การให้อภัยผู้อื่น ทำยังไง ? ให้อภัยเค้า แล้วเรามีความสุขมากขึ้นจริงมั้ย ? ชวนมาฝึกกัน !

เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดมั้ยคะว่า “ให้อภัยเค้าเถอะ ให้อภัยแล้ว เราจะสบายใจขึ้น” คุณคิดเห็นกันยังไง ? หลายครั้งที่เราโมโห โกรธ มนุษย์เรามักชี้นิ้วออกจากตัวเพื่อโทษคนอื่น หาคนอื่นโทษ เพราะมันง่ายกว่าการที่ชี้นิ้วเข้าหาตัวเราเอง พอโทษคนอื่นบ่อยๆ เข้าก็เกิดความเคยชิน ทำให้หลายครั้งเผลอลืมตัวไปว่า คนที่ผิดนั้น ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นตัวเรานั่นเอง ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะพาทุกคนฝึกที่จะลองเริ่มมองจากตัวเองก่อน ชี้เข้าหาตัวเองว่าเราหรือเปล่าที่เป็นฝ่ายอารมณ์เสียเพราะตัวเราเอง และหากเป็นฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคนผิดก็ให้คิดว่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล้วลองฟังเค้า ให้อภัยเค้าดู เพื่อให้ตัวเราเอง สบายใจขึ้น ไม่จมอยู่กับความทุกข์ หรืออารมณ์ขุ่นมัวต่างๆ มากจนเกินไปค่ะ

การให้อภัยคนอื่น จำเป็นมั้ย ? ชวนลองฝึกให้อภัยเพื่อให้เราคลายจากทุกข์ให้เร็วขึ้นกัน !

การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์ภายใน สร้างความสุขสงบภายในจิตใจ และเปิดโอกาสสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นได้อีกครั้ง ลองมาทำความเข้าใจเรื่องการให้อภัย แล้วฝึกไปพร้อมๆ กันในบทความนี้กันค่ะ

การให้อภัย คืออะไร ?

การให้อภัยเป็นกระบวนการทางจิตใจเชิงลึก ใช้เวลาในการฝึก และมีความสำคัญมากสำหรับการพัฒนาตนเอง ซึ่งมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้

1. การยอมรับความผิดพลาดหรือการกระทำที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดซึ่งเริ่มต้นด้วยการรับรู้ และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา โดยปราศจากการปกปิดหรือหลีกเลี่ยง
2. การปล่อยวางความรู้สึกเจ็บแค้น โกรธเคือง และพยาบาท ซึ่งหลังจากยอมรับแล้ว ต้องฝึกปล่อยวางอารมณ์เชิงลบที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งนี่คือขั้นตอนที่ยากที่สุด 
3. การเข้าใจ และเห็นถึงเหตุผล และเจตนาของผู้กระทำ ลองพยายามมองในมุมกว้าง ว่าบางครั้งการกระทำนั้นอาจไม่ได้มีเจตนาร้ายหรือเกิดจากความไม่รู้เท่านั้น
4. การสร้างความเห็นอกเห็นใจและความเมตตา หลังจากเข้าใจถึงเหตุผลแล้ว ให้พยายามเกิดความเห็นอกเห็นใจ และความเมตตาจากใจจริง
5. การตัดสินใจที่จะให้อภัย ซึ่งจะนำพาไปสู่การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะให้อภัยและละทิ้งความรู้สึกด้านลบนั้นไป

ทำไมเราถึงต้องให้อภัย ?

เพื่อความสุขความสงบของตัวเอง และความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เราจึงต้องทำการฝึกฝน และเรียนรู้การให้อภัย สำหรับเหตุผลของการให้อภัย มีดังต่อไปนี้ค่ะ

1. เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความทุกข์ทรมาน : การไม่ให้อภัยจะทำให้เรายึดติดกับความรู้สึกเจ็บแค้น โกรธเคือง ซึ่งเป็นพลังงานเชิงลบที่กัดกร่อนจิตใจเรา ดังนั้นการให้อภัยจะช่วยปลดปล่อยเราจากความทุกข์ทรมานเหล่านี้
2. เพื่อรักษาสุขภาพจิตและร่างกาย : การให้อภัยมีผลดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจ และการไม่ให้อภัยมีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความเครียด ภาวะซึมเศร้า และปัญหาสุขภาพต่างๆ
3. เพื่อสร้างสันติสุขและความผ่อนคลายในจิตใจ : เมื่อเราให้อภัยได้ จิตใจจะรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ปราศจากความเครียดและความกังวลใจ ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี
4. เพื่อเปิดโอกาสในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีขึ้น : การให้อภัยจะช่วยกำจัดอคติและอุปสรรคทางจิตใจ เปิดโอกาสให้เราสามารถสร้างสัมพันธภาพที่ดีขึ้นได้ทั้งกับคนรอบข้างและตนเอง
5. เพราะการให้อภัยเป็นเรื่องของความเข้มแข็งทางจิตใจ : การให้อภัยได้เป็นสัญลักษณ์ของจิตใจที่เข้มแข็ง ใจกว้าง และมีสติปัญญา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่ายกย่อง

การให้อภัยผู้อื่น ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นได้จริงมั้ย ? ยังไงบ้าง ?

