เทศกาลกินเจเป็นประเพณีสำคัญของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จัดขึ้นในช่วงเดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติจีน โดยผู้ร่วมเทศกาลจะงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด รับประทานเฉพาะอาหารที่ปรุงจากพืชผักและธัญพืชเป็นเวลา 9 วัน เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และสร้างบุญกุศล นอกจากการรับประทานอาหารเจแล้ว ยังมีพิธีกรรมทางศาสนาและการสวดมนต์เพื่อบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อ ซึ่งช่วยส่งเสริมความสามัคคีในชุมชนและสืบทอดวัฒนธรรมอันดีงามอีกด้วย และในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะชวนผู้อ่านทุกท่านมารู้จักประวัติความเป็นมาของเทศกาลนี้ พร้อมคำแนะนำในการกินเจให้อิ่มใจ และอิ่มบุญไปด้วยกันค่ะ
จุดเริ่มต้นเทศกาลคืออะไร ? ปี 2567 กินเจวันไหนกันนะ ?
Image Credit : canva.com-pro
เเทศกาลกินเจไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและศาสนา แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย การกินอาหารเจจะช่วยให้ร่างกายได้พักจากการย่อยเนื้อสัตว์ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตเนื้อสัตว์ ซึ่งในช่วงเทศกาลนี้ ร้านอาหาร และตลาดต่างๆ จะมีเมนูอาหารเจหลากหลายให้เลือก ทำให้เป็นโอกาสดีที่จะได้ลองชิมอาหารแปลกใหม่ และเรียนรู้การปรุงอาหารเจ นอกจากนี้ เทศกาลกินเจยังเป็นช่วงเวลาที่ดีในการฝึกสมาธิ และพัฒนาจิตใจ ช่วยให้ผู้คนได้ทบทวนตนเองและตั้งใจทำความดีอีกด้วย เอาหล่ะมาทำความรู้จักเทศกาลกินเจ ประวัติ และรายละเอียดเพิ่มเติมกันต่อเลยค่ะ
ไวตามิ้ลค์ ยูเอชที สูตรเจ 250 มล. X 36 กล่อง
จุดเริ่มต้นของเทศกาลกินเจ คืออะไร ?
เทศกาลกินเจมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานและน่าสนใจ หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมจีนโบราณ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ราวพุทธศตวรรษที่ 12 ตามตำนานเล่าว่า จักรพรรดิ์หวู่จงแห่งราชวงศ์ถัง ทรงพระสุบินนิมิตเห็นเทพเจ้าเก้าดวงดาว หรือที่รู้จักกันในนาม “เก้าจักรพรรดิ์” มาปรากฏพระองค์ เทพเจ้าเหล่านี้ได้แนะนำให้ประชาชนถือศีลกินเจเพื่อขจัดภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง จากนั้นเป็นต้นมา ได้มีการจัดเทศกาลกินเจขึ้นทุกปีในเดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติจีน เพื่อบูชาเทพเจ้าทั้งเก้าองค์ รวมถึงเทพเจ้าอื่นๆ ในศาสนาเต๋า โดยเฉพาะองค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงในหมู่ชาวจีน ผู้คนจะงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิดเป็นเวลา 9 วัน เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และสร้างบุญกุศล
และในช่วงราชวงศ์ซ่ง เทศกาลกินเจได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในแถบภาคใต้ของจีน ซึ่งมีการผสมผสานความเชื่อทางศาสนาพุทธ เต๋า และขงจื๊อเข้าด้วยกัน ทำให้เทศกาลนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและกลายเป็นประเพณีสำคัญของชาวจีน การแพร่กระจายของเทศกาลกินเจมาสู่ดินแดนอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย เกิดขึ้นพร้อมกับการอพยพของชาวจีน โดยเฉพาะชาวจีนแต้จิ๋ว ซึ่งนำประเพณีนี้ติดตัวมาด้วยเมื่อมาตั้งรกรากในสยาม ในประเทศไทย มีหลักฐานว่าเทศกาลกินเจได้รับการปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเทศกาลกินเจในประเทศไทยได้รับความนิยมอย่างมากในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีประชากรเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก งานเทศกาลกินเจที่ภูเก็ตถือเป็นงานใหญ่ประจำปีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีการจัดขบวนแห่ การเดินลุยไฟ และพิธีกรรมต่างๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานเทศกาลกินเจที่ยิ่งใหญ่ในจังหวัดอื่นๆ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และสงขลา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เทศกาลกินเจในประเทศไทยได้ผสมผสานความเชื่อดั้งเดิมของจีนเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเจให้เข้ากับรสนิยมของคนไทย การจัดพิธีกรรมที่ผสมผสานความเชื่อทางพุทธศาสนาเข้าไปด้วย และในปัจจุบัน เทศกาลกินเจไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น แต่ได้รับความสนใจจากคนไทยทั่วไปด้วย ด้วยเหตุผลทั้งทางด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาจิตใจ ทำให้เทศกาลนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมร่วมสมัยของสังคมไทย สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมและความเชื่อที่หลากหลายในประเทศไทย
Image Credit : canva.com-pro
กินเจ 2567 วันไหนนะ ?
