใช้แหล่งน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระ เนื่องจากการมีระบบสุขาภิบาลที่ไม่ดี 
  • หากไม่มีห้องส้วมที่มิดชิดปลอดภัย ผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายมากขึ้น
  • ห้องน้ำที่สะอาดในโรงเรียน มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็กหญิงในช่วงที่มีประจำเดือน นอกจากความไม่สะดวกสบายอย่างการปวดท้องประจำเดือนหนักแล้ว การเข้าห้องน้ำที่ไม่สะอาดหรือไม่ถูกสุขอนามัยในช่วงที่มีประจำเดือนเพิ่มความเสี่ยงต่อการตืดเชื้อจากการเข้าห้องน้ำที่ไม่สะอาดได้

ทั้งนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดวันส้วมโลกขึ้น และมีมาตรการเป้าหมายให้ทุกคนมีห้องน้ำใช้ที่สะอาดและถูกสุขอนามัย รวมถึงระบบสุขาภิบาลที่ดี องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การสุขาภิบาล หมายถึง การจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการสำหรับการกำจัดที่ปลอดภัยของปัสสาวะและอุจจาระของมนุษย์ การมีสุขาภิบาลที่ไม่เพียงพอเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคทั่วโลก และการปรับปรุงระบบสุขาภิบาลจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งในครัวเรือนและในชุมชน ทั้งยังส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นสมุษย์และการมีสุขภาวะที่ดีด้วย ขอบเขตการบริการด้านสุขาภิบาล ครอบคลุมตั้งแต่การจัดให้มีส้วมและการสูบส้วม รวมทั้งการขนส่ง การบำบัด จนถึงการกำจัดสิ่งปฏิกูล หรือการใช้ประโยชน์จากสิ่งปฏิกูลด้วย

ประวัติศาสตร์สุขาภิบาลและการควบคุมสิ่งปฏิกูลในไทย

การปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมหรือการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ถือเป็นกิจการสาธารณสุขที่สำคัญประการหนึ่ง ดังนั้น การมีระบบสุขาภิบาลจึงมีความจำเป็นอย่างมาก และนักสาธารณสุขจึงต้องสนใจเรื่องสุขาภิบาลให้มากเช่นกัน โดยประวัติศาสตร์การมีสุขาภิบาลของไทย มีดังนี้

วันส้วมโลก, การสุขาภิบาล
Image Credit : wikipedia
  • ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ช่วงต้นรัชกาลที่ 5 ขณะนั้นประเทศต่างๆ ในยุโรปกำลังพัฒนาระบบสุขาภิบาล และสยามเริ่มมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสุขาภิบาลขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2413 ภายใต้พระราชบัญญัติธรรมเนียมคลอง โดยห้ามขับถ่ายลงลำคลองโดยตรง 
  • อุจจาระหรือสิ่งปฏิกูลต่างๆ จะมีเจ้าหน้าที่ขนไปทิ้งที่แม่น้ำใหญ่ ก็ยังเป็นที่น่ารังเกียจอยู่ดี หมอบรัดเลย์จึงมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการกำจัดอุจจาระด้วยการบังคับในราษฎรใช้ส้วมหลุม
  • กฎหมายเกี่ยวกับสุขาภิบาลโดยตรงฉบับแรก คือ พระราชกำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ. 116 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันโรคระบาดไม่ใช้แพร่กระจาย โดยมีกรมสุขาภิบาล กระทรวงนครบาล รับผิดชอบปฏิบัติงานในการตรวจตราสุขลักษณะของสถานที่ต่างๆ เช่น ตลาด โรงฆ่าสัตว์ ที่ทำการสูบน้ำ ที่อาบน้ำ โรงซักผ้า ส้วม ตลอดจนกวาดถนนและรถน้ำถนนด้วย และในประกาศกรมสุขาภิบาล ร.ศ.117 (พ.ศ.2441) ห้ามมิให้ผู้ใดผู้หนึ่งเทน้ำโสโครกลงในถนน หรือทำน้ำเปรอะเปื้อนถนน ตลอดจนห้ามถ่ายอุจจาระลงข้างถนนอันเป็นที่กลางแจ้ง และห้ามมิให้ทิ้งซากสัตว์ลงในที่สาธารณะด้วย 
  • ในปี พ.ศ. 2447 เกิดกาฬโรคระบาดครั้งใหญ่ ในประกาศจัดการป้องกันกาฬโรค  ร.ศ. 123 (พ.ศ.2447) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์สุขาภิบาลเรียบเรียงอาการของโรค และวิธีการป้องกันโรคเพื่อให้ราษฎรนำไปปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของกาฬโรค
วันส้วมโลก, การสุขาภิบาล
Image Credit : สมุทรสาครพัฒนาเมือง – วิสาหกิจเพื่อสังคม SKCD
  • ต่อมามีการทดลองการจัดระบบสุขาภิบาลที่ตำบลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ในปี พ.ศ. 2448 ซึ่งมีกิจกรรมคือ การซ่อมแซมรักษาถนนหนทาง การรักษาความสะอาด การกำจัดขยะมูลฝอย การจุดโคมไฟตามถนนเป็นระยะ เป็นต้น เมื่อประสบความสำเร็จจึงได้ขยายระบบสุขาภิบาลไปยังพื้นที่อื่นๆ ด้วยโดยใช้ท่าฉลอมเป็นต้นแบบ โดยมีการจำแนกกิจการสุขาภิบาลออกเป็น 3 ประเภทคือ
    • (1) การรักษาความสะอาดในท้องที่ 
    • (2) การป้องกันและรักษาความไข้เจ็บในท้องที่
    • (3) การบำรุงรักษาทางไปมาในท้องที่

