Gratitude คือ อะไร ? ทำไมความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณถึงสำคัญต่อการใช้ชีวิตของเรา ?
Gratitude คือ อะไร ? ทำไมความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณถึงสำคัญต่อการใช้ชีวิตของเรา ?
เมื่อเกิดเรื่องดีๆ ขึ้นในชีวิต เคยรู้สึกอยากขอบคุณบางสิ่งบางอย่างมั้ยคะ ? จะเป็นการขอบคุณอะไรก็ได้ เช่น ขอบคุณโอกาสดีๆ ที่เข้ามาในชีวิต ขอบคุณคนรอบตัวที่คอยให้กำลังใจ ขอบคุณใครบางคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของเราและทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม หรืออาจจะเป็นการขอบคุณเรื่องง่ายๆ อย่างการขอบคุณที่วันนี้ได้กินอาหารอร่อยๆ ขอบคุณที่ท้องฟ้าสดใส ขอบคุณที่ได้เห็นดอกไม้สวยๆ แล้วทำให้เรารู้สึกสดชื่นมากขึ้น ซึ่งความรู้สึกขอบคุณนี้ เรียกว่า Gratitude คือ ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่มีต่อสิ่งต่างๆ ซึ่งจะทำให้เรามองโลกในแง่บวกมากขึ้นและมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้นได้ Gratitude มีความสำคัญอย่างไร แล้วส่งผลดีต่อชีวิตของเราอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
Gratitude คือ อะไร ? ทำไมความรู้สึกขอบคุณถึงสำคัญต่อการใช้ชีวิตของเรา มารู้จักให้มากขึ้นกัน
ถ้าแปลตรงตัวแล้ว Gratitude แปลเป็นภาษาไทย หมายถึง ความรู้สึกขอบคุณ ความรู้สึกซาบซึ้งใจ ความรู้สึกสำนึกในบุญคุณ หรือจะหมายถึงความกตัญญูก็ได้ค่ะ แต่ในทางจิตวิทยาแล้ว Gratitude คือความรู้สึกซาบซึ้งและอยากจะขอบคุณต่อสิ่งใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล สัตว์ สิ่งของ สถานการณ์ สิ่งที่เป็นนามธรรม และรวมถึงการขอบคุณตัวเองด้วย ถ้าพูดถึงสถานการณ์ทั่วไป เราจะกล่าวคำขอบคุณเมื่อมีใครทำบางสิ่งบางอย่างให้ หรือให้อะไรบางอย่าง เช่น ให้ของขวัญ ให้โอกาส หรือให้สิ่งดีๆ แต่ความรู้สึกขอบคุณที่เรียกว่า Gratitude เป็นความรู้สึกที่เราเกิดความซาบซึ้งใจและอยากขอบคุณสิ่งนั้นๆ เช่น ขอบคุณที่วันนี้ได้กินอาหารอร่อยๆ ขอบคุณที่วันนี้ได้ไปเที่ยวในที่ที่อยากไป ขอบคุณที่ได้เจอคนดีๆ ขอบคุณที่มีคนที่เรารักอยู่ข้างๆ ขอบคุณน้องหมาน้องแมวของเราที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับเรา หรือขอบคุณตัวเองที่ผ่านเรื่องแย่ๆ มาได้ ขอบคุณตัวเองที่มีความอดทนพยายามทำบางสิ่งบางอย่างจนประสบความสำเร็จ เป็นต้น
ทราบหรือไม่ว่า Gratitude หรือความรู้สึกขอบคุณที่มีต่อสิ่งต่างๆ นี้ มีผลดีกับตัวเรา ความรู้สึกขอบคุณซาบซึ้งใจเป็นหนึ่งในกระบวนการของจิตวิทยาเชิงบวก มีการศึกษาว่า คนที่เกิดความรู้สึกขอบคุณซาบซึ้งกับสิ่งต่างๆ จะมีความสุขในชีวิตมากขึ้นและรู้สึกหดหู่น้อยลง ทั้งยังมองโลกในแง่บวกมากขึ้นและเกิดความเครียดน้อยลงด้วย ข้อดีของการมี Gratitude คืออะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
นายอินทร์ หนังสือ Brian Tracy on The Power of Self-Confidence
ทำไม Gratitude ถึงสำคัญกับการใช้ชีวิตของเรา ?