การให้อภัยผู้อื่นเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาเราไปสู่ชีวิตที่เบิกบาน มีสุขภาพจิตที่ดี และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของความสุข ลองมาดูเหตุผลของการการให้อภัยผู้อื่น แล้วช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้นกันค่ะ

1. ปลดปล่อยอารมณ์ทางลบ : เมื่อเราให้อภัยผู้อื่นได้ ก็หมายถึงเราปลดปล่อยความรู้สึกโกรธ เคียดแค้น พยาบาท และความคับแค้นใจออกจากตัวเราไปได้ อารมณ์และพลังงานเชิงลบเหล่านี้จะไม่ได้ตกค้างและบั่นทอนจิตใจของเราอีกต่อไป ทำให้เรารู้สึกเบาใจและมีความสุขมากขึ้น
2. สร้างสันติสุขภายใน : การให้อภัยเปรียบเสมือนการเปิดพื้นที่บริสุทธิ์ในจิตใจเพื่อรองรับสิ่งดีๆ เข้ามา เมื่อเราปล่อยวางความรู้สึกเจ็บแค้นต่างๆ ได้ จิตใจจะเต็มไปด้วยสันติสุข ความผ่อนคลาย และความสดชื่นมากขึ้น
3. เปิดโอกาสในการสร้างสัมพันธภาพที่ดี : เมื่อให้อภัยได้ เราก็จะไม่มีอคติหรือความรู้สึกเชิงลบที่จะมากีดกันความสัมพันธ์กับผู้อื่น ส่งผลให้นำไปสู่โอกาสในการสร้างปฏิสัมพันธ์และสัมพันธภาพที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของความสุข
4. ลดความเครียดและปัญหาสุขภาพ : การยึดติดกับความรู้สึกเคียดแค้นและไม่ยอมให้อภัยผู้อื่น มักนำไปสู่ความเครียดและปัญหาสุขภาพตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น การให้อภัยจะช่วยลดความเครียดและลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
5. สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งทางจิตใจ : การให้อภัยได้นั้นเป็นสัญลักษณ์ของจิตใจที่เข้มแข็ง เปี่ยมด้วยสติปัญญาและมีพลังใจสูง ทำให้เรามีความภาคภูมิใจและมองตนเองในแง่บวกมากขึ้น ส่งผลให้มีความสุขกับตนเองมากขึ้น

การให้อภัยผู้อื่น ต้องทำยังไงบ้าง ?

การให้อภัยผู้อื่นเป็นกระบวนการทางจิตใจที่ต้องใช้ความพยายามและอดทน ซึ่งต้องอาศัยเวลา และความพยายามอย่างต่อเนื่อง บางครั้งอาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง แต่มันจะช่วยให้จิตใจเบาสบาย และมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้ค่ะ ลองมาดูวิธีกันนะคะ

1. รับรู้และยอมรับความรู้สึก : เริ่มต้นด้วยการยอมรับความรู้สึกเจ็บปวด โกรธ หรืออารมณ์ด้านลบต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา อย่าปฏิเสธหรือกดดัน
2. พิจารณาเหตุผลและมองโลกตามความเป็นจริง : พยายามมองสถานการณ์จากหลายมุมมอง เพื่อให้เข้าใจว่าการกระทำนั้นอาจมีเหตุผลอื่นๆ ประกอบ 
3. แยกแยะระหว่างการกระทำ กับ คน : ลองแยกแยะว่าที่เราไม่พอใจคือเราไม่ชอบการกระทำของคนๆ นั้น หรือไม่ชอบคนๆ นั้น บางทีเราอาจไม่ชอบที่การกระทำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไม่ชอบคนนั้นก็ได้
4. มองตนเองในอดีต : พิจารณาว่าตัวเราเองก็เคยมีข้อผิดพลาดหรือทำผิดต่อผู้อื่นมาก่อน และเราก็อยากได้รับการให้อภัยด้วยไม่ต่างกัน
5. สวดมนต์ หรือปฏิบัติธรรม : การสวดมนต์หรือปฏิบัติธรรมตามศรัทธาอาจช่วยให้จิตใจสงบลง และเปิดใจให้อภัยมากขึ้น
6. เลือกที่จะแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ : หากไม่สามารถให้อภัยได้ในทันที อาจแสดงความรู้สึกผ่านการเขียน การวาด หรือการออกกำลังกายเพื่อระบายอารมณ์แทน
7. ตัดสินใจให้อภัยอย่างเด็ดขาด : เมื่อใจมีความพร้อมแล้ว ให้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะให้อภัยผู้อื่น และฝึกปล่อยวางความรู้สึกเชิงลบนั้น

คำแนะนำเกี่ยวกับการให้อภัยคนรัก ต่างจากการให้อภัยผู้อื่นมั้ย ?

