ในช่วงใกล้สิ้นปีภาษี หลายคนคงกำลังมองหาวิธีวางแผนการเงินเพื่อประหยัดภาษีกันอยู่ การบริหารจัดการภาษีให้มีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแค่เรารู้จักใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐบาลมอบให้อย่างชาญฉลาด ดังนั้นในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะแนะนำวิธีการลดหย่อนภาษีที่คุณสามารถทำได้ทันที พร้อมเทคนิคการวางแผนการเงินระยะยาวที่จะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืนกันค่ะ
เช็กและวางแผนก่อนกับวิธีลดภาษีที่ให้คุณเข้าใจง่าย และปรับใช้ได้จริง !
การวางแผนภาษีถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารการเงินส่วนบุคคลที่ทุกคนควรให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน เจ้าของธุรกิจ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ เพราะการวางแผนภาษีที่ดีจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มเงินออม (สำหรับใครที่สนใจวางแผนเรื่องการออม ลองอ่านบทความที่เราเคยเขียนเพิ่มเติมกันนะคะ) และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว บทความนี้จะแนะนำวิธีการวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาดและถูกกฎหมาย เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากสิทธิการลดหย่อนภาษีที่รัฐบาลมอบให้
เก็บเงินให้ดี มีใช้ในระยะยาว เก็บเงินกับช่องทางที่น่าเชื่อถือกัน !
การวางแผนภาษี มีประโยชน์ยังไง ?
การวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณ แต่ยังส่งผลดีต่อการบริหารการเงินในหลากหลายมิติ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มาดูกันว่าการวางแผนภาษีมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
- ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านภาษี การวางแผนภาษีที่ดีช่วยให้คุณใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่ ลดจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น
- เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงิน เมื่อคุณมีแผนภาษีที่ชัดเจน คุณจะสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้แม่นยำมากขึ้น จัดสรรเงินสำหรับการลงทุนและการออมได้อย่างเหมาะสม รวมถึงควบคุมกระแสเงินสดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ลดความเสี่ยงทางการเงิน การวางแผนภาษีช่วยป้องกันความผิดพลาดในการยื่นภาษี ลดโอกาสการเสียค่าปรับ และหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบจากกรมสรรพากรโดยไม่จำเป็น ทำให้คุณมีความมั่นใจในการบริหารการเงินมากขึ้น
- สร้างโอกาสทางการเงิน เงินที่ประหยัดได้จากการวางแผนภาษีสามารถนำไปต่อยอดการลงทุน สร้างความมั่นคงในอนาคต หรือวางแผนการเกษียณได้ดียิ่งขึ้น เปรียบเสมือนการสร้างโอกาสทางการเงินใหม่ๆ ให้กับตัวคุณเอง
- เพิ่มความมั่นคงทางธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบการ การวางแผนภาษีที่ดีช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ
- ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ แผนภาษีที่ดีช่วยให้คุณวางแผนการลงทุน การขยายกิจการ และการจ้างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงผลกระทบทางภาษีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- สร้างความสมดุลในชีวิต การประหยัดภาษีอย่างถูกต้องทำให้คุณมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น สามารถวางแผนการศึกษาของครอบครัว มีเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคต หรือการวางแผนเพื่อครองสถานะโสดตลอดชีวิต
- พัฒนาวินัยทางการเงิน การวางแผนภาษีช่วยสร้างนิสัยการจดบันทึกทางการเงินที่ดี พัฒนาทักษะการจัดการเอกสาร และเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจด้านการเงินและภาษีอากรของคุณ
Image Credit : canva.com-pro
รู้จักเงินได้พึงประเมิน
เงินได้พึงประเมิน (Assessable Income) คือรายได้ทั้งหมดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องนำมาคำนวณภาษี โดยแบ่งเป็น 8 ประเภทหลักตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
- เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ
- รายได้จากการรับทำงานให้ เช่น ค่าคอมมิชชั่น ค่านายหน้า
- ค่าแห่งลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า กู๊ดวิลล์
- ดอกเบี้ย เงินปันผล ผลประโยชน์จากการลงทุน
- รายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน
- รายได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น แพทย์ ทนายความ สถาปนิก
- รายได้จากการรับเหมา หรือธุรกิจ การพาณิชย์
- รายได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร อุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้
ขั้นตอนการคำนวณภาษี
เมื่อเข้าใจว่าอะไรคือรายได้พึงประเมิน จะช่วยให้เราสามารถคำนวณภาษีได้ถูกต้องและไม่พลาดการนำรายได้ส่วนใดส่วนหนึ่งมาคำนวณ มาทำความเข้าใจขั้นตอนการคำนวณภาษีกันต่อค่ะ
- นำรายได้พึงประเมินทั้งหมด
- หักค่าใช้จ่าย (ตามที่กฎหมายกำหนด)
- หักค่าลดหย่อน
- จะได้เงินได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี
ตารางสรุปหักค่าใช้จ่าย (ตามที่กฎหมายกำหนด)
ประเภทเงินได้ | มาตรา | อัตราหักค่าใช้จ่าย | เพดานสูงสุด |
---|
เงินเดือน/ค่าจ้าง | 40(