จากจุดเริ่มต้นการดำเนินการเกี่ยวกับสุขาภิบาล ด้วยการจัดการสิ่งปฏิกูล สิ่งโสโครกเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ และเพื่อทำความสะอาด สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ปัจจุบันงานสุขาภิบาลอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยกระจายงานไปยังราชการส่วนท้องถิ่นหรือเทศบาลในการจัดการสิ่งปฏิกูล รวมถึงอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการในการปฏิบัตการจัดการและกำจัดสิ่งปฏิกูลด้วย

[affegg id=4522]

ชวนดู การจัดการสุขาภิบาลทั้งไทยและต่างประเทศ

วันส้วมโลก, การสุขาภิบาล
Image Credit : unsplash.com

ได้รู้ประวัติวันส้วมโลก และเห็นถึงความสำคัญของการมีห้องนำใช้ เพื่อการมีสุขอนามัยที่ดีของคนเราไปแล้ว มาดูกันว่า ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ นั้น มีระบบการจัดการด้านสุขาภิบาลที่มีประสิทธิภาพอย่างไรกันบ้าง

ประเทศไทย

ปัจจุบันระบบสุขาภิบาลอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยกระจายงานไปยังราชการส่วนท้องถิ่นหรือเทศบาลในการจัดการสิ่งปฏิกูล เช่น ทำการสูบส้วมตามอาคารบ้านเรือน และสถานที่ต่างๆ เพื่อนำไปกำจัดต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้มุ่งพัฒนาให้คนไทยมีส้วมใช้ทุกครัวเรือนอย่างครอบคลุม ปัจจุบันประเทศไทยมีส้วมในครัวเรือนร้อยละ 99.8 และยังไม่มีส้วมอีกร้อยละ 0.2 กระจายทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ทั้งนี้ ได้ดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้ทุกคนเข้าถึงสุขอนามัยที่มีอย่างพอเพียง เป็นธรรม และยุติการขับถ่ายในที่โล่งให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะไทย (HAS) มุ่งเน้นการพัฒนา 3 ด้าน คือ 1) สะอาดดี (Health)  2) เพียงพอดี (Accessibility) และ 3) ปลอดภัยดี (Safety)

ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องห้องน้ำสะอาดและทันสมัย ประกอบกับจากการได้เป็นเจ้าภาพ โอลิมปิก เกมส์ ครั้งที่ 32 ในปี 2020 ญี่ปุ่นจึงได้มีการปรับเปลี่ยนห้องสุขาทั่วประเทศ จากการสำรวจเมื่อปี 2016 เปิดเผยว่า ห้องน้ำสาธารณะทั่วประเทศยังมีการใช้ส้วมซึมอยู่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ จึงมีการปรับปรุงห้องน้ำให้เป็นส้วมแบบชักโครกถึง 332 แห่ง พร้อมทั้งเปลี่ยนให้เป็นอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง ทั้งฝารองนั่งระบบอุ่นในตัว ฝาเปิด – ปิดได้อัตโนมัติ มีระบบการขจัดกลิ่นในตัว และยังมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์โดยรวมของห้องน้ำสาธารณะ โดย TOTO ร่วมกับเทศบาลท้องถิ่นในการสร้างอาคารห้องน้ำสาธารณะขนาดกว้างขวางถึง 183 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หรือในสนามบินนาริตะที่มีอุปกรณ์เสริมช่วยเหลือผู้พิการในห้องน้ำ มีระบบให้คำแนะนำด้วยเสียงสำหรับคนตาบอดอีกด้วย ทั้งนี้ เรื่องส้วมของญี่ปุ่นเน้นในเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และการใส่ใจด้านภาพลักษณ์ความสวยงามด้วยเช่นกัน

ฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดติดอันดับของโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย จึงมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรุงปารีส และการเข้าห้องน้ำ ก็เป็นสิ่งที่เทศบาลกรุงปารีสให้ความสำคัญเช่นกัน จึงได้มอบหมายให้ Patrick Jouin เป็นผู้ออกแบบห้องน้ำสาธารณะ โดยออกแบบให้เป็นระบบ Fully Automatic and self – cleaning public toilet และนำไปตั้งตามจุดต่างๆ โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2009 จนปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 400 แห่ง ซึ่งนำไปตั้งตามสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งยังรองรับคนพิการที่นั่งวิลแชร์ และยังใช้บริการฟรีอีกด้วย

