แนะนำ 7 น้ำหอมแบรนด์ไทย หอมไม่แพ้แบรนด์ต่างชาติ จะใช้เองก็ได้ ซื้อเป็นของขวัญก็เยี่ยม

น้ำหอมนั้นถือเป็นอีกไอเทมหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับบางคน เพราะการฉีดน้ำหอมจะช่วยเสริมความมั่นใจได้มากขึ้น และยังช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของเราอีกด้วย การได้กลิ่นหอมๆ นั้นย่อมดีกว่าการได้กลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์อย่างแน่นอน ทั้งนี้ มีน้ำหอมมากมายที่วางขายในตลาด รวมถึง น้ำหอมแบรนด์ไทย ที่มีคุณภาพดี หอมไม่แพ้น้ำหอมต่างประเทศเลยค่ะ สำหรับใครที่อยากได้น้ำหอมไทยกลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมีคุณภาพสูง เรามีมาแนะนำแล้วค่ะ

แนะนำ 7 น้ำหอมแบรนด์ไทย คุณภาพดี หอมติดทนยาวนาน

ปัจจุบันมีน้ำหอมมากมายวางขายอยู่ในตลาด ทั้งน้ำหอมเคาน์เตอร์แบรนด์ที่ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ และน้ำหอมแบรนด์เล็กๆ ที่เจาะกลุ่มลูกค้า niche market ทั้งนี้ ก็มีน้ำหอมแบรนด์ไทยคุณภาพดีหลากหลายแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น น้ำหอม mith และน้ำหอมของแบรนด์ไทยอื่นๆ อีกมากมาย จะมีแบรนด์ไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

1. Journal Boutique – First Love

น้ำหอมแบรนด์ไทยตัวแรกที่อยากจะแนะนำก็คือ น้ำหอมจากแบรนด์ Journal Boutique ซึ่งมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ รังสรรค์กลิ่นจากเรื่องราวที่สะท้อนถึงความเป็นไทย เช่น น้ำหอมกลิ่นขนมอย่างกลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่วงฤดูร้อนในประเทศไทยที่จะนิยมกินของหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วง หรือจะเป็นกลิ่น First Love ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรักแรกที่สดใสและหอมหวาน ด้วยกลิ่นของดอกพลับพลึงและลูกแพร์ เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มีความละมุนละไม ใครที่ชอบความเป็นไทยโมเดิร์นต้องลองน้ำหอมจากแบรนด์นี้เลยค่ะ

ราคาโดยประมาณ : 1,600 บาท (50 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

2. Mith –  Touch the rain

น้ำหอม Mith เป็นน้ำหอมสัญชาติไทยที่ราคาไม่แรง แต่มีคุณภาพสูง ที่สำคัญคือ มีหลากหลายกลิ่นให้เลือกเลยค่ะ โดยแต่ละกลิ่นนั้นก็จะมีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป แนะนำเป็นกลิ่น Touch the rain ที่มีกลิ่นของเปปเปอร์มินต์ ดอกมะลิ และลีลาวดี ที่ผสมความเป็น Aquatic ให้ความรู้สึกสดชื่น ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในสวนดอกไม้หลังฝนตก เป็นน้ำหอม Mith ที่มีความ Unisex ใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลยค่ะ

ราคาโดยประมาณ : 1,459 บาท (60 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

3. SIAM 1928 –  Rasvika

ชื่อแบรนด์ก็บอกแล้วว่าเป็นน้ำหอมแบรนด์ไทยอย่างแน่นอน กับ SIAM 1928 เรียกว่าเป็นน้ำหอม High – end ของแบรนด์ไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยแพกเกจที่เป็นขวดเซรามิก มีความหรูหราเฉพาะตัว แนะนำเป็นกลิ่น Rasvika ที่เป็นกลิ่นแนว Floral ให้ความสดชื่นแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ผสมผสานความหอมจาก Pink pepper, Violet Leaf, Bitter Orange, Orris Butter, Tuberose, Orange blossom และ Patchouli ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความงามของนางกินรี ตัวละครในวรรณคดีไทย น้ำหอมกลิ่นนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่รักอิสระ ช่วยเพิ่มเสน่ห์และสื่อถึงเสน่ห์อันเย้ายวนของกินรีนั่นเอง