อย่างที่รู้กันว่า Gratitude แปลเป็นภาษาไทย หมายถึง ความรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณสิ่งต่างๆ ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่ามีสิ่งดีๆ ในชีวิตมากมายที่เราอาจมองข้ามไป ความรู้สึกขอบคุณอาจเปลี่ยนมุมมองทัศนคติของเราที่มีต่อสิ่งต่างๆ ในชีวิต เป็นความรู้สึกโชคดี หรือปลาบปลื้มใจที่เราได้รับสิ่งดีๆ หรือรายล้อมไปด้วยสิ่งดีๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้คน บรรยากาศ สถานการณ์ ฯลฯ ที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกพึงพอใจและมีความสุข หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ อาจหมายถึงการมองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่รอบๆ ตัว และตระหนักรู้ได้ว่า สิ่งๆ นั้นสร้างความพอใจให้กับเรา ทำให้เรารู้สึกดีและมีความสุข ความรู้สึกขอบคุณนี้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเรา ดังนี้
- ช่วยเพิ่มอารมณ์เชิงบวก เช่น ความสุข ความเห็นอกเห็นใจ ความพึงพอใจ ในขณะเดียวกัน Gratitude คือสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เรามองหาความดีงามในชีวิต แม้จะเป็นสิ่งดีงามเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม ซึ่งช่วยให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งดีๆ มากขึ้น และมองข้ามสิ่งไม่ดีในชีวิตไป
- ช่วยให้เรารู้สึกเศร้าและหดหู่น้อยลง ความเศร้าเกิดขึ้นเนื่องจากเรามองเห็นว่าทุกอย่างนั้นดูแย่ไปหมด ลองมองหาสิ่งดีๆ ในชีวิตดู แม้เพียง 1 อย่าง เช่น อย่างน้อยวันนี้ก็ได้กินอาหารอร่อยๆ การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร National Library of Medicine กว่าวว่า ความรู้สึกขอบคุณที่เกิดขึ้นเพียง 1 ครั้ง ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น 10% และทำให้อาการซึมเศร้าลดลง 35% เลยทีเดียว
- ทำให้เรามองโลกในแง่บวกมากขึ้น Gratitude แปลเป็นภาษาไทย หมายถึง ความรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณสิ่งต่างๆ ซึ่งนั่นเป็นอารมณ์เชิงบวกที่เกิดขึ้นกับเรา การวิจัยของ Dr. Robert A. Emmons และ Dr. Michael E. McCullough พบว่า คนที่เขียนความรู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆ ในแต่ละวันลงไปในสมุดโน้ต จะมีการมองโลกในแง่บวกมากขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้เขียนความรู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
- ทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัวมากขึ้น Gratitude คือสิ่งที่ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งรอบตัว และรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นมีค่าและมีความสำคัญกับเราขนาดไหน เช่น กำลังใจดีๆ จากคนรอบข้างที่ทำให้เรามีแรงฮึดสู้ต่อ ความรักความหวังดีจากคนรักที่ทำให้เราไม่ยอมแพ้ หรือแม้แต่สิ่งเล็กน้อยอย่างอาหารอร่อยๆ ที่ทำให้เราอิ่มท้องและมีความสุขที่ได้กินมัน เป็นต้น ความรู้สึกขอบคุณจะทำให้เรานึกถึงผู้อื่นมากขึ้น มีสติมากขึ้น และมีเมตตามากขึ้นด้วย
เทคนิคเลิกคิดเยอะ แล้วทำทันที วีเลิร์น welearn welearnbook
จะฝึกให้ตัวเองมี Gratitude ได้อย่างไร ?
จะเห็นว่า Gratitude คือสิ่งที่ทำให้เรามองโลกในแง่บวกมากขึ้น เห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัวมากขึ้น ทั้งยังทำให้เรามีความสุขกับชีวิตมากขึ้นด้วย และเราสามารถฝึกขอบคุณสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ เพียงเริ่มวันละเล็กน้อย ก็เป็นการเพิ่มความสุขในชีวิตมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องพยายามหรือลงแรงอะไรเลยค่ะ จะทำได้อย่างไร มาดูวิธีกันเลย
1. นึกถึงสิ่งที่ต้องการขอบคุณ 3 อย่างในแต่ละวัน
ในแต่ละวันเราอาจใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบจนไม่ได้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ถ้าอยากลองฝึกขอบคุณ ในช่วงก่อนเข้านอนให้นึกถึงสิ่งที่อยากขอบคุณ 3 อย่างและคุยกับตัวเองว่าเรารู้สึกอยากขอบคุณอะไรบ้าง หรืออาจจะจดบันทึกก็ได้ เช่น ขอบคุณที่วันนี้ได้กินอาหารเย็นฝีมือแม่ ขอบคุณที่วันนี้รถไม่ติด ขอบคุณที่วันนี้เจ้านายใจดี เป็นต้น จะนึกถึงเรื่องอะไรก็ได้ที่เรารู้สึกซาบซึ้งใจและอยากขอบคุณในแต่ละวัน หากลองฝึกทำบ่อยๆ เราจะรู้สึกได้ว่ามีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวันเลยล่ะค่ะ