อังกฤษ

วันส้วมโลก, การสุขาภิบาล
Image Credit : popuptoilet.com

ในอังกฤษมีสิ่งที่เรียกว่า UriLift Pop – Up Toilets เป็นห้องน้ำสาธารณะที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน และตั้งอยู่แถวๆ ทางเดินเท้าริมถนน ซึ่งสามารถพบได้ในเมืองต่างๆ เช่น ในลอนดอน เพื่อแก้ไขปัญหาการปวดปัสสาวะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะสำหรับนักดื่มที่ต้องการเข้าห้องน้ำระหว่างทางกลับบ้านในตอนดึก และเพื่อเป็นการป้องกันการขับถ่ายตามถนนหรือตามซอกมุมตึกที่ไม่ถูกสุขอนามัย ซึ่งตัวห้องน้ำเองสามารถใช้ได้ทั้งชายและหญิง มีบริการโถฉี่ ชักโครกนั่ง อ่างล้างมือ และยังทำความสะอาดเองโดยอัตโนมัติ 6 ครั้งใน 1 ชั่วโมง ทั้งสะอาด และยังปลอดภัยอีกด้วย

วิธีการใช้ส้วมที่ถูกต้อง (ข้อมูลจากกรมอนามัย)

  • นั่งบนโถส้วมเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและลดการปนเปื้อนเชื้อโรค อีกทั้งยังเป็นการรักษาอายุการใช้งานของสุขภัณฑ์ และบ่งบอกถึงวัฒนธรรมการใช้ส้วมที่ดี 
  • ไม่ทิ้งวัสดุอื่น นอกจากกระดาษชำระลงในโถส้วม เพราะวัสดุอาจไปอุดตันท่อ หรือมีผลต่อระบบเก็บสิ่งปฏิกูล ทำให้ส้วมเต็มเร็ว 
  • ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม เพื่อสุขอนามัยที่ดี เพราะอุจจาระและปัสสาวะของมนุษย์ มีเชื้อโรคปนเปื้อนจำนวนมาก ทั้งยังเป็นแหล่งแพร่กระจายของพาหะนำโรคอีกด้วย 
  • ล้างมือและฟอกสบู่ทุกครั้งหลังการใช้ส้วม โดยเฉพาะหลังการขับถ่าย เนื่องจากอาจเกิดการปนเปื้อนจากอุจจาระ ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อโรคได้ 
  • ทำความสะอาดห้องน้ำบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ ไม่ต้องขัด เพื่อเป็นการทุ่นแรงก็ได้ค่ะ

[affegg id=4523]

Inspire Now ! : ในขณะที่เรามีห้องน้ำใช้กันอย่างสะดวกสบาย ยังมีประชากรทั่วโลกอีกหลายพันล้านคนที่ยังไม่มีห้องน้ำที่ดีและถูกสุขอนามัยใช้ รวมถึงยังไม่มีน้ำสะอาดใช้ด้วย ทำให้มีสุขภาพที่ไม่ดี เผชิญกับโรคท้องร่วง รวมถึงมีการอุปโภคบริโภคน้ำที่มีการปนเปื้อนอุจจาระ ซึ่งเราสามารถเป็นส่วนเล็กส่วนน้อยในการให้ความช่วยเหลือนี้ได้โดยการบริจาคให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่ จะบริจาคเงินที่ไหนดี ? เช่นองค์กร UNICEF เพื่อให้องค์กรเหล่านี้มีเงินทุนสำหรับการสร้างห้องน้ำหรือจัดการทำระบบสุขาภิบาลที่ดีให้กับผู้คนที่ขาดแคลนห้องน้ำและการมีน้ำสะอาดใช้สอย ทั้งนี้ การประหยัดน้ำ หรือการใช้น้ำคุ้มค่า และรักษาความสะอาดเมื่อใช้ห้องน้ำสาธารณะ ก็เป็นอีกสิ่งที่เราสามารถทำได้เช่นกัน

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? ห้องส้วมหรือห้องน้ำ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน และเพื่อสุขอนามัยที่ดี หลังทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ก็กดชักโครกหรือราดน้ำให้สะอาด รวมถึงล้างมือถูสบู่ให้เป็นนิสัย เพื่อการมีสุขภาพที่ดี และช่วยรักษาความสะอาด เมื่อยามใช้ห้องน้ำสาธารณะกันด้วยนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : who.int, m.museumsiam.org, euronews.com, thaihealth.or.th

Featured Image Credit : unsplash.com/Tim Mossholder

Facebook Comments

หาข้อมูล-ลงมือเขียนและเรียบเรียงโดยทีมกองบรรณาธิการเว็บไซต์ DIY INSPIRE NOW