ราคาโดยประมาณ : 4,400 บาท (60 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

4. Butterfly Reserve Collection – Ivory wood

แบรนด์น้ำหอมไทย Butterfly เป็นแบรนด์ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งทำออกมาหลายกลิ่นเลยทีเดียวค่ะ เช่น น้ำหอมกลิ่นวนิลา น้ำหอมกลิ่นดอกไม้ น้ำหอมกลิ่นผลไม้ หรือจะเป็นในกลุ่มไม้หอม กลิ่นเครื่องเทศก็มีค่ะ เราขอแนะนำเป็นกลิ่นจากคอลเลคชั่น Butterfly Reserve Collection กลิ่น Ivory Wood ซึ่งให้โทนกลิ่นที่อบอุ่น นุ่มนวล เสริมด้วย white chocolate accord ที่ให้ความหวานมัน หอม ชวนน่าลิ้มลอง เพื่อเพิ่มมิติให้ตัวกลิ่น ปิดท้ายด้วย Vanilla และ Tonka bean ซึ่งถือว่าเป็นโน้ตที่เสริมความเย้ายวนและน่าหลงใหล เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีความสุขุมนุ่มลึก น่าค้นหา และก็มีความเซ็กซี่ในตัวค่ะ

ราคาโดยประมาณ : 1,890 บาท (60 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

5. PROAD –  Café de Chiang Mai

ถ้าใครอยากลองน้ำหอมที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ที่มีความยูนีคมากๆ แนะนำเป็นตัวนี้เลยค่ะ น้ำหอมแบรนด์ PROAD กลิ่น Café de Chiang Mai ที่ให้กลิ่นอายความเป็นเมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงใหม่นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งกาแฟ มีคาเฟ่อยู่ทุกมุมเมือง กลิ่นกาแฟจึงเหมือนเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ไปแล้ว และยังผสมผสานกลิ่นหอมของดอกจำปา กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นกุหลาบ กลิ่นมัสก์ กลิ่นวานิลลา กลิ่นมะลิ กลิ่นดอกกล้วยไม้ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ใครที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ แนะนำมากๆ ค่ะ

ราคาโดยประมาณ : 2,759 บาท (60 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

6. LAB PARFUMO – VELVET OUD

น้ำหอมสัญชาติไทยอีกแบรนด์หนึ่งที่ราคาอยู่ในระดับกลางๆ แถมยังมีกลิ่นให้เลือกมากมาย แต่กลิ่นที่ขายดีที่สุดก็คือ VELVET OUD ผสมผสานความหอมของดอกกุหลาบและราชาไม้หอมอย่าง Agarwood ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนกุหลาบที่มีความหอมที่แตกต่างกันหลายสายพันธุ์ เช่น Rose otto Bulgaria, Rose de Mai และ Rose Blossom แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความน่าหลงใหลและมีเสน่ห์จาก Agarwood เหมาะกับหญิงสาวที่สูงส่ง มาดนิ่ง เรียบหรู ดูแพง รสนิยมดี มีความเป็นผู้นำที่สง่างาม น่ามองแบบไม่อาจละสายตา เป็นเกิร์ลบอสนั่นเองค่ะ

ราคาโดยประมาณ : 1,190 บาท (30 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

7. Scentery – Closing Hours

น้ำหอมแบรนด์ไทยที่แพกเกจดูสวยงามและมีความเหรียบหรูเอามากๆ ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ขอแนะนำเป็นกลิ่น Closing Hours ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่นในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองในเมืองที่มีหิมะโปรยปราย เมื่อถึงคราวงานเลี้ยงและเสียงเพลงใกล้เลิกรา เป็นกลิ่นที่เหมาะสำหรับการฉีดไปเที่ยวกลางคืนมากๆ ค่ะ เป็นกลิ่นหอมของ Cloves และ Orange Blossom พร้อมกับความอบอุ่นจาก Chestnut และ Juniper ปิดท้ายด้วยความหวานอบอวลของ Vanilla เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ เลยทีเดียว

ราคาโดยประมาณ : 990 บาท (35 ml.)

