ชวนดู ประวัติไปรษณีย์ไทย – ไปรษณีย์โลก วิธีส่งจดหมายในอดีตจนถึงปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ?!
ชวนอ่าน ประวัติไปรษณีย์ไทย มีความเป็นมาอย่างไร วันไปรษณีย์โลก คือวันไหน ก่อตั้งขึ้นมาได้อย่างไร และ พัฒนาการ การส่งจดหมายในอดีต จนถึงปัจจุบัน
คราบสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าเป็นอีกเรื่องที่นับว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเหล่าแม่บ้านเป็นอย่างดี โดยเฉพาะบ้านที่มีลูกน้อยวัยกำลังซน เรียกได้ว่ามีคราบเลอะเทอะบนเสื้อผ้ากลับมาจากโรงเรียนให้คุณแม่ปวดหัวได้ไม่ซ้ำวันอย่างแน่นอน หรือแม้แต่สาวๆ ที่ยังโสดอยู่ก็อาจต้องเจอปัญหาคราบเลอะไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งคราบจากอาหาร เสื้อเลอะหมึกปากกาลูกลื่น หรือแม้แต่ทาเล็บแล้วน้ำยาสีสวยพลาดไปโดนเสื้อผ้า DIYINSPIRENOW จึงขอแนะนำเทคนิค วิธีขจัดคราบบนเสื้อผ้า แบบง่ายๆ ที่ทำตามกันได้ในบทความนี้กันค่ะ
การเผชิญหน้ากับคราบติดบนเสื้อผ้าเป็นเรื่องที่หลายคนต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นคราบอาหาร เครื่องดื่ม หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ดูเหมือนจะทำให้เสื้อผ้าชิ้นโปรดของเราเสียโฉม แต่อย่าเพิ่งท้อใจค่ะ ! เพราะเรามีวิธีการขจัดคราบที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อเนื้อผ้า ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีรุนแรงให้ต้องทำร้ายมือ หรือส่งร้านซักรีด วิธีเหล่านี้จะช่วยให้คุณรับมือกับคราบต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ และยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้าที่คุณรักได้อย่างยาวนาน มาดูกันค่ะว่าเราจะเอาวิธีกำจัดคราบเปื้อนแบบไหน มาฝากกันบ้าง
คราบเปื้อนบนเสื้อผ้าเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเคยเผชิญ แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้คุณหมดกำลังใจหรือต้องโยนเสื้อผ้าชิ้นโปรดทิ้ง ไป ด้วยเทคนิคง่ายๆ 10 วิธีที่เรารวบรวมมา คุณจะสามารถจัดการกับซักด้วยมือ เพื่อขจัดคราบหลากหลายชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นคราบอาหาร เครื่องดื่ม หมึก หรือแม้แต่คราบที่ดูเหมือนจะกำจัดยาก ซึ่งวิธีที่เรากำลังจะแนะนำนี้ใช้วัสดุที่หาได้ง่ายในบ้านและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลา พร้อมกับรักษาเสื้อผ้าให้ดูใหม่อยู่เสมอ มาค่ะ พร้อมที่จะกำจัดคราบต่างๆ ให้เสื้อของเรากลับมาสะอาดแล้วหรือยัง ?
