How to วิธีเปิดพอร์ตหุ้น พอร์ตกองทุน มือใหม่ แบบ step by step

เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะท่องโลกของการวางแผนการเงินและการลงทุนมาพอสมควร ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเงินและการลงทุนมาอย่างเต็มที่ และถ้ายังไม่มีบัญชีหุ้น บัญชีกองทุน คงจะกำลังหาวิธีเปิดพอร์ตกันอยู่เป็นแน่ โดยเฉพาะในช่วงที่หุ้นปันผล หลายๆ ตัวราคาลดลงมา น่าเก็บสะสมลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคต ในบทความนี้ อยากจะชวนมือใหม่มาทำความเข้าใจ วิธีเปิดพอร์ตหุ้น ให้มากขึ้น เปิดพอร์ตหุ้นทำยังไง ? ยุ่งยากหรือเปล่า ? มาดูขั้นตอนกันแบบ step by step เลยค่ะ

เลือกซื้อหนังสือเติมความรู้กับ Naiin Books คลิก !

วิธีเปิดพอร์ตหุ้น ทำอย่างไร ? ข้อควรรู้ก่อนเปิดพอร์ตหุ้น

การซื้อขายหุ้นในที่นี้ หมายถึง หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สามารถทำการซื้อขายได้สองแบบ คือ  การซื้อขายในตลาดแรก หมายถึง บริษัทขายหุ้นโดยตรงให้กับผู้ซื้อเป็นครั้งแรก  ซึ่งกระบวนการซื้อขายก็มีมากมายหลายแบบ แต่บุคคลธรรมดาแบบพวกเรา สามารถซื้อในตลาดนี้ได้โดยจองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นธนาคารที่ได้รับแต่งตั้งและประกาศอย่างเป็นทางการ การซื้อหุ้นแบบนี้ เรียกว่า หุ้น IPO (Initial public offering) สามารถซื้อได้ทั้งคนที่เปิดพอร์ตหุ้นไว้แล้ว และถึงแม้ว่าจะยังไม่มีบัญชีหุ้นก็สามารถซื้อได้ การซื้อขายจะประกาศมาเป็นวาระ ต้องติดตามข่าวสารการเปิดจอง เงื่อนไข และช่องทางการจองอย่างต่อเนื่อง

การซื้อขายหุ้นที่เป็นที่นิยมและทำได้ง่ายกว่าก็คือ การซื้อขายใน ตลาดรอง หรือที่รู้จักกันในนามตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จำเป็นต้องมีบัญชีหุ้นที่ผู้ซื้อหุ้นใช้วิธีเปิดพอร์ตหุ้นไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) โดยโบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการซื้อขาย (แม้ในทางปฎิบัติเราจะส่งคำสั่งซื้อคำสั่งขาย ผ่านแอปพลิเคชั่นด้วยตัวเองก็ตาม) เนื่องจากการแลกเปลี่ยนซื้อขายหุ้นมีกระบวนการมากมาย  จึงต้องมีโบรกเกอร์ทั้งฝ่ายซื้อและฝ่ายขายดำเนินการภายใต้กติกาและข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นคนกลางคอยตรวจสอบดูแลให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ถูกกฎหมายและมีความยุติธรรม และเมื่อการซื้อขายเปลี่ยนมือเสร็จสิ้น จะไม่มีการส่งมอบหลักทรัพย์ (ใบหุ้น) ให้คนซื้อเหมือนในตลาดแรก แต่จะถูกฝากอัติโนมัติไว้ที่ “ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ TSD”

อย่างไรก็ตาม คนที่เปิดพอร์ตหุ้นไว้ก่อนแล้วสามารถฝากหลักทรัพย์ที่ซื้อในตลาดแรกเข้าในบัญชีได้เช่นกัน และโบรกเกอร์จะรายงานสินทรัพย์ให้เราทราบตามรอบบัญชีว่ามีสินทรัพย์ที่มีคือหุ้นอะไรบ้าง มีจำนวนหุ้น ราคาต้นทุนต่อหน่วย ราคาปัจจุบัน และมูลค่าสุทธิของสินทรัพย์ที่เราถือครองอยู่มีมูลค่าเท่าใด นอกจากนี้ เรายังสามารถติดตามสินทรัพย์แบบเรียลไทม์ได้จากแอปพลิเคชั่นที่โบรกเกอร์มีบริการให้ ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้ผ่าน Streaming แต่ก็มีบางโบรกเกอร์ที่มีแอปฯ ให้ต่างหากเช่นกัน

ชวนรู้จัก บัญชีหุ้น 3 ประเภท เปิดพอร์ตหุ้นแบบไหนดีที่เหมาะกับเรา

โดยปกติแล้ว บัญชีหุ้นจะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน แล้วบัญชีแบบไหนที่เหมาะสำหรับการลงทุนของเรา ไปดูรายละเอียดกันเลยค่ะ

1. บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance)

