วันลอยกระทง 2568 วันที่เท่าไหร่ ? รู้จักประวัติ ความหมาย และไอเดียลอยกระทงปีนี้กัน !
วันลอยกระทง 2568 วันที่เท่าไหร่ มาดูความหมายดีๆ ของประเพณีไทย พร้อมไอเดียลอยกระทงแบบรักษ์โลก และกิจกรรมสวยงามทั่วไทยที่ไม่ควรพลาดกัน
ของหวานไทยมีอะไรบ้าง ? เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงเมนูยอดฮิตอย่างบัวลอย ข้าวเหนียวมะม่วง เมนูมะพร้าวกะทิ หรือเมนูลอดช่อง แต่จริงๆ แล้วภูมิปัญญาขนมไทยยังมีเมนูทางเลือกที่เน้นความสดชื่นจากสมุนไพรและผลไม้ ซึ่งไขมันต่ำและดีต่อร่างกายซ่อนอยู่เพียบเลยค่ะ บทความนี้ DIYINSPIRENOW จะพาไปเจาะลึกประเภทขนมไทย พร้อมเปิดวาร์ปเมนู “ไม่ใส่กะทิ” ที่กินแล้วไม่อ้วน มีตารางเปรียบเทียบแคลอรี่อ้างอิงจากกรมอนามัยให้ดูชัดๆ และแจกสูตรทำเองง่ายๆ ที่รับรองว่าอร่อยชื่นใจแบบไม่รู้สึกผิดแน่นอนค่ะ
หลายคนมักคิดว่า “การกินของหวาน” คือศัตรูของสุขภาพ แต่ความจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องตัดของหวานที่ชอบออกจากชีวิตเลยนะคะ สิ่งสำคัญคือการรู้จักเลือกเมนูและปริมาณให้พอดี เพราะของหวานไทยเองก็มีหลากหลายประเภทให้เลือก นอกจากของหวานไทยมีอะไรบ้างแล้ว มาเข้าใจมุมมองการ “เลือกกินอย่างใส่ใจ” เพราะแม้เราจะชอบรสหวาน แต่ถ้าเลือกประเภทและปริมาณให้เหมาะ ก็สามารถอร่อยได้โดยไม่รู้สึกผิด พร้อมทั้งได้เติมเต็มทั้งใจและสุขภาพไปพร้อมๆ กัน

ถ้าถามว่า ของหวานไทย มีอะไรบ้าง ? คำตอบไม่ได้มีแค่ขนมหวานเจี๊ยบหรือกะทิข้นคลั่กเสมอไปค่ะ เสน่ห์ของขนมไทยคือความหลากหลายที่เกิดจากวัตถุดิบธรรมชาติ โดยหลักๆ เราสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกทานให้เหมาะกับสุขภาพและความชอบ ดังนี้ค่ะ
กลุ่มนี้คือ “ตัวแม่” ของวงการขนมไทย เน้นรสชาติ หอม มัน เค็มตัดหวาน เหมาะกับคนที่ชอบรสสัมผัสนุ่มนวล (Creamy) แต่อาจต้องจำกัดปริมาณการทานนิดนึงนะคะ เพราะมีไขมันอิ่มตัวสูง
เมนูยอดฮิต : แกงบวดต่างๆ (กล้วยบวชชี, ฟักทองแกงบวด), ขนมครก, ปลากริมไข่เต่า, ลอดช่องน้ำกะทิ, ข้าวเหนียวมะม่วง, ข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ
ข้อควรระวัง : อร่อยแต่แคลอรี่พุ่งไวที่สุดในบรรดาขนมไทย แนะนำให้กินแต่น้อย หรือเปลี่ยนจากกะทิเป็นนมอัลมอนด์/นมพิสตาชิโอแทนหากทำเองค่ะ
