ประวัติ แฮมเบอร์เกอร์ อาหารฟาสฟู้ดชื่อดังที่ไม่มีแฮมอยู่ในนั้นเหมือนอย่างชื่อ

มีใครเคยสงสัยหรือมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับชื่ออาหารที่เราเคยกินหรือรู้จักบ้างไหมคะว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร? หรือทำไมต้องมีชื่อแบบนี้ด้วย? ถ้าเพื่อนๆ เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจของเพื่อนๆ กับอาหารชนิดหนึ่งนั่นก็คือ แฮมเบอร์เกอร์นั่นเอง ว่าทำไมในชื่อมันก็บอกอยู่ว่าเป็น “แฮม” แต่พอสั่งมากินกลับกลายเป็นเนื้อบดแทนซะงั้น ซึ่งการที่เราจะตอบคำถามนี้ได้อย่างแรกคือเราต้องเข้าใจ ประวัติ แฮมเบอร์เกอร์ ก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร? เพราะฉะนั้นเราก็อย่ารอช้าแล้วย้อนอดีตไปดูกันเลยดีกว่า

ความเป็นมาและ ประวัติ แฮมเบอร์เกอร์ ทำไมจึงไม่มีแฮมเหมือนอย่างชื่อ

ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับแฮมเบอร์เกอร์ว่ามาจากไหน? หรือมีความเป็นมายังไง? เราลองมาดูกันคร่าวๆ ก่อนดีกว่าว่าแฮมเบอร์เกอร์ที่เราเห็นทั่วไปเนี่ยมันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ซึ่งเพื่อนๆ ก็คงรู้อยู่แล้วว่าแฮมเบอร์เกอร์ก็คืออาหารฟาสฟู้ดประเภทหนึ่งที่เราสามารถเลือกกินได้ง่ายแล้วก็ไม่ได้มีขั้นตอนที่พิถีพิถันมากมายในการทำ ซึ่งบางครอบครัวในต่างประเทศก็จะชอบเอามากินเป็นเมนูตอนเช้าก่อนไปทำงาน โดยส่วนประกอบทั่วไปในแฮมเบอร์เกอร์ที่เราเห็นว่าจะมีเหมือนๆ กันหมดนั่นก็คือ ขนมปังประกบบนล่าง มีผักอย่างผักกาด มะเขือเทศ หัวหอม แล้วก็มีชีส แต่สิ่งที่แตกต่างกันนั่นก็คือเนื้อที่อยู่ตรงกลางนั่นเอง ในอดีตเนื้อที่เขานิยมเอามาทำแฮมเบอร์เกอร์จะเป็นเนื้อวัวส่วนที่เหนียวๆ เคี้ยวยาก โดยเขาจะนำเนื้อเหล่านั้นมาสับรวมกันแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ และนำไปย่างหรือทอดก็ว่ากันไป

[affegg id=2734]

ซึ่งแฮมเบอร์เกอร์ในสมัยนี้ก็ได้มีการพัฒนาขึ้นไปมากจากเมื่อก่อนให้มีความหลากหลายมากขึ้นจากการที่มีเนื้อให้เลือกได้หลายแบบโดยจะมีทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อกุ้ง และสามารถเพิ่มรสชาติได้ด้วยซอสอีกหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ซอสมายองเนสและอื่นๆ ที่ช่วยชูรสให้อาหารดูดีและอร่อยมากขึ้น ซึ่งอย่างที่บอกในตอนต้นว่าแฮมเบอร์เกอร์คือหนึ่งในอาหารฟาสฟู้ดที่ดังและมีชื่อเสียงมากในอเมริกา ที่เวลาคนคิดถึงอาหารฟาสฟู้ดหลายๆ อย่างก็คงจะคิดว่ามีที่มาที่ไปมาจากอเมริกาแน่ๆ เลย แต่เอ๊ะมันจะใช่อย่างที่หลายๆ คนเชื่อจริงๆ รึเปล่า ถ้าอย่างนั้นเราก็คงต้องย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 กันเลยว่า ประวัติ แฮมเบอร์เกอร์จริงๆ แล้วมีที่มาจากไหนกันแน่