2. เขียนโน้ตขอบคุณคนอื่น
นอกจากการนึกถึงสิ่งที่อยากจะขอบคุณในแต่ละวันแล้ว วิธีการเพิ่มความรู้สึก Gratitude คือ การเขียนโน้ตขอบคุณคนอื่นที่เรารู้สึกอยากขอบคุณในแต่ละวัน อาจเป็นการเขียนบน Post – it การส่งข้อความทางแอปพลิเคชั่นต่างๆ จะเป็นจดหมายเล็กๆ หรือจะเป็นการพูดขอบคุณแบบต่อหน้าเลยก็ได้ รวมถึงการพูดขอบคุณตัวเองด้วยเช่นกัน ถ้าในวันนั้นเรารู้สึกอยากขอบคุณตัวเองก็ย่อมทำได้
3. ขอบคุณคนใหม่ๆ ในแต่ละสัปดาห์
มีคนมากมายรายล้อมอยู่รอบตัวเรา เราเคยกล่าวขอบคุณคนเหล่านั้นหรือไม่ ? ลองท้าทายตัวเองด้วยการตั้งเป้าหมายว่า จะขอบคุณคนใหม่ๆ ในชีวิตในทุกๆ สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เรารู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม หากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ลองกล่าวขอบคุณพนักงานร้านกาแฟที่เสิร์ฟกาแฟให้เราก็ได้ หรือกล่าวขอบคุณแม่บ้านในบริษัทด้วยความจริงใจว่า “ขอบคุณที่ทำความสะอาดให้นะคะ” พร้อมกับยิ้มด้วยความจริงใจ บางคนอาจจะละเลยการกล่าวขอบคุณคนใกล้ตัวเพราะเป็นเรื่องที่เคยชิน เช่น ไม่เคยขอบคุณแฟนที่มาส่งเราไปทำงานทุกวันๆ เลย ลองเปลี่ยนมาเอ่ยขอบคุณดูนะคะ เพราะบางครั้งคำขอบคุณก็ทำให้คนฟังรู้สึกดีได้ไม่แพ้กัน
4. ฝึกนั่งสมาธิ
บางคนอาจจะสงสัยว่า การนั่งสมาธิเกี่ยวกับการฝึก Gratitude ยังไง ? การนั่งสมาธิทำให้เรามีสติรู้ตัวมากขึ้น และใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น กล่าวคือ รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เป็นการเพิ่มความสังเกตให้กับตัวเอง หรือจะเรียกว่า Self Monitoring ก็ได้ และเราจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมากขึ้น รวมถึงสิ่งดีงามเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตที่เราอาจมองข้ามไปด้วยเช่นกัน อาทิ คำทักทายในยามเช้าจากพ่อแม่หรือคนรักที่แสดงถึงความคิดถึงและความห่วงใย ซึ่งเราไม่เคยใส่ใจมาก่อนเลย การนั่งสมาธิช่วยเพิ่มความรู้สึกขอบคุณได้ จากการที่เรามีสติรู้ตัวและมองเห็นสิ่งดีๆ ในชีวิตได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ
5. อธิษฐาน
การอธิษฐานเป็นการนึกถึงสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของเรา และทำให้เรารู้สึกเชื่อมโยงถึงพลังบางอย่าง การอธิษฐานจะทำให้เราเกิดพลังใจและเกิดความเชื่อมั่นขึ้นมาได้ ทั้งยังทำให้จิตใจสงบมากขึ้นด้วย เช่น การอธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี หรืออธิษฐานขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้เรามีพลังใจทำภารกิจยากๆ ให้สำเร็จได้ เป็นต้น
Amarinbooks หนังสือ พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว
Inspire Now ! : Gratitude คือสิ่งที่ทำให้เราไม่หลงลืมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในชีวิต และทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สัตว์ สิ่งขของ สถานการณ์ ลมฟ้าอากาศ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรมก็ตาม ความรู้สึกขอบคุณซาบซึ้งใจทำให้เรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น รู้จักชื่นชมสิ่งต่างๆ มากขึ้น เกิดความพึงพอใจและสุขใจมากขึ้น มองเห็นสิ่งดีๆ มากกว่าสิ่งแย่ๆ และอาจช่วยเปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่อโลกใบนี้ไปเลยก็ได้ ลองฝึกขอบคุณดูนะคะ เราอาจจะมีความสุขในชีวิตมากขึ้นก็ได้ค่ะ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? มีใครเคยฝึกขอบคุณหรือฝึกการมี Gratitude มาแล้วบ้างคะ แล้วส่งผลดีต่อตัวเองยังไงบ้าง มาคอมเมนต์เล่าให้ฟังได้เลยนะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : pubmed.ncbi.nlm.nih.gov, positivepsychology.com, betterup.com
Featured Image Credit : freepik.com/jcomp
Facebook Comments