โดยทั่วไป เทศกาลกินเจจะเริ่มต้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติจีน และมีระยะเวลา 9 วัน ซึ่งจะตรงกับช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคมของทุกปีตามปฏิทินสากล และสำหรับเทศกาลกินเจในปีนี้ตรงกับวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567 จัดขึ้นทั้งหมด 9 วัน แต่บางคนอาจจะล้างท้องก่อนตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งร่างกาย และจิตใจให้บริสุทธิ์ก่อนเริ่มเทศกาล
โปรตีนเกษตร โยตา อาหารเจ ทำจากถั่วเหลือง อาหารเจ Vegetarian
กินเจแล้วได้อะไร มาดูประโยชน์ที่ได้กัน !
สำหรับใครที่กำลังเลอยู่ว่าจะกิน หรือไม่กินดี ลองมาดูกันต่อดีกว่าค่ะว่า กินเจ แล้วได้อะไรบ้าง ?
1. ด้านสุขภาพ
การกินเจส่งผลดีต่อร่างกายหลายประการ เริ่มจากการช่วยล้างพิษในร่างกาย เนื่องจากอาหารเจมักมีกากใยสูง ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและลดสารพิษตกค้าง นอกจากนี้ การงดเว้นเนื้อสัตว์ช่วยลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล ส่งผลให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด อาหารเจยังมักมีแคลอรี่ต่ำกว่าอาหารทั่วไป จึงอาจช่วยในการควบคุมน้ำหนักหากรับประทานอย่างเหมาะสม การเพิ่มการบริโภคผักและผลไม้ในช่วงกินเจยังช่วยเสริมวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและชะลอวัย
2. ด้านจิตใจ
การกินเจไม่เพียงส่งผลต่อร่างกาย แต่ยังมีประโยชน์ต่อจิตใจอย่างมาก เพราะการตั้งใจงดเว้นอาหารบางประเภทเป็นระยะเวลาหนึ่งช่วยฝึกความมีวินัยและการควบคุมตนเอง ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่นๆ ของชีวิตได้ ในระหว่างการกินเจ หลายคนมักใช้เวลานี้ในการทำสมาธิหรือภาวนา ช่วยสร้างความสงบทางจิตใจ ลดความเครียด และเพิ่มสติ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีในการทบทวนตนเอง พิจารณาการกระทำที่ผ่านมา และตั้งใจทำความดี สร้างจิตสำนึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น
3. ด้านสังคม และวัฒนธรรม
เทศกาลกินเจมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม โดยเฉพาะในชุมชนไทยเชื้อสายจีน การร่วมกันถือศีลกินเจสร้างความสามัคคีในชุมชน ผ่านการร่วมกิจกรรมทางศาสนา เช่น การสวดมนต์ การทำบุญ หรือการเข้าร่วมขบวนแห่ นอกจากนี้ เทศกาลกินเจยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการกินที่หลากหลาย ทำให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมและเพิ่มความเข้าใจระหว่างกลุ่มคนต่างๆ ในสังคม
4. ด้านสิ่งแวดล้อม
การกินเจมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การลดการบริโภคเนื้อสัตว์ แม้เพียงช่วงสั้นๆ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ การส่งเสริมการบริโภคอาหารที่มาจากพืชยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรน้ำและที่ดินในการผลิตอาหาร เป็นการสนับสนุนระบบอาหารที่ยั่งยืนมากขึ้น ช่วยลดผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ
5. ด้านศาสนา และความเชื่อ
สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธหรือมีความเชื่อตามวัฒนธรรมจีน การกินเจถือเป็นการสร้างบุญกุศลและแสดงความเมตตาต่อสรรพชีวิต การงดเว้นการฆ่าสัตว์และบริโภคเนื้อสัตว์เป็นการแสดงความเคารพต่อชีวิต สอดคล้องกับหลักคำสอนทางศาสนาเรื่องการไม่เบียดเบียน นอกจากนี้ ยังเป็นการฝึกฝนจิตใจให้บริสุทธิ์ ลดความโลภและความยึดติด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาจิตวิญญาณตามความเชื่อทางศาสนา
ทั้งนี้ การได้รับประโยชน์สูงสุดจากการกินเจขึ้นอยู่กับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยคำนึงถึงสุขภาพและความต้องการทางโภชนาการของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ อ่านเรื่องข้อดี และคำแนะนำของการกินเจเพิ่มเติมได้อีกนะคะ 🙂
Image Credit : canva.com-pro
ปรุงอาหารเจยังไงให้ถูกวิธี ?!
การปรุงอาหารเจ สิ่งสำคัญคือ วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงต้อง สะอาด และมีประโยชน์ต่อร่างกาย วัตถุดิบที่ต้องงดเว้น ได้แก่ เนื้อสัตว์ทุกชนิด มีคนถามว่า กินเจกินไข่ได้ไหม ? คำตอบคือ ไม่ได้ เนื่องจากเป็นชีวิตที่มาจากสัตว์เช่นกันค่ะ แต่หากเป็นมังสวิรัติก็สามารถกินไข่ได้ค่ะ สำหรับวัตถุดิบที่นิยมนำมาปรุงอาหารเจ ได้แก่ เต้าหู้ โปรตีนจากถั่วเหลือง, เห็ดหอม, เห็ดต่างๆ, วุ้นเส้นเจ และที่สำคัญต้องเลือก “เครื่องปรุงอาหารเจ ” ที่ไม่ได้ทำจากเนื้อสัตว์ มีสัญลักษณ์ อย. และ มอก. กำกับด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง ส่วนภาชนะที่ใส่อาหารเจ ต้องแยกจากภาชนะที่ใส่เนื้อสัตว์ ควรล้างทำความสะอาดใหม่ หรือใช้ภาชนะใหม่ทั้งหมด เพื่อจะได้ไม่ปะปนกัน และกินเจได้แบบไม่ผิดศีล ได้บุญไปเต็มๆ ค่ะ นอกจากนี้ในการเลือกซื้อผัก ก็ให้ระวังผักที่ไม่เจด้วยนะคะ เช่น กระเทียม หัวหอม กุ้ยช่าย ส่วนจะมีอะไรเพิ่มอีก อ่านเพิ่มในบทความของเราได้เลยนะคะ
ไวไวบะหมี่ รสต้มยำเจ กล่อง 30 ซอง
Inspire Now ! : เทศกาลกินเจเป็นประเพณีอันทรงคุณค่าที่สืบทอดมาจากวัฒนธรรมจีนโบราณ มีประโยชน์หลากหลายด้านทั้งต่อร่างกาย จิตใจ และสังคม การงดเว้นเนื้อสัตว์ และบริโภคอาหารจากพืชเป็นหลักช่วยส่งเสริมสุขภาพ ลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ และมีส่วนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการฝึกสมาธิ พัฒนาจิตใจ และสร้างความสามัคคีในชุมชนผ่านการร่วมกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม เทศกาลกินเจจึงไม่เพียงแต่เป็นการสืบสานประเพณี แต่ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง และการสร้างความสมดุลให้กับชีวิตในทุกๆ ด้านอีกด้วย
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าหรือเปล่า ? ปี 2567 มีใครกินเจบ้างคะ เตรียมตัวยังไง มีเมนูไหนแนะนำบ้าง มาคอมเมนต์พูดคุยกันนะคะ ♡