บัญชีแคชบาลานซ์ เป็นบัญชีแบบ Pre-Paid คล้ายกับการเติมเงินมือถือ คือต้องเติมเงินกับโบรกเกอร์ไว้ก่อน และสามารถซื้อหุ้นได้ไม่เกินมูลค่าเงินที่ฝากเข้ามาไว้ และเมื่อขายหุ้นเงินก็จะกลับเข้ามาอยู่ในบัญชี  สามารถถอนและฝากเพิ่มได้เหมือนกับฝากเงินในธนาคาร  ถ้าต้องการซื้อหุ้นที่มีมูลค่าสูงกว่าจำนวนเงินที่มีในบัญชีก็ต้องเติมเงินฝากเข้าไป หรือขายหุ้นตัวอื่นให้เงินกลับเข้ามาในบัญชีเพียงพอสำหรับการซื้อหุ้นในคำสั่งซื้อใหม่ก่อนถึงจะส่งคำสั่งซื้อได้ หรือหากมีความต้องการที่จะนำเงินออกมาใช้จ่ายหรือลงทุนอื่นๆก็สามารถถอนออกมาได้  ซึ่งวิธีเปิดพอร์ตหุ้นแบบนี้ หากจำนวนเงินที่คงอยู่ในบัญชีไม่ได้ใช้ซื้อขายหุ้น โบรกเกอร์จะทำการจ่ายดอกเบี้ยเหมือนกับฝากธนาคารด้วย บัญชีหุ้นแบบนี้ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุน เพื่อป้องกันการซื้อขายเกินตัว และเป็นการจำกัดความเสียหายเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ด้วยค่ะ

2. บัญชีเงินสด (Cash Account)

การเปิดพอร์ตหุ้นประเภทนี้ โบรกเกอร์จะให้เราวางเงินบางส่วนไว้เป็นหลักประกันกับโบรกเกอร์ ประมาณ 20% ของวงเงินที่จะซื้อขาย แต่เมื่อมีคำสั้งซื้อขายสำเร็จโบรกเกอร์จะไม่นำเงินที่ฝากไว้ไปชำระค่าหุ้น แต่จะเรียกเก็บเงินจากบัญชีธนาคารที่ผูกไว้กับบัญชีหุ้นภายใน 2 วันทำการ (T+2) ในขณะเดียวกัน เงินที่ได้จากการขายหุ้นก็จะถูกโอนเช้าบัญชีประมาณ 2 วันทำการเช่นกัน ทั้งนี้ ถ้าจะใช้บัญชีนี้ซื้อขายหุ้นต้องมีวินัยทางการเงินและบริหารจัดการเงินได้ในระดับหนึ่งค่ะ เพราะถ้าหากซื้อเพลินเกินจำนวนงบประมาณที่มี ก็อาจจะมีปัญหาตามมาได้ ส่วนเงินที่ฝากไว้เป็นประกันก็ได้รับดอกเบี้ยเช่นกัน

3. บัญชีมาร์จิน (Credit Balance Account)

การเปิดพอร์ตหุ้นแบบนี้ โบรกเกอร์จะให้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นโดยวางหลักประกันในอัตราส่วนที่โบรกเกอร์กำหนด ซึ่งจะต้องเสียดอกเบี้ยด้วย และอาจจะต้องเพิ่มหลักประกันตามมูลค่าสินทรัพย์ที่ซื้อขาย วิธีเปิดพอร์ตหุ้นแบบนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คุ้นเคยกับการจัดการบัญชี หรือช่ำชองการลงทุนในตลาดหุ้นมาพอสมควร สำหรับมือใหม่ที่ตั้งใจลงทุนเพื่อวางแผนเกษียณ ควรงดการเปิดบัญชีหุ้นประเภทนี้ เพราะนอกจากจะวางแผนเกษียณไม่สำเร็จและเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินต้นแล้ว ยังเสี่ยงเป็นหนี้ก้อนโตจากการลงทุนอีกด้วย

วิธีเปิดพอร์ตหุ้น Step by Step ทำอย่างไร มาดูขั้นตอนกัน

ตอนนี้ก็ได้ทราบกันแล้วว่าบัญชีหุ้นมีกี่ประเภท และควรเปิดบัญชีแบบไหน โดยทั่วไปแล้ว มือใหม่ที่เปิดบัญชีหุ้นเป็นครั้งแรก โบรกเกอร์จะแนะนำให้เปิดเป็นบัญชีแคชบาลานซ์เพื่อง่ายต่อการบริหารจัดการเงิน จะเปิดบัญชีหุ้นต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง มีขั้นตอนอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

1. เตรียมเอกสารให้พร้อม

เอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่

• บัตรประชาชน
• หน้าสมุดบัญชีธนาคาร

ซึ่งถ้าสมัครผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคารที่เป็นโบรกเกอร์ สามารถใช้บัญชีผูกได้เลย

2. เลือกบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)

