หลายคนมักมีอาการปวดศีรษะข้างเดียวแบบที่ไม่รู้สาเหตุ และทำให้พาลนึกไปถึงไมเกรน เพราะเข้าใจว่าไมเกรนจะมีอาการปวดศีรษะข้างเดียว แต่จริงๆ แล้วนั้น การเป็นไมเกรนไม่จำเป็นต้องปวดศีรษะข้างเดียวเสมอไป อาจมีอาการปวดได้ทั้งสองข้าง และการปวดศีรษะข้างเดียวอาจไม่ใช่ไมเกรน เพราะฉะนั้น เพื่อความเข้าใจในเรื่องของไมเกรน วันนี้เรามีบทความเกี่ยวกับไมเกรนมาอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจกันมากขึ้นว่า ไมเกรนเกิดจากหลอดเลือด จริงหรือ ? และสาเหตุที่แท้จริงของไมเกรนเกิดจากอะไร ? มีวิธีรักษาและดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง เรามาหาคำตอบกันเลยค่ะ
ไมเกรนเกิดจากหลอดเลือด จริงหรือ ?

โรคไมเกรนนั้น เป็นโรคที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่จะพบได้มากในวัยทำงานอายุ 30-40 ปี ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท อาจมาจากพันธุกรรมที่ผิดปกติ หรือเกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น ฮอร์โมน ความเครียด การกินอาหาร การอักเสบในร่างกาย รวมถึงการใช้ยาบางชนิด ที่จะส่งผลทำให้เกิดโรคไมเกรนขึ้นได้ และเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก เพราะเมื่ออาการกำเริบ จะทำให้ปวดหัวอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานได้นั่นเอง ไมเกรนเกิดจากหลอดเลือดจริงไหม ? ไมเกรนนั้นเกิดจากการบีบตัวและคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองที่มากกว่าปกติ จึงทำให้มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ในบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน มีอาการตาล้า ตาพร่ามัว หรือเห็นแสงระยิบระยับร่วมด้วย
-
สาเหตุของไมเกรนเกิดจากหลอดเลือด

Image Credit : neurologyadvisor.com
ไมเกรน สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของสมองหลายส่วน และสมองส่วนที่เรียกว่า “ไฮโปธาลามัส” (Hypothalamus) จะเป็นส่วนที่เริ่มทำงานผิดปกติก่อน ซึ่งสมองส่วนนี้มีหน้าที่ในการควบคุมระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบประสาทอัตโนมัติ การควบคุมการกิน นอน ตื่น อุณหภูมิของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนในร่างกายด้วย และในระยะถัดมาก้านสมองจะทำงานผิดปกติ และมีการส่งสัญญาณความปวดไปยังเส้นประสาทสมอง ทำให้เกิดความรู้สึกปวดศีรษะและใบหน้านั่นเอง นอกจากนี้แล้วคนที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน อาจมีความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดสมองตีบและแตกได้มากกว่าคนทั่วไป เพราะฉะนั้น หากใครกำลังเป็นไมเกรนอยู่ จึงต้องดูแลรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนให้ดี เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดตีบและแตก โดยการรักษาจะมีการใช้ยาแก้ปวด รวมทั้งมีวิธีในการป้องกันที่ถูกต้อง
[affegg id=2499]

Image Credit : brisbanebulkbillingdoctor.com.au
อย่างที่อธิบายกันไปแล้วนั้นว่าไมเกรนเกิดจากหลอดเลือด เพราะภาวะที่หลอดเลือดแดงในสมองบีบตัวและคลายตัวมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดอาการต่างๆ ดังนี้
- อาการที่นำมาก่อนนั้น จะเป็นอาการทางสายตา ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยจะมีอาการก่อนปวดศีรษะประมาณ 10-20 นาที เช่น เกิดตาพร่า มีการเห็นภาพหรือแสงที่ผิดปกติ เห็นแสงเป็นเส้นๆ แสงจ้าสะท้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยว
- อาจมีอาการนำอื่นๆ ร่วมด้วย คือ แขนขาไร้เรี่ยวแรง หรือรู้สึกคัน ชา แสบร้อน ที่บริเวณผิวหนัง อาการเหล่านี้อาจเกิดนำมาก่อนประมาณ 30 นาที
- ปวดศีรษะครึ่งซีก อาจปวดที่บริเวณขมับหรือบริเวณท้ายทอย โดยจะปวดข้างเดียว สองข้าง หรือสลับกันก็ได้ ซึ่งอาการปวดจะปวดแบบตุ๊บๆ นานๆ ครั้ง หรือปวดนานเกินกว่า 20 นาที บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นปวดทั้งวันจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ ส่วนมากจะมีการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย
- ในบางรายอาจไม่มีอาการนำมาก่อนการปวดศีรษะ แต่จะพบอาการอื่นแทน เช่น รู้สึกไวกับแสง เสียง หรือกลิ่นมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดก่อนนานหลายชั่วโมงกว่าจะมีอาการปวดศีรษะตามมา
ระยะของไมเกรนนั้นจะแบ่งตามอาการของระดับความปวดศีรษะ โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้
- ไมเกรนระยะนำ (Prodrome) เป็นระยะก่อนเริ่มมีอาการปวดศีรษะ
- ไมเกรนระยะอาการเตือน (Aura) เป็นระยะการเตือนก่อนที่จะเกิดอาการปวดศีรษะ
- ไมเกรนระยะปวดศีรษะ (Headache) เป็นระยะที่จะมีอาการปวดศีรษะขึ้น ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างสลับกัน
- ไมเกรนระยะหลังจากปวดศีรษะ (Resolution) เป็นไมเกรนระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นระยะพัก หลังจากมีอาการปวดศีรษะไปแล้ว และอาจเว้นช่วงก่อนที่จะกลับมาปวดศีรษะอีกครั้ง
ดังนั้น หากว่าเรามีอาการเริ่มปวดศีรษะ ที่ไม่ได้มาจากการปวดแบบทั่วไป ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อจะได้วินิจฉัยให้แน่ชัดว่าอาการปวดที่เราเป็นนั้น มาจากโรคไมเกรนเกิดจากหลอดเลือด หรือโรคอื่นๆ เพื่อจะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด
[affegg id=2500]
-
วิธีรักษาไมเกรนเกิดจากหลอดเลือด

การรักษาไมเกรนนั้น จะใช้วิธีการรักษาด้วยยา ซึ่งจะใช้ยาตัวไหนนั้นขึ้นอยู่กับความถี่และความรุนแรงของการปวดศีรษะ แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและพิจารณา เพราะอาการไมเกรนจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาแก้ปวดพาราเซตามอลธรรมดา หากมีอาการปวดที่ไม่รุนแรงหรือปานกลาง จะรักษาด้วยยาบรรเทาอาการปวดแอสไพริน หรือไอบูโพรเฟนได้ แต่หากมีอาการปวดมากไปจนถึงรุนแรง แพทย์จะรักษาด้วยยากลุ่มอื่นๆ แทน
[affegg id=2501]
-
วิธีดูแลและป้องกันจากไมเกรน

วิธีในการป้องกันไมเกรนที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ ซึ่งในแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป หากรู้ว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรน ให้พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น ได้แก่
- ตัวกระตุ้นด้านอารมณ์ เช่น ภาวะเครียด ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า
- ตัวกระตุ้นด้านกายภาพ เช่น ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีการทำงานหนักมากเกินไป
- ตัวกระตุ้นด้านอาหาร เช่น กินอาหารไม่ตรงเวลา ดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่าง ชา กาแฟ
- ตัวกระตุ้นด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น ความชื้น หรืออุณหภูมิที่เย็นจัด อยู่ในที่ที่มีแสงสว่างจ้า มีเสียงดัง บรรยากาศที่อบอ้าว หรือได้รับกลิ่นบางอย่างที่รุนแรง
- ตัวกระตุ้นด้านอื่นๆ เช่น ขณะมีประจำเดือน หรือกินยาคุมกำเนิด
เพื่อการหลีกเลี่ยงอาการไมเกรนระยะสุดท้าย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไมเกรนควรต้องป้องกันตนเองจากภาวะสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นต่างๆ เหล่านี้ สิ่งสำคัญเลยคือ ต้องสังเกตตนเองว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นการเกิดไมเกรนของเรา เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงและทำให้อาการไมเกรนรุนแรงน้อยลงได้โดยไม่ต้องใช้ยา เช่น ในบางคนที่มีตัวกระตุ้นคือกลิ่นที่รุนแรง ลองหากลิ่นอโรมาหอมๆ มาบำบัดให้เกิดการผ่อนคลาย เป็นต้น
Inspire Now ! : อาการปวดศีรษะไมเกรนเกิดจากหลอดเลือดนั้น สามารถรักษาได้ดีด้วยการใช้ยา แต่นอกเหนือไปจากการกินยาแล้ว เรายังสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยอาหาร เพื่อป้องกันการเกิดไมเกรนระยะสุดท้าย เช่น งาดำ เพราะสรรพคุณงาดำคือ ช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน เช่น อาการปวดไมเกรน และอาการปวดท้อง เนื่องจากในงาดำมีทั้งวิตามินบี แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ที่ช่วยลดอาการต่างๆ เหล่านี้ได้นั่นเองค่ะ |
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันได้คำตอบใช่ไหม ว่าไมเกรนเกิดจากหลอดเลือดจริงหรือไม่ ? เราได้รู้กันไปแล้วถึงสาเหตุ วิธีการรักษา และวิธีป้องกัน ใครที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนอยู่ อย่าลืมนำคำแนะนำไปปฏิบัติตามกันนะคะ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : pobpad.com, thonburihospital.com, bangkokinternationalhospital.com