น้ำตาเทียมยี่ห้อไหนดี ? เลือกยังไง ใช้ได้บ่อยแค่ไหน ดีจริงมั้ย เรามีคำตอบ

ทุกวันนี้ไม่เฉพาะแค่คนใส่คอนแทคเลนส์เท่านั้น แต่สาวๆ ที่ต้องทำงานตลอดวัน นั่งจ้องคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรืออ่านตัวหนังสือโดยไม่พัก ก็มักเกิดอาการตาแห้งและอาการตาล้าขึ้นได้ ซึ่งวิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คือการพักสายตาค่ะ แต่ถ้าเรายังจำเป็นต้องใช้สายตาจนทำให้อาการตาแห้งรุนแรงขึ้น “น้ำตาเทียม” ก็คืออีกหนึ่งทางออกที่แพทย์แนะนำ แต่จะเลือก น้ำตาเทียมยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับเรา มีน้ำตาเทียมไม่มีสารกันบูดบ้างไหม ลองมาดู 5 แบรนด์น้ำตาเทียมหร้อมเคล็ดลับน่ารู้เรื่องน้ำตาเทียมจาก DIY INSPIRE NOW ได้เลยค่ะ

น้ำตาเทียมคืออะไร ?

น้ำตาเทียม หรือ Artificial Tears คือของเหลวที่ใช้เพื่อทดแทนสารหล่อลื่นในดวงตา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาตามธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองตาจากอาการตาแห้งหรือตาล้า รวมถึงตาแห้งจากการใส่คอนแทคเลนส์ เราสามารถซื้อน้ำตาเทียมได้โดยไม่ต้องได้รับใบสั่งยาจากแพทย์ แต่อย่างไรก็ตามหากไม่มั่นใจและไม่เคยใช้น้ำตาเทียมมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเลือกซื้อน้ำตาเทียมด้วยนะคะ

เลือกน้ำตาเทียมอย่างไรให้เหมาะกับเรา ?

เพราะน้ำตาเทียมในท้องตลาดมีมากมายหลายแบรนด์ แล้วจะเลือกน้ำตาเทียมยี่ห้อไหนดีให้เหมาะกับเราที่สุด ลองมาดูปัจจัยที่เราต้องพิจารณาก่อนเลือกน้ำตาเทียมกันดีกว่า

1. ไม่ใช้น้ำตาเทียมที่มีสารกันบูด

เพราะน้ำตาเทียมคือของเหลวที่เราต้องใช้กับอวัยวะสำคัญอย่างดวงตา เพราะฉะนั้นควรเลือกน้ำตาเทียมไม่มีสารกันบูดชนิดรุนแรง เช่น Benzalkonium chloride จะดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นหากใช้ซ้ำติดต่อกันเป็นเวลานานๆ น้ำตาเทียมประเภทนี้อาจทำให้เซลล์เยื่อบุตาของเราถูกทำลายได้ค่ะ 

ข้อสังเกต : น้ำตาเทียมแบบไม่มีสารกันบูดอาจจะอ่อนโยนกว่าก็จริงแต่ก็ทำให้แบคทีเรียเติบโตง่าย ทำให้เหมาะจะใช้เป็นน้ำตาเทียมแบบรายวันที่เป็นแคปซูลมากกว่า หรือหากเราจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมที่ผสมสารกันบูดจริงๆ ก็ควรเลือกชนิดที่ไม่รุนแรง เช่น สาร Stabilized oxychloro complex ค่ะ

2. เลือกน้ำตาเทียมที่มีคุณสมบัติเหมาะกับอาการของดวงตา

นอกจากน้ำตาเทียมจะมีหลายแบรนด์ให้เลือกแล้ว ยังมีหลายสูตร หลายคุณสมบัติที่ผลิตออกมาให้ตอบโจทย์อาการของผู้ใช้มากที่สุด หากเรามีอาการตาแห้ง ก็ควรเลือกน้ำตาเทียมที่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้น แต่หากมีเส้นเลือดฝอยในตาแตก ตาแดง คัน ระคายเคือง ควรใช้ยาหยอดตาแบบเฉพาะทางจะดีที่สุดค่ะ