เรียกว่าเป็นกลุ่มพระเอกของบทความนี้เลยค่ะ เหมาะสำหรับสายเฮลตี้ที่อยากลดไขมัน แต่ร่างกายยังโหยหาความหวาน โดยแบ่งย่อยตามกรรมวิธีได้ 4 แบบ มาดูกันต่อค่ะ
(1) ขนมน้ำเชื่อม / ลอยแก้ว (Fresh & Icy)
ลักษณะ : เน้นความสดชื่น ดับกระหายคลายร้อน โดยใช้น้ำเชื่อมลอยดอกมะลิหอมๆ ราดบนผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน
เมนูแนะนำ : สละลอยแก้ว, กระท้อนทรงเครื่อง, ลูกตาลลอยแก้ว, ส้มฉุน
Inspire Tips : จุดเด่นคือ ไม่มีไขมัน (0% Fat) แต่ต้องระวังปริมาณน้ำตาลในน้ำเชื่อม แนะนำให้ตักเนื้อผลไม้กินเยอะๆ ซดน้ำน้อยๆ ค่ะ
(2) ขนมชนิดนึ่ง (Steamed Delight)
ลักษณะ : ขนมเนื้อนุ่มหนึบ หอมกลิ่นใบตอง ใช้วิธีการนึ่งผ่านไอน้ำร้อน ไม่ใช้น้ำมันเลย จึงเป็นมิตรกับรอบเอวมากกว่า 🙂
เมนูแนะนำ : ขนมกล้วย, ขนมฟักทอง, ขนมชั้น (สูตรหวานน้อย), ขนมน้ำดอกไม้
Inspire Tips : ตัวขนมมักมีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาล ให้เลือกกินชิ้นที่เห็นเนื้อผลไม้/สมุนไพรเยอะๆ จะได้ไฟเบอร์เพิ่มขึ้นค่ะ
(3) ขนมเชื่อม / กวน (Glazed & Preserved)
ลักษณะ : การถนอมอาหารรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เนื้อผลไม้มีความฉ่ำวาว หนึบหนับ เข้มข้นเข้าเนื้อ
เมนูแนะนำ : กล้วยน้ำว้าเชื่อม, มันสำปะหลังเชื่อม, พุทราจีนเชื่อม
Inspire Tips : กลุ่มนี้มักจะหวานจัดที่สุด เพราะน้ำตาลซึมเข้าเนื้อ แนะนำให้กินคู่กับเครื่องดื่มร้อนไม่ใส่น้ำตาล (เช่น ชาอู่หลง หรือ ชาไม่มีคาเฟอีน) เพื่อตัดรสและลดการดูดซึมน้ำตาล
(4) ขนมต้ม (Warm & Comfort)
ลักษณะ : ใช้วัตถุดิบต้มในน้ำร้อนหรือน้ำขิง มักจะกินอุ่นๆ ให้ความรู้สึกสบายท้อง เหมาะกับวันฝนตกหรือคนที่ท้องอืดง่าย
เมนูแนะนำ : บัวลอยน้ำขิง, ถั่วเขียวต้มน้ำตาล, มันต้มขิง
Inspire Tips : ดีต่อสุขภาพที่สุด! เพราะเราสามารถเลือกความหวานได้เอง (หรือจะไม่ใส่น้ำตาลเลยก็ได้) แถมยังได้ประโยชน์จากสมุนไพรช่วยปรับสมดุลร่างกายด้วย

ยังมีขนมไทยอีกกลุ่มที่ “ไม่มีกะทิ” แต่มี “น้ำตาลและไขมันจากไข่แดง” สูงมาก นั่นคือกลุ่ม ขนมตระกูลทอง (ทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง, จ่ามงกุฎ) แม้จะไม่มีกะทิ แต่กลุ่มนี้ใช้วิธีทำในน้ำเชื่อมเข้มข้น ใครที่กำลังคุมน้ำหนักหรือดูระดับน้ำตาล แนะนำให้เลี่ยงกลุ่มนี้ หรือกินแค่พอหายอยากในโอกาสมงคลเท่านั้นนะคะ