บริษัทหลักทรัพย์ต้องเป็นบริษัทที่ถูกกฎหมาย  เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ อย่าหลงเชื่อคำชักชวนให้ลงทุนผ่านบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เสนอตัวนำเงินไปลงทุนให้ โดยที่ไม่ได้ดำเนินการซื้อขายเอง  แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่โบรกเกอร์เองก็ตาม เจ้าหน้าที่หรือที่เรียกกันว่า มาร์ (มาร์เก็ตติ้ง) จะทำหน้าที่ประสานงาน ดำเนินการเปิดบัญชี และดูแลบัญชีให้เรา รวมถึงให้ข้อมูลการวิเคราะห์หุ้นและตลาดหุ้นที่บริษัทจัดทำ ตอบคำถาม อำนวยความสะดวกในการซื้อขาย และส่งคำสั่งซื้อขายให้ภายใต้คำสั่งเจ้าของบัญชี อย่าให้มาร์จัดการซื้อขายโดยพลการ หากยังไม่เข้าใจการลงทุนระยะสั้นแบบเก็งกำไร และอย่าลงทุนแบบส่งคำสั่งซื้อขายถี่ๆ ตามคำชักขวน เพราะการซื้อขายทุกครั้งจะมีค่าธรรมเนียม แม้แต่การส่งคำสั่งซ์้อด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชั่นก็ตาม อนึ่ง แต่ละโบรกเกอร์มีค่าธรรมเนียมแตกต่างกัน เป็นอีกประเด็นที่ต้องศึกษาก่อนเปิดบัญชี และหมั่นตรวจสอบบัญชีอยู่เสมอ

3. ขั้นตอนการเปิดบัญชี

วิธีเปิดพอร์ตหุ้น  ทำได้ 2 รูปแบบ ดังนี้

1. เปิดพอร์ตหุ้นที่สำนักงานบริการของโบรกเกอร์ โดยสามารถติดต่อ ขอเข้ารับคำปรึกษาและเปิดบัญชีที่ที่ทำการของโบรกเกอร์ได้เลย หรือแจ้งความประสงค์ให้มาเก็ตติ้งส่งเอกสารใบสมัครสำหรับเปิดบัญชีมาให้ก็ได้ ขั้นตอนต่อมาก็ง่ายมาก เพียงแค่กรอกใบสมัครพร้อมแนบสำเนาเอกสารส่วนตัวเท่านั้น
2. วิธีเปิดพอร์ตหุ้นออนไลน์ สามารถทำได้ 2 แบบ คือ กรอกเอกสารออนไลน์กับมาร์เก็ตติ้ง หรือทำรายการเองผ่านแพลตฟอร์มที่โบรกเกอร์มีบริการ ในบางธนาคารสามารถดำเนินการผ่านแอปธนาคารได้โดยตรง ซึ่งเราสามารถหาข้อมูลโบรกเกอร์ต่างๆ ได้จากหนังสือเทรดหุ้น หรือเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ ตรวจเช็กว่ามีบริการรูปแบบใดบ้าง นอกจากนี้ ยังมี YouTube สอนวิธีเปิดพอร์ตหุ้นจากหลากหลายธนาคาร โดยสามารถค้นหาข้อมูลและทำตามขั้นตอนที่แนะนำได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งการยืนยันตัวตนเพื่อดำเนินการหักบัญชีผ่านธนาคารในปัจจุบันก็ง่ายและมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย

Inspire Now ! : การเปิดบัญชีหุ้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด หากศึกษาขั้นตอนวิธีการมาอย่างดี ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือจะเลือกเปิดบัญชีกับพนักงานของโบรกเกอร์นั้นๆ ก็ได้ เพื่อความสะดวกและความเข้าใจอย่างชัดเจน ทั้งนี้ หลังจากเปิดพอร์ตหุ้นแล้ว เราก็ต้องศึกษาการลงทุนอย่างดี ไม่ว่าจะลงทุนในหุ้นประเภทใดก็ตาม ที่สำคัญคือการประเมินความต้องการของตัวเองว่ามีจุดประสงค์ในการลงทุนอย่างไร เป็นการลงทุนเก็งกำไรหรือลงทุนในระยะยาว จะใช้กลยุทธ์ในการลงทุนอย่างไร จะได้บรรลุเป้าหมายการลงทุนของตัวเองได้ค่ะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? ตอนนี้ก็ได้รู้วิธีการเปิดพอร์ตหุ้นแล้วนะคะ ใครสะดวกแบบไหนก็เลือกเปิดบัญชีตามความต้องการได้เลย ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ก่อนละลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด ควรศึกษาให้ดีก่อนที่จะลงทุนนะคะ ใครมีประสบการณ์ลงทุนแบบไหนบ้าง มาคอมเมนต์บอกกันได้นะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : tfpa.or.th, set.or.th, settrade.com

Featured Image Credit : freepik.com/master1305