การขจัดคราบหมึกปากกาบนเสื้อผ้าอาจดูเป็นงานยาก แต่มีวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน เริ่มจากการวางผ้าขนหนูหรือกระดาษซับใต้บริเวณที่เปื้อน จากนั้นใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลหรือสเปรย์ฉีดผมชุบสำลีแล้วซับเบาๆ ที่คราบหมึก คุณจะเห็นว่าหมึกเริ่มละลายและติดบนสำลี ทำซ้ำจนกว่าคราบจะจางลง หากยังมีคราบติดอยู่ ลองใช้น้ำยาล้างเล็บทาบางๆ ทิ้งไว้สักครู่แล้วซักด้วยน้ำอุ่น สุดท้าย ซักเสื้อตามปกติด้วยผงซักฟอกเพื่อขจัดคราบที่เหลือและกลิ่นของสารที่ใช้ และถึงแม้ว่าวิธีนี้มักได้ผลดีแต่ก็ควรทดสอบกับส่วนที่ไม่เห็นชัดของเสื้อผ้าก่อนเสมอเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นนั่นเองค่ะ
คราบซอสมะเขือเทศบนเสื้อผ้าอาจดูน่ากลัว แต่สามารถจัดการได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่บ้าน เริ่มจากการใช้ช้อนหรือมีดทื่อๆ ขูดเศษซอสส่วนเกินออกอย่างเบามือ ระวังอย่าถูหรือกดแรงเพราะจะทำให้คราบซึมลึกเข้าไปในเนื้อผ้า จากนั้นเปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านด้านหลังของคราบเพื่อดันคราบออกมา ต่อมา ใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่นทาบนคราบ ถูเบาๆ ด้วยนิ้วหรือแปรงนุ่มๆ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นซักด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง หากยังมีคราบหลงเหลือ ลองใช้น้ำส้มสายชูหยดลงบนคราบแล้วซักด้วยน้ำเย็น วิธีนี้ช่วยลดความเข้มของสีแดงได้ดี สุดท้าย ซักเสื้อผ้าตามปกติด้วยผงซักฟอกในน้ำอุ่นที่สุดเท่าที่ผ้าชนิดนั้นทนได้ และให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคราบหายไปก่อนนำไปอบแห้งหรือรีด เพราะความร้อนอาจทำให้คราบติดแน่นถาวรได้ค่ะ
เริ่มจากการปล่อยให้โคลนแห้งสนิทก่อน อย่าพยายามเช็ดหรือขัดขณะที่ยังเปียก เพราะจะทำให้คราบกระจายและซึมลึกเข้าไปในเนื้อผ้ามากขึ้น เมื่อโคลนแห้งแล้ว ให้ใช้แปรงแข็งหรือช้อนขูดเศษโคลนออกให้มากที่สุด ระวังอย่าขูดแรงเกินไปจนทำให้เนื้อผ้าเสียหาย จากนั้นใช้น้ำเย็นฉีดพ่นหรือแช่บริเวณที่เปื้อน เพื่อให้คราบโคลนที่เหลืออ่อนตัวลง แล้วใช้น้ำยาซักผ้าหรือสบู่อ่อนๆ ทาลงบนคราบ ถูเบาๆ ด้วยนิ้วหรือแปรงนุ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีเพื่อให้น้ำยาออกฤทธิ์ แล้วซักล้างด้วยน้ำเย็น สุดท้าย ซักเสื้อผ้าในเครื่องซักผ้าหรือด้วยมือตามปกติ ใช้น้ำอุ่นที่สุดเท่าที่ผ้าชนิดนั้นทนได้ หากยังมีคราบหลงเหลือ ให้ทำซ้ำขั้นตอนข้างต้นจนกว่าคราบจะหายไปหมด
การจัดการกับคราบเลือดบนเสื้อผ้าต้องทำอย่างรวดเร็วและระมัดระวังค่ะ ให้เริ่มต้นด้วยการแช่บริเวณที่เปื้อนในน้ำเย็นทันทีที่เป็นไปได้ ห้ามใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเด็ดขาด เพราะความร้อนจะทำให้โปรตีนในเลือดจับตัวและติดแน่นกับเส้นใยผ้า จากนั้น ใช้สบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาซักผ้าทาลงบนคราบ ถูเบาๆ ด้วยนิ้วมือหรือแปรงนุ่ม ระวังอย่าถูแรงเกินไป ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำซ้ำหลายๆ ครั้งจนกว่าคราบจะจางลง หากคราบยังคงติดอยู่ ให้ลองใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำเย็นในอัตราส่วนเท่าๆ กัน แล้วแช่เสื้อผ้าในสารละลายนี้ประมาณ 15 นาที จากนั้นซักล้างด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง อีกวิธีที่มีประสิทธิภาพคือการใช้น้ำออกซิเจน (hydrogen peroxide) ผสมกับน้ำเย็นในอัตราส่วนเท่ากัน หยดลงบนคราบ ทิ้งไว้สักครู่ แล้วซักล้างออก แต่ต้องระวังการใช้กับผ้าสีเข้มนะคะ เพราะอาจทำให้สีซีดได้ สุดท้าย ซักเสื้อผ้าตามปกติด้วยผงซักฟอกในน้ำเย็น
วิธีขจัดคราบสีเทียนนั้นไม่ยากเลยค่ะ เริ่มจากการอุ่นน้ำส้มสายชูให้อุ่นพอประมาณ แล้วนำมาเทลงบนคราบสีเทียน ปล่อยทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้น้ำส้มสายชูช่วยละลายสีเทียน จากนั้นใช้แปรงขนนุ่มหรือฟองน้ำถูเบาๆ บนคราบ คุณจะเห็นว่าสีเทียนเริ่มหลุดออกมา ล้างด้วยน้ำสะอาดและซับให้แห้ง ถ้ายังมีคราบหลงเหลืออยู่ ให้ทำซ้ำจนกว่าคราบจะหมด
เริ่มจากการใช้น้ำยาล้างเล็บหยดลงบนคราบ ใช้ผ้าสะอาดซับเบาๆ โดยไม่ถูแรงเพื่อไม่ให้คราบกระจาย ทำซ้ำหลายๆ ครั้งโดยเปลี่ยนบริเวณผ้าที่สะอาดทุกครั้ง หากคราบยังไม่หมด ให้ใช้น้ำยาซักแห้งหรือแอลกอฮอล์ล้วนๆ ทาลงบนคราบ ทิ้งไว้สักครู่แล้วซับออก ระวังอย่าถูหรือขยี้เพราะจะทำให้คราบกระจายได้ เมื่อคราบจางลงมากแล้ว ให้ซักเสื้อด้วยน้ำเย็นและผงซักฟอกตามปกติ
การขจัดคราบน้ำมันบนเสื้อผ้าสามารถทำได้หลายวิธีค่ะ เริ่มจากการซับน้ำมันส่วนเกินออกด้วยกระดาษทิชชู่หรือผ้าสะอาด โดยไม่ถูหรือขยี้ เพราะจะทำให้คราบกระจายมากขึ้น จากนั้นโรยแป้งฝุ่น แป้งข้าวโพด หรือผงซักฟอกแห้งลงบนคราบ ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้ดูดซับน้ำมัน แล้วปัดออก ทำซ้ำหลายๆ ครั้งจนเห็นว่าคราบจางลง ต่อมา ให้ใช้น้ำยาล้างจานหยดลงบนคราบ นวดเบาๆ แล้วทิ้งไว้สักพัก ก่อนจะซักด้วยน้ำอุ่นและผงซักฟอก หากคราบยังไม่หมด อาจใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำในอัตราส่วนเท่าๆ กัน แช่บริเวณที่เปื้อนก่อนซักอีกครั้ง
การขจัดคราบกาแฟบนเสื้อผ้าควรทำทันทีที่เกิดคราบ เพราะยิ่งทิ้งไว้นานจะยิ่งขจัดยาก โดยให้เริ่มจากการใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่ซับคราบกาแฟออกให้มากที่สุด โดยไม่ถูหรือขยี้ เพราะจะทำให้คราบกระจายมากขึ้น จากนั้นเทน้ำเย็นลงบนคราบเพื่อช่วยเจือจาง ถ้าเป็นไปได้ให้ล้างด้านหลังของผ้าเพื่อดันคราบออกมา แทนที่จะถูจากด้านหน้า จากนั้นให้ใช้น้ำผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อยทาลงบนคราบ ใช้นิ้วถูเบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำซ้ำจนกว่าคราบจะจางลง หากยังมีคราบหลงเหลืออยู่ ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำในอัตราส่วนเท่าๆ กันทาลงบนคราบ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น และสุดท้าย ซักเสื้อผ้าตามปกติด้วยผงซักฟอกและน้ำเย็น หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนเพราะอาจทำให้คราบฝังแน่น