หลายคนรู้ว่ากะทิทำให้อ้วน แต่ไม่เคยเห็นภาพชัดๆ ว่ามันต่างกันขนาดไหน เราลองมาเทียบกันหมัดต่อหมัดกันค่ะ ระหว่างเมนูที่ใส่กะทิ กับเมนูทางเลือกที่ “ไม่ใส่กะทิ” ในปริมาณ 1 ถ้วยเท่ากัน (ประมาณ 100-150 กรัม) ตัวเลขจะต่างกันแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ
| ทีมกะทิ 🥥 (Kcal) | ทีมไม่กะทิ 🧊 (Kcal) | ลดได้ 📉 |
| ข้าวเหนียวทุเรียน (450) | ข้าวเหนียวเปียกลำไย (190) | -260 |
| บัวลอยไข่หวาน (367) | บัวลอยน้ำขิง (160) | -207 |
| กล้วยบวชชี (279) | กล้วยต้มโรยมะพร้าว (120) | -159 |
| ทับทิมกรอบ (264) | เฉาก๊วยน้ำเชื่อม (90) | -174 |
| ลอดช่องน้ำกะทิ (250) | ลูกตาลลอยแก้ว (100) | -150 |
| แกงบวดฟักทอง (185) | ฟักทองนึ่ง (80) | -105 |
หมายเหตุ : ปริมาณแคลอรี่เป็นการประมาณค่าเฉลี่ยต่อ 1 ถ้วยเล็ก ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลและวัตถุดิบที่แต่ละร้านใช้
อ้างอิงข้อมูลจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ ตารางโภชนาการ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
Inspire Tips : จากตารางจะเห็นได้ชัดเลยค่ะว่า “กะทิคือตัวแปรสำคัญ” เพราะในกะทิ 1 ถ้วย (240 มล.) ให้พลังงานสูงถึง 300-400 kcal และมีไขมันอิ่มตัวสูง ในขณะที่เมนูไม่ใส่กะทิ พลังงานส่วนใหญ่จะมาจาก “แป้งและน้ำตาล” เท่านั้น ดังนั้น ถ้าอยากกินของหวานให้รอดในช่วงลดน้ำหนัก แนะนำให้เลือกฝั่งขวา (ทีมไม่ใส่กะทิ) และ “สั่งหวานน้อย/ซดน้ำเชื่อมให้น้อยลง” ก็จะช่วยลดแคลอรี่ลงได้อีก 30-40% เลยทีเดียวค่ะ!
เปลี่ยนครัวที่บ้านให้เป็นคาเฟ่ขนมไทยสไตล์เฮลตี้กับ 3 เมนูเด็ดที่คัดมาแล้วว่า “ทำง่าย-ถ่ายรูปสวย-แคลอรี่ต่ำ” มือใหม่แค่ไหนก็ทำตามได้แน่นอนค่ะ

เมนูนี้คือที่สุดของความ Relax! ได้ความหวานธรรมชาติจากมันม่วง ตัดกับความเผ็ดร้อนเบาๆ ของน้ำขิง ช่วยขับลมและกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีมากค่ะ
วัตถุดิบ:
Inspire Tips : อยากให้เมนูนี้ดูพรีเมียมขึ้น ลองโรย “งาขี้ม่อน” คั่วหอมๆ ก่อนเสิร์ฟ จะได้ Texture กรุบกรอบ และโอเมก้า-3 เพิ่มด้วยค่ะ
ถ้วยปกติ (ใส่น้ำตาลทรายแดง) :
ถ้วยสูตรเฮลตี้ (ใช้น้ำตาลหญ้าหวานแทน) :

ลืมวุ้นกะทิแบบเดิมๆ ไปได้เลย สูตรนี้ใช้น้ำมะพร้าวแท้ 100% ให้ความหอมหวานสดชื่น พร้อมเนื้อผลไม้ฉ่ำๆ เต็มคำ แคลอรี่ต่ำจนน่าตกใจ
Inspire Tips : ถ้าอยากได้เลเยอร์สวยๆ ให้เทวุ้นครึ่งพิมพ์ก่อน รอให้หน้าตึงนิดๆ แล้วค่อยวางผลไม้และเทวุ้นทับ ผลไม้จะลอยอยู่ตรงกลางพอดี ไม่จมก้นพิมพ์ค่ะ
Why it’s good : แคลอรี่ต่ำที่สุดใน 3 เมนู เหมาะเป็นของว่างยามบ่ายที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงค่ะ

ขนมไทยเนื้อหนึบที่ดัดแปลงมาเพื่อสายคลีนโดยเฉพาะ ตัดแป้งมัน/แป้งท้าวยายม่อมออก แล้วใช้ “ข้าวโอ๊ต” แทน ได้ไฟเบอร์เน้นๆ อิ่มนานสุดๆ
Inspire Tips : สูตรนี้ถ้าใครติดหวาน สามารถเติมน้ำผึ้งลงไปในเนื้อขนมได้นิดหน่อย แต่จริงๆ ความหวานจากกล้วยงอมก็เอาอยู่แล้วค่ะ

ใครว่าขนมไทยต้องหวานเจี๊ยบหรือมันเลี่ยนเสมอไป? แค่เรารู้จัก “Twist” วัตถุดิบนิดหน่อย เราก็สามารถเสกของหวานไทยจานโปรดให้กลายเป็นเมนูสุขภาพได้ง่ายๆ โดยที่รสชาติยังอร่อยฟินเหมือนเดิม ลองเอา 3 เทคนิคนี้ไปใช้ดูนะคะ
| Inspire Now ! : การดูแลสุขภาพไม่จำเป็นต้อง “งด” ของหวานเสมอไป แค่เราเปิดใจทำความรู้จักว่า ของหวานไทย มีอะไรบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใส่กะทิ และรู้จักปรับสูตรเล็กๆ น้อยๆ ตามคำแนะนำข้างต้น เราก็สามารถมีความสุขกับรสชาติขนมไทยแสนอร่อยที่คุ้นเคย พร้อมกับปั้นหุ่นสวยสุขภาพดีไปพร้อมๆ กันได้แบบไม่เครียดเลยค่ะ |
|---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันได้ไอเดียของกินใช่ไหม ? ใครกินของหวานแบบไหนกันอยู่บ้าง มาคอมเมนต์แบ่งปันกันนะคะ ♡
เลี้ยงชานมเป็นกำลังใจให้นักเขียน หรือ สนับสนุนเว็บ DIYINSPIRENOW ให้เราผลิตคอนเท้นต์ดีๆต่อไปกันน้า
ขอบคุณที่ซัพพอร์ตเป็นกำลังใจให้ทีมเรานะคะ 💚
วันลอยกระทง 2568 วันที่เท่าไหร่ มาดูความหมายดีๆ ของประเพณีไทย พร้อมไอเดียลอยกระทงแบบรักษ์โลก และกิจกรรมสวยงามทั่วไทยที่ไม่ควรพลาดกัน
ชวนดู วิธีทำจับฉ่ายให้อร่อย ทั้งวัตถุดิบ การเคี่ยวน้ำซุป พร้อมวิธีเก็บให้ได้นานให้หม้อเดียวกลายเป็นเมนูสุขภาพที่อิ่มใจและอร่อยได้ทั้งครอบครัว
Gift Fertility Centre มอบโซลูชันการเจริญพันธุ์ครบวงจร ปรึกษามีบุตรยาก ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและการดูแลเฉพาะบุคคล จากทีมผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจทุกเส้นทางสู่ความฝันในการมีครอบครัว