การให้อภัยผู้อืื่นที่ได้นำเสนอไปนั้น มีความแตกต่างจากการให้อภัยคนรักอยู่ตรงที่ว่ามีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนกว่าการให้อภัยคนอื่นๆ เพราะมีเรื่องความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การให้อภัยคนรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องใช้สติปัญญาและความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปด้วยความรอบคอบ ดังนั้นเราจึงมีคำแนะนำเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ

1. อย่ารีบตัดสินใจหรือกระทำการใดๆ ในช่วงที่อารมณ์รุนแรง ให้รอจนสงบสติอารมณ์ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจด้วยใจ และสมองที่เย็นๆ
2. พูดคุยกับคนรักอย่างจริงใจ แสดงออกถึงความรู้สึก และเหตุผลที่คุณไม่พอใจ และ เปิดใจรับฟังเหตุผลอีกฝ่ายด้วย การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ
3. อย่าลืมที่จะพิจารณาความผิดพลาดในความสัมพันธ์ด้วย บางครั้งความผิดพลาดของคนรักอาจเกิดจากปัญหาร่วมกันของคู่รักไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
4. หากไม่สามารถให้อภัยได้ในตอนนี้ ก็อย่าปิดกั้นโอกาสของการให้อภัยในอนาคต ลองปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดู
5. จดจำถึงช่วงเวลาดีๆ ที่คู่ของคุณเคยผ่านร้อน ผ่านหนาวมาด้วยกัน มันจะช่วยให้เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์มากขึ้น
6. หากให้อภัยไม่ได้จริงๆ อย่าทรมานตัวเองไปมากกว่านี้ บางครั้งการจากกันอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

Mindset อะไรบ้าง ? ที่จะช่วยให้การให้อภัยผู้อื่นของคุณเป็นไปได้ดีขึ้น

มีหลายมุมมองหรือ Mindset ที่จะช่วยให้เรามีจิตใจที่เปิดกว้างและพร้อมที่จะให้อภัยได้ดีขึ้น ลองดูนะคะ

1. ความเข้าใจว่ามนุษย์ย่อมผิดพลาด : เราทุกคนมีความบกพร่อง และข้อผิดพลาดเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ การยอมรับในข้อบกพร่องของผู้อื่นจะทำให้เราเข้าใจในการให้อภัยมากขึ้น
2. การมองด้วยความเมตตากรุณา : เราต้องมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาต่อผู้อื่น มองว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอาจมีเหตุผลบางประการ และผู้คนทุกคนสมควรที่จะได้รับการให้อภัย
3. มุมมองของการปล่อยวาง : การยึดติดกับความโกรธและความรู้สึกเจ็บแค้น จะทำให้เราเป็นทุกข์ ดังนั้นการปล่อยวางจะช่วยให้จิตใจเบาและมีอิสรภาพมากขึ้น
4. ความตระหนักถึงประโยชน์ของการให้อภัย : การให้อภัยไม่ได้เป็นการยอมแพ้ แต่เป็นการแสดงออกถึงพลังและความหนักแน่นทางจิตใจ มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจของตนเองอย่างมาก
5. ความยินดีที่จะเริ่มต้นใหม่ : เมื่อให้อภัยได้แล้ว ให้ลองเปิดโอกาสที่จะสร้างสัมพันธภาพและเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า อย่าติดค้างอยู่กับอดีต
6. มองว่าทุกสิ่งเป็นบทเรียน : แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะทำให้เราเจ็บปวด แต่เรากลับได้รับบทเรียนและประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าจากมัน

Mindset เหล่านี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่ใจกว้างและมีความพร้อมที่จะให้อภัยผู้อื่นได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

Inspire Now ! : อยากให้ลองคิดว่าการให้อภัยผู้อื่น ก็คือการกระทำเพื่อตัวเราเอง เมื่อให้อภัยผู้อื่นได้ ตัวเราก็จะไม่ทุกข์ และมีความสุขได้มากขึ้น ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะทุกข์ไปเรื่อยๆ ชีวิตเราทุกคนนั้นสั้นนัก ให้อภัยผู้อื่น ให้อภัยตัวเอง มีความสุข แล้วทำในสิ่งที่อยากทำกันเถอะนะคะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมหรือเปล่า ? ใครมีประสบการณ์การให้อภัยผู้อื่นแบบไหน มาคอมเมนต์เล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ ♡

Featured Image Credit : freepik.com/user18526052