3. เลือกจากประเภทของน้ำตาเทียม

รู้ไหมคะว่าน้ำตาเทียมมีแบบขี้ผึ้งหรือแบบเจลด้วยนะ ! โดยแบบขี้ผึ้งหรือเจลนั้นต้องใช้ป้ายในดวงตาของเราเพื่อให้ความชุ่มชื้น ข้อดีคือให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนาน แต่เรื่องความสะอาดก็จะลดลงเพราะเราต้องใช้นิ้วมือในการป้าย แต่สำหรับน้ำตาเทียมชนิดสารละลายที่เราใช้กันทั่วไปนั่นจะใช้สะดวกกว่า และยังมีสูตรที่ไม่ผสมสารกันบูด ทำให้ปลอดภัยกว่าในระยะยาวค่ะ

น้ำตาเทียมยี่ห้อไหนดี ? 5 แบรนด์น้ำตาเทียมใช้ดี

1. Natear UD

ใครอยากรู้ว่าน้ำตาเทียมยี่ห้อไหนดีที่เป็นเวชสำอางของไทยก็ต้องแบรนด์นี้เลยค่ะ เพราะเขาผลิตให้เป็นเวชสำอางโดยเฉพาะ  เป็นน้ำตาเทียมบรรจุแคปซูลแบบใช้รายวัน ไม่มีสารกันบูดและไม่มีสารที่ทำให้เส้นเลือดในตาหดตัว ช่วยเติมความชุ่มชื้นและลดอาการตาแห้งได้ดี นอกจากนี้ยังมีความอ่อนโยนสูง สามารถใช้ได้บ่อยระหว่างวัน เหมาะทั้งสำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์และไม่ใส่ค่ะ
ราคา : 8 มล. (28 หลอด) 229 บาท

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

2. Renu Bausch & Lomb

ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์คอนแทคเลนส์ชื่อดัง Bausch & Lomb จึงมั่นใจได้เลยว่าน้ำตาเทียมของเขาผลิตขึ้นอย่างเข้าใจเรื่องสุขภาพตาของเราจริงๆ มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาและช่วยหล่อลื่น ลดการระคายเคืองจากการใส่คอนแทคเลนส์ได้ดี นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของสารที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ จึงเหมาะกับคนที่มีอาการตาแห้งแบบไม่รุนแรงและต้องการหยดน้ำตาเทียมบ่อยๆ ด้วยค่ะ

ราคา : 8 มล.170 บาท

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

3. Cellufresh Lubricant

สำหรับสาวๆ ที่ตามหาน้ำตาเทียมยี่ห้อไหนดีที่เหมาะกับคนใส่คอนแทคเลนส์ที่ต้องทำงานจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนตลอดวัน Cellufresh MD ก็คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่เราอยากแนะนำ เพราะเป็นน้ำตาเทียมไม่มีสารกันบูด ใช้งานง่ายแบบแคปซูลรายวัน ช่วยลดอาการระคายเคืองและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ราคา : 0.4 มล. (30 หลอด) 275 บาท

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

4. ALCON Systane Ultra

ใครที่กำลังเผชิญกับอาการตาแห้งแบบรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันหรือเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดดวงตามา น้ำตาเทียมจาก ALCON รูปแบบแคปซูลรายวันก็ตอบโจทย์ของคุณที่สุด เพราะเขาคือน้ำตาเทียมแบบไม่มีสารกันบูด ใช้ได้บ่อย และยังอ่อนโยนต่อดวงตาที่อยู่ในช่วงเซนซิทิฟอีกด้วยนะ

ราคา : 0.4 มล. (24 หลอด) 495 บาท

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

5. Vislube

ใครอยากรู้ว่าน้ำตาเทียมยี่ห้อไหนดีที่ให้ความชุ่มชื้นสูง Vislube นี่แหละที่คุณต้องถูกใจ เพราะเขาพัฒนาน้ำตาเทียมชนิดซึมซาบทันที ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ถึงระดับเซลล์ของดวงตา มีสารให้ความชุ่มชื้นที่ปลอดภัยผสมอยู่หลายตัว เช่น โซเดียมไฮยาลูโรเนท และ โซเดียมคลอไรด์ เป็นต้น สามารถใช้ได้ทั้งคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ คนทั่วไปที่ทำงานหนักจนเกิดอาการตาแห้ง รวมถึงคนที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดดวงตาก็ใช้ได้
ราคา : 0.3 มล. (20 หลอด) 600 บาท

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

วิธีใช้น้ำตาเทียม หัดใช้ไม่ยาก เพื่อดวงตาที่สดใสในทุกวัน

• ล้างมือให้สะอาด : ขั้นตอนแรกเราต้องล้างมือตัวเองให้สะอาดที่สุด เพื่อป้องกันเชื้อโรคปนเปื้อนเข้าสู่ดวงตาค่ะ
• เงยหน้า เตรียมพร้อม : เงยหน้าในองศาที่เราถนัด จากนั้นใช้มือดึงเปลือกตาล่างลง เตรียมหยอดน้ำตาเทียม
• หยอดน้ำตาเทียม : กะปลายหลอดแคปซูลหรือปลายขวดให้อยู่มุมเดียวกับดวงตา จากนั้นเหลือตามองขึ้นด้านบน หยดน้ำตาเทียมลงมาประมาณ 1-2 หยด
• หลับตา : หลับตาประมาณ 2-3 นาทีแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้น้ำตาเทียมไหลออกจากดวงตาของเราเร็วเกินไป
• นวดตา : ใช้ปลายนิ้วนวดดวงตาเบาๆ ประมาณ 1 นาทีเพื่อให้ของเหลวระบายได้ดีขึ้น
• หากต้องใช้ยาหยอดตาอื่นๆ ต่อ ต้องรอ 5 นาที : สำหรับใครที่อยู่ในช่วงรักษาอาการป่วยเกี่ยวกับดวงตาและมียาหยอดตาต้องใช้ ให้รอประมาณ 5 นาทีแล้วค่อยหยอดยาตัวต่อไปค่ะ

ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม

• น้ำตาเทียมชนิดแคปซูลหลังเปิดแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 12-24 ชั่วโมง ส่วนน้ำตาเทียมแบบขวดควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน
• หากมีความจำเป้นต้องใช้น้ำตาเทียมติดต่อกันนานๆ ควรใช้ชนิดไม่ผสมสารกันบูด
• น้ำตาเทียมเป็นเพียงการรักษาชั่วคราวเท่านั้น หากอาการรุนแรงขึ้นควรพบจักษุแพทย์ทันที
• อาจมีผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น แสบหรือระคายเคือง, ตาแฉะ, น้ำตาไหล, ตาแดง, ขมในคอ ซึ่งเป้นอาการปกติ
• แต่หากใช้แล้วมีอาการระคายเคืองรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ทันที

Inspire Now ! : ได้รู้กันแล้วว่าจะใช้น้ำตาเทียมยี่ห้อไหนดี แต่อย่าลืมนะคะว่าน้ำตจาเทียมคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากมีอาการตาแห้ง ตาล้า เราควรพักสายตาบ่อยๆ ไม่ทำงานหนักหรือจ้องคอมพิวเตอร์มากไป รวมถึงหาวิธีทำให้นอนหลับสบายเพื่อพักสายตาอย่างมีคุณภาพ จึงจะเป็นวิธีดูแลดวงตาอย่างแท้จริงค่ะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันได้คำตอบหรือเปล่า ? ใครที่ใช้น้ำตาเทียมอยู่แล้วอยากมาแชร์ประสบการณ์กับเรา ก็มาคอมเมนต์พูดกันกันได้เลยนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : webmd.com, verywellhealth.com, bumrungrad.com