Marie Curie นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลผู้อุทิศตัวเพื่อการทำงานด้านวิทยาศาสตร์
204
ในโลกเรามีนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งๆ หลายคนและนักวิทยาศาสตร์ที่เรารู้จักกันส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชายใช่ไหมหล่ะคะ ? วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับนักวิทยาศาสตร์ผู้หญิงที่ชื่อ Marie Curie กัน เธอเป็น นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล ชาวโปแลนด์ เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1867 ชีวิตวัยเด็ก Marie เข้าเรียนในโรงเรียนทั่วไป แล้วเส้นทางชีวิตเธอเป็นมายังไง ทำไม Marie Curie คือ นักวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดังระดับโลกได้ ? เราไปทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้กันค่ะ
Marie Curie นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล ผู้ค้นพบ radium และ polonium
Image Credit : influential-women.com
“อย่ากลัวความสมบูรณ์แบบไปเลย เพราะคุณไม่มีวันไปถึงมันหรอก”
หากใครเคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ก็คงจะพอรู้จัก Marie Curie มาบ้าง ว่า Marie Curie คือ นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบ radium และ polonium และเธอก็ยังเป็นนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลมา 2 ครั้ง คำพูดของ Marie Curie ที่ว่า “อย่ากลัวความสมบูรณ์แบบไปเลย เพราะคุณจะไม่มีวันไปถึงมันหรอก” คงให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตได้เยอะเลยใช่ไหมคะ ?
เมื่อรู้กันคร่าวๆ แล้วว่า Marie Curie คือใคร เราจะชวนมาดูจุดเริ่มต้นของการเป็นนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลของเธอกันค่ะ โดยเส้นทางในการเป็นนักวิทยาศาสตร์ของ Marie นั้นเริ่มต้นจากการที่เธอได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Sorbonne ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทำให้ Marie ค้นพบว่าเธอนั้นชอบวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ เรียกได้ว่าการตัดสินใจไปเรียนมหาวิทยาที่นี่นั้นทำให้ Marie ได้ค้นพบตัวเองว่าชอบอะไรจนนำไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จค่ะ
Image Credit : newscientist.com
Marie Curie แต่งงานกับ Pierre Curie ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ ในปี 1895 หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทำงานเป็นนักวิจัยที่โรงเรียนเคมีและฟิสิกส์ ในปารีส โดยในขณะนั้น ศาสตราจารย์ Henri Becquerel ได้ค้นพบกัมมันตภาพรังสีใน uranium ซึ่งเป็นสิ่งที่จุดประกายให้ Marie สนในที่จะศึกษากัมมันตภาพรังสี เธอและสามีจึงได้ทำการศึกษากัมมันตภาพรังสีโดยการแยกองค์ประกอบต่างๆ จนในที่สุดก็ค้นพบธาตุใหม่ ซึ่งก็คือ polonium นั่นเอง โดยชื่อของ polonium นั้นมาจาก Poland ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของ Marie
หลังจากนั้นไม่นาน Marie และ Pierre ก็ได้ค้นพบธาตุใหม่อีก นั่นก็คือ radium ซึ่งการค้นพบธาตุทั้งสองชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกที่ทำให้ Marie กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล โดย Marie และ Pierre ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ร่วมกับ Henri Becquerel ในปี 1903 ที่สำคัญเลยก็คือ Marie เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล เรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาเลยหล่ะค่ะเพราะผู้คนในสมัยนั้นยังมีความคิดที่ว่าผู้ชายมีความเข้าใจในวิทยาศาสตร์มากกว่าผู้หญิง แต่ Marie ก็สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าผู้หญิงเองก็มีความสามารถไม่ด้อยกว่าผู้ชายเลย
Image Credit : mariecurie.org
“ไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่ต้องกลัว เพียงแค่ต้องเข้าใจมัน”
คำพูดนี้ของ Marie Curie ที่ว่า “ไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่ต้องกลัว เพียงแค่ต้องเข้าใจมัน” แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่เข้าใจโลกและพร้อมที่จะเรียนรู้ ทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีความกลัว ซึ่งการคิดแบบนี้ก็สำคัญนะคะเพราะบางครั้งหากเรามัวแต่กลัวที่จะทำอะไรสักอย่างเราก็จะไม่ได้เริ่มทำอะไรสักที เพียงแค่เราลองเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆ ทำความเข้าใจกับมัน ก็อาจทำให้เราได้ค้นพบมุมมองใหม่ๆ ในชีวิตก็ได้นะคะ
Marie สูญเสียสามีไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ ในปี 1906 ซึ่งก็เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในอาชีพของเธอเลยหล่ะค่ะ เพราะเธอต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อทำงานวิทยาศาสตร์ที่เคยทำด้วยกันกับสามีทั้งหมดเพียงคนเดียว นอกจาก Marie จะเป็นนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลแล้ว เธอยังเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยด้วยนะ โดยหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไปไม่นาน Marie ก็ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ สอนที่มหาวิทยาลัย Sorbonne แทนสามีของเธอ ซึ่งเธอก็ยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่สอนในมหาลัยนี้ด้วยค่ะ หลังจากนั้นในปี 1910 บทความเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสีของ Marie ก็ได้ถูกตีพิมพ์และเธอก็ได้รับรางวัลโนเบลรางวัลที่สองในปี 1911สาขาเคมีจากการแยกเรเดียมบริสุทธิ์