ซึ่งต้นกำเนิดของอาหารที่มีคนสันนิษฐานว่ามาจากแฮมเบอร์เกอร์ นั้นยังไม่มีชื่อที่แน่ชัดเลยด้วยซ้ำ แต่จากการคาดเดาของผู้คนหลายๆ ที่คิดว่าเรื่องราวสูตรอาหารของแฮมเบอร์เกอร์น่าจะเริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จากชาวเยอรมันนี โดยเขามีเรื่องเล่าว่าในประเทศเยอรมันมีอาหารอย่างหนึ่งที่มีวิธีการทำมาจากการนำเนื้อวัวถูกๆ ที่ไม่เหมาะกับการทำสเต็กมาสับเป็นชิ้นเล็ก จากนั้นก็นำไปบดผสมเครื่องเทศ แล้วปั้นเป็นแผ่นกลมๆ ก่อนนำไปย่าง ทอด หรือรมควัน จนได้เป็นสเต็กเนื้อสับที่สามารถเอามาประกบด้วยขนมปังบนล่างและมีผักอยู่ตรงกลางก็ได้ ซึ่งถ้าดูๆ แล้วอาหารประเภทนี้ก็ดูไม่มีขั้นตอนที่ต้องใช้ความคิดอะไรมากเท่าไหร่ในการทำ มันเลยทำให้เราเห็นอาหารแบบแฮมเบอร์เกอร์กระจายในหลายๆ ที่ทั่วโลกเพราะไม่ว่าประเทศไหนก็ต้องมีส่วนของเนื้อที่ไม่อร่อยทั้งสิ้น

[affegg id=2735]

และอีกอย่างก็อาจจะเป็นเพราะส่วนผสมหรือวิธีการทำที่ไม่ว่าใครทำออกมารสชาติมันก็ไม่ได้ต่างและไม่ได้ยากที่จะทำ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนเลียนแบบสูตรอาหารและนำไปแพร่กระจายในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศอเมริกานั่นเอง ถ้าหากจะตั้งคำถามว่าใครนำวิธีการทำแฮมเบอร์เกอร์ไปแพร่กระจายจริงๆ หรือใครคือค้นที่คิดสูตรอาหารนี้ขึ้นมาก็ยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ถ้าจะเอาจากความเชื่อเกี่ยวกับ ประวัติ แฮมเบอร์เกอร์ ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ การที่คนเยอรมันย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่อเมริกาและนำสูตรการทำแฮมเบอร์เกอร์ไปเผยแพร่ โดยเขาคาดว่าชื่อของอาหารก็น่าจะตั้งมาจากที่สุดท้ายที่อาหารชนิดนี้เดินทางมานั่นก็คือ ท่าเรือของเมืองฮัมบูร์ก (Hamburg) นั่นเอง

และเมื่อพูดถึงการเดินทางในสมัยก่อนที่ยังไม่เจริญเท่ากับสมัยนี้ก็คงต้องบอกว่ามันเป็นการเดินทางที่ใช้เวลานานและมีแค่เส้นทางเดียวที่จะสามารถเดินทางข้ามทวีปได้นั่นก็คือเรือ ซึ่งท่าเรือที่จะสามารถเดินทางจากเยอรมันไปที่อเมริกาได้จะต้องเป็นท่าเรือที่รองรับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ได้ และท่าเรือในสมัยนั้นก็มีแค่ไม่กี่แห่ง โดยท่าเรือที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือท่าเรือฮัมบูร์ก เพราะท่าเรือนี้เป็นท่าเรือที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศเยอรมันนีเพื่อที่จะออกไปสู่โลกภายนอกนั่นเอง ดังนั้นถ้าจะสรุปประวัติ แฮมเบอร์เกอร์ สั้นๆ ก็คือ คำว่าแฮมที่อยู่ในแฮมเบอร์เกอร์มันไม่ได้มาจาก “หมูแฮม” แต่มันมาจากชื่อเมืองฮัมบูร์กในประเทศเยอรมันนีนั่นเอง