ช้อปออนไลน์ได้ที่นี่เลย !

เคล็ดลับการฉีดน้ำหอมให้ติดทนนาน

ใครที่กำลังมองหาน้ำหอมแบรนด์ไทยอยู่ละก็ น่าจะได้ไอเดียกันไปบ้างแล้วนะคะ จะเลือกซื้อประเภทไหน เช่น  Eau de Cologne, Eau de Toilette หรือ Eau de Parfum ก็เลือกได้ตามความต้องการเลย (อ่านเพิ่มเติม น้ำหอมมีกี่ประเภท) และถ้าได้น้ำหอมมาแล้ว สำหรับใครที่อยากจะฉีดน้ำหอมให้หอมติดทนนาน หอมไปยาวๆ เรามีเคล็ดลับมาฝากแล้วค่ะ

• เลือกฉีดน้ำหอมให้ถูกจุด : จะช่วยให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจายมากขึ้น โดยฉีดลงไปยังจุดชีพจร เช่น ข้อมือ ข้อพับแขน ข้อพับขา หรือบริเวณต้นคอ ซึ่งเป็นจุดที่มีอัตราการเต้นของชีพจร ทำให้มีความอุ่นซึ่งจะช่วยดูดความหอมไว้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี และทำให้กลิ่นที่ฟุ้งกระจายได้ดีขึ้น 
• ฉีดทันทีหลังอาบน้ำ : โดยฉีดหลังจากเช็ดตัวให้แห้ง ในขณะที่ผิวหนังมีความชุ่มชื้นจะช่วยให้น้ำหอมซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นค่ะ 
• เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวก่อนฉีดน้ำหอม : เช่น ทาออยล์บำรุงผิวหรือโลชั่นที่มีกลิ่นเดียวกับน้ำหอม แล้วฉีดน้ำหอมปิดท้าย จะช่วยให้กลิ่นหอมติดทนยาวนานมากขึ้นค่ะ 
• ไม่ถูผิวหนังบริเวณที่ฉีดน้ำหอม : เพราะจะทำให้กลิ่นน้ำหอมเจือจางได้ และควรเว้นระยะห่างในการฉีดน้ำหอมจากผิวกายประมาณ 6 นิ้ว จะช่วยให้น้ำหอมติดทนนานและกลิ่นหอมตลอดวัน นอกจากนี้ การฉีดน้ำหอมบนเส้นผมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้กลิ่นหอมติดตัวมากขึ้นค่ะ 
• เก็บรักษาน้ำหอมในที่ที่เหมาะสม : ซึ่งจะช่วยคงสภาพของกลิ่นน้ำหอมให้กลิ่นคงทนไม่ผิดเพี้ยน โดยเก็บน้ำหอมให้พ้นแสงแดด ไม่ควรเก็บในห้องน้ำเพราะอาจทำให้เกิดความชื้นได้ ควรเก็บน้ำหอมไว้ในตู้เย็นหรือเก็บในอุณหภูมิห้อง ซึ่งจะช่วยรักษาคุณภาพของน้ำหอมได้นาน

Inspire Now ! : จะเห็นว่าน้ำหอมแบรนด์ไทยนั้นก็มีความน่าสนใจไม่แพ้น้ำหอมต่างชาติเลย ที่สำคัญคือ หลากหลายแบรนด์ก็มีการดึงเอาความเป็นเอกลักษณ์ไทยออกมานำเสนอให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และถ้ามีคนนิยมใช้มากๆ ก็อาจจะได้รับความนิยมในระดับสากล ถือว่าเป็นการนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยในอีกรูปแบบหนึ่ง ถ้าใครเบื่อใช้น้ำหอมแบรนด์ต่างประเทศแล้ว จะลองมาใช้น้ำหอมแบรนด์ของไทยบ้างก็ได้นะคะ รับรองว่าคุณภาพดีไม่แพ้กันเลยค่ะ

DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ชอบน้ำหอมของไทยแบรนด์ไหน กลิ่นอะไร หรืออยากแนะนำน้ำหอมตัวไหน ก็มาคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : realsimple.com

Featured Image Credit : freepik.com