เมื่อเลอะคราบไวน์แดงบนเสื้อผ้า สิ่งแรกที่ควรทำคือซับคราบด้วยผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่ทันทีโดยไม่ถูหรือขยี้ เพียงแค่กดลงไปเบาๆ เพื่อดูดซับไวน์ให้มากที่สุด จากนั้นโรยเกลือให้ทั่วคราบอย่างหนา เกลือจะช่วยดูดซับไวน์และป้องกันไม่ให้คราบแทรกซึมลึกลงไปในเนื้อผ้า ทิ้งไว้สักพักเพื่อให้เกลือทำหน้าที่ คุณจะสังเกตเห็นว่าเกลือเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูเพราะดูดซับไวน์เอาไว้ เมื่อเกลือดูดซับไวน์แล้ว ให้ปัดเกลือออกเบาๆ หากยังมีคราบเหลืออยู่ ก็สามารถทำซ้ำได้ หลังจากนั้นให้ล้างบริเวณที่เปื้อนด้วยน้ำเย็นเพื่อชะล้างคราบและเกลือที่ตกค้าง แล้วซักเสื้อผ้าตามปกติด้วยน้ำเย็นและผงซักฟอก
การขจัดคราบสนิมบนเสื้อผ้าต้องทำด้วยความระมัดระวังเพราะสนิมเป็นคราบที่ขจัดยาก แต่ก็มีวิธีที่สามารถช่วยได้ ให้เริ่มจากการนำเสื้อผ้าที่เปื้อนสนิมไปตากแดดให้แห้งสนิท แสงแดดจะช่วยทำให้คราบสนิมแห้งและหลุดออกได้ง่ายขึ้น จากนั้นใช้แปรงขัดเบาๆ เพื่อขจัดสนิมส่วนที่หลุดร่อนออกไป หลังจากนั้น ให้บีบน้ำมะนาวลงบนคราบสนิม หรือจะใช้น้ำส้มสายชูแทนก็ได้ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้กรดในน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูทำปฏิกิริยากับสนิม แล้วนำไปตากแดดอีกครั้ง ความร้อนจากแสงแดดจะช่วยเร่งปฏิกิริยาและทำให้คราบสนิมหลุดออกได้ง่ายขึ้น หลังจากตากแดดแล้ว ให้ซักเสื้อด้วยผงซักฟอกตามปกติ โดยใช้น้ำเย็นเท่านั้น เพราะน้ำร้อนอาจทำให้คราบสนิมติดแน่นมากขึ้น ถ้าคราบยังไม่หมด ให้ทำซ้ำค่ะ
Inspire Now ! : ได้รู้วิธีขจัดคราบบนเสื้อผ้ากันไปแล้ว ก็ลองนำไปใช้กันได้นะคะ นอกจากการขจัดคราบแล้ว อีกอย่างที่สำคัญคือ ควรมีสติ และไม่ทำให้เกิดคราบต่างๆ นั่นเองค่ะ เพราะสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่มนุษย์เราควรเรียนรู้ ไม่ใช่การแก้ไข แต่เป็นการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหามากกว่า ยังไงก็ใช้ชีวิตอย่างมีสติ และดูแลตัวเองดีๆ กันนะคะ สำหรับใครที่สนใจเรื่องการซักผ้าขาวให้กลับมาขาวพุ่ง อ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ |
---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่าใช่ไหม ? ใครมีเคล็ดลับหรือเทคนิคขจัดคราบบนเสื้อผ้าอื่นๆ อยากมาแนะนำ คอมเมนต์พูดคุยกับเราได้เลยนะคะ ♡
ชวนอ่าน ประวัติไปรษณีย์ไทย มีความเป็นมาอย่างไร วันไปรษณีย์โลก คือวันไหน ก่อตั้งขึ้นมาได้อย่างไร และ พัฒนาการ การส่งจดหมายในอดีต จนถึงปัจจุบัน
ดูดวง ตุลาคม 2567 จะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับเราบ้าง มีเรื่องอะไรที่ต้องระวังไหม มา ดูดวงปี 2567 เดือนนี้พร้อมไกด์นำทางไปกับแม่หมอ Soul Tarot กัน
มารู้จักประวัติ และ วิธีไหว้พระจันทร์ ในเดือนที่พระจันทร์เต็มดวงกัน ไหว้พระจันทร์ทำไม ปัจจุบันเทศกาลนี้เปลี่ยนไปแบบไหน มาดูวิธีไหว้เพื่อรับสเน่ห์และความโชคดีกัน