[affegg id=2736]

นอกจากจะบอกว่ามีที่มาที่ไปยังไงแล้ว เราก็อยากจะมาชวนพูดคุยเกี่ยวกับการกินแฮมเบอร์เกอร์อีกสักเล็กน้อยว่าการกินแฮมเบอร์เกอร์ที่เป็นอาหารฟาสฟู้ดมากๆ นี้มีผลเสียที่จะทำให้เราอ้วนขึ้นใช่รึเปล่า? ซึ่งเราก็จะบอกไว้ตรงนี้เลยว่ามันไม่ได้ทำให้เราอ้วนเสมอไปเพราะมันขึ้นอยู่กับปริมาณและองค์ประกอบในแฮมเบอร์เกอร์นั้นๆ ด้วยเพราะถ้าจะพูดจริงๆ คือ การกินแฮมเบอร์เกอร์สามารถทำให้เราได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนตั้งแต่คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน และไฟเบอร์เลย แต่เราต้องกินให้เป็นถึงจะดีต่อสุขภาพ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการทำอาหารกินเอง

ยกตัวอย่างเช่น โดยปกติร้านอาหารฟาสฟู้ดหลายๆ ที่มักจะใช้น้ำมันทอดซ้ำ ซึ่งมันส่งผลเสียต่อร่างกายมากมายไม่ว่าจะเป็นไขมันทรานส์หรือสารก่อมะเร็ง เราก็อาจจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมันที่ดีกว่าในการทำเองไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวแทนก็ได้ ส่วนเนื้อก็อาจจะเปลี่ยนจากเนื้อวัวเป็นเนื้อปลาและเพิ่มผักเข้าไปแทน ส่วนขนมปังก็เปลี่ยนเป็นขนมปังโฮลวีต เท่านี้เราก็จะได้อีกหนึ่งเมนูแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อยและดีต่อสุขภาพมากขึ้นนั่นเอง ส่วนถ้าใครคิดว่าเมนูนี้มันดูจะขาดๆ อะไรไปบางอย่างและไม่ค่อยสนใจเรื่องแคลอรี่ก็อาจจะหาวิธีทำเฟรนฟรายชีสอร่อยๆ เพิ่มดูก็ได้เช่นกัน

เป็นยังไงกันบ้างคะกับประวัติ แฮมเบอร์เกอร์ว่ากว่าจะมีอาหารขนิดนี้นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง? โดยส่วนตัวเราอยากจะบอกเพื่อนๆ ว่าเราเองก็เป็นคนที่ชอบสงสัยกับหลายๆ สิ่งรอบตัวบ้างเหมือนกันว่า ทำไมอาหารนี้ถึงมีชื่อแบบนี้? แล้วชื่อแบบนี้มันมีที่มาที่ไปว่ายังไง? แล้วพอสงสัยก็ต้องลองหาคำตอบใช่ไหมคะ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเป็นการเรียนรู้ที่ง่ายและสนุก เพราะนอกจากเราจะได้เรียนรู้เรื่องอาหารแล้วเราก็ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์เพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้นเราก็อยากแนะนำเพื่อนๆ ให้ลองใช้เวลาว่าในการอ่านประวัติความเป็นมาของอาหารหรือสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเราดูนะคะ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวเราล้วนมีที่มาที่ไปที่น่าสนใจและสามารถทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างสร้างสรรค์แน่นอน สุดท้ายนี้เราอยากบอกเพื่อนๆ ว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ค่ะ 

DIY INSPIRE NOW  ทำให้ฉันได้ไอเดียของกิน? จากประวัติของเบอร์เกอร์ ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกว่าอยากจะลองทำอาหารกินเองดูหรือลองหาอ่านประวัติอาหารอื่นๆ ดูเพิ่มบ้างไหมคะ? ลองพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะ

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : ทำไมแฮมเบอร์เกอร์จึงไม่มีแฮม, verywellfit.com