Petits Curies
Image Credit : sierrawyllie.weebly.com
นอกจากนี้ Marie Curie นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลคนนี้ยังมีบทบาทสำคัญต่อวิวัฒนาการของเครื่อง x-ray อีกด้วย โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง Marie ได้ทำงานเพื่อพัฒนาหน่วย x-ray เคลื่อนที่ขนาดเล็กโดย Marie ได้สร้างรถบรรทุก x-ray เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนรถให้ด้านในกลายเป็นห้อง x-ray เรียกว่า Petits Curies ที่สามารถใช้วินิจฉัยการบาดเจ็บของทหารบริเวณใกล้สนามรบทำให้ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บเพื่อไป x-ray ที่โรงพยาบาล หลังจากนั้น Marie ได้ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนา Petits Curies ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยีที่ใช้กับเครื่อง x-ray ในปัจจุบันโดยมีประสิทธิภาพในการช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบภาพเคลื่อนไหวในร่างกายได้ เช่น การสูบฉีดของหัวใจ
Image Credit : atomicarchive.com
ตลอดชีวิตของ Marie Curie นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลคนนี้นั้นทุ่มเทให้กับการทำงานเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสีอย่างหนักโดยที่เธอไม่รู้เลยว่ากัมมันตภาพรังสีนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพของเธออย่างไร ทำให้เธอไม่เคยสวมชุดป้องกันทั้งยังทำงานกับกัมมันตภาพรังสีด้วยมือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเก็บ radium ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานและในกระเป๋าเสื้อของเธออีกด้วย ผลจากการที่เธอสัมผัสกับกัมมันตภาพรังสีอยู่แทบจะตลอดเวลานั้นทำให้เธอป่วยอยู่บ่อยๆ จนเสียชีวิตในปี 1934 ถึงแม้ Marie จะจากไปแล้วแต่งานที่เธอทุ่มเทมาทั้งชีวิตกับสิ่งที่เธอได้ค้นพบนั้นเป็นประโยชน์กับโลกนี้อย่างมากเลยค่ะ
“ฉันถูกสอนมาว่าหนทางแห่งความก้าวหน้านั้นไม่ได้รวดเร็วและง่ายดาย”
Marie เคยพูดไว้ว่า “ฉันถูกสอนมาว่าหนทางแห่งความก้าวหน้านั้นไม่ได้รวดเร็วและง่ายดาย” ซึ่งคำพูดนี้ก็ทำให้มาย้อนคิดนะคะว่าการที่เราทำอะไรไม่สำเร็จนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะล้มเหลวไปตลอด เพียงแค่เราไม่ท้อแล้วสักวันความสำเร็จจะเป็นของเราค่ะ
เรียกได้ว่า Marie Curie เป็นนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลผู้อุทิศตนเพื่อสังคมเลยหล่ะค่ะ การค้นพบธาตุ radium ของเธอนั้นมีประโยชน์ในด้านการแพทย์อย่างมากเพราะทางการแพทย์นั้นได้มีการใช้ radium เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยการใช้รังสีของ radium ในปริมาณสูงนั้นสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ เรียกได้ว่าการค้นพบของ Marie Curie นั้นช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม ถือได้ว่าเธอเป็นบุคคลที่น่ายกย่องจริงๆ ค่ะ
Image Credit : nobelprize.org
เรื่องราวของ Marie Curie นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลคนนี้ช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนที่หมดกำลังใจในการใช้ชีวิตได้อย่างมากเลยหล่ะ ตลอดชีวิตของเธอนั้นทุ่มเทกับการทำงานเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือผู้อื่น เรียกได้ว่า Marie Curie คือ นางฟ้าแห่งวงการวิทยาศาสตร์เลยจริงๆ ค่ะ สิ่งที่ Marie ทำนั้นก็ทำให้คิดได้ว่าบางครั้งการศึกษาในสิ่งที่เราชอบหรือสนใจก็สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นได้อย่างมากมายเลยค่ะ
Inspire Now ! : เมื่อได้รู้กันแล้วว่า Marie Curie คือใคร พร้อมกับเรื่องราวในชีวิตของเธอที่แสนจะน่าทึ่ง จากเด็กผู้หญิงธรรมดากลายมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดัง ก็คงจะทำให้หลายคนมีแรงบันดาลในการลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างใช่ไหมคะ ? สิ่งสำคัญเลยก็คือการจัดสรรเวลาที่เหมาะสมนะคะ เช่นเดียวกับ Marie Curie ที่สามารถทำงานหลายๆ อย่างให้ออกมาดีได้ก็คงเป็นเพราะมีการจัดสรรเวลาที่ดีนั่นเองค่ะ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่าหรือเปล่า ? อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นใช่ไหม ? ทุกคนมีวิธีพัฒนาตัวเองยังไงบ้างคะ ? อ่านหนังสือข้อคิดดีๆ เพื่อเป็นพลังในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น หรือดูหนังเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือมีวิธีพัฒนาตัวเองอื่นๆ ที่น่าสนใจก็แชร์กันมาได้นะคะ
Feature Image Credit : nobelprize.org
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : nobelprize.org, mariecurie.org, britannica.com, verywellhealth.com, cancerresearchuk.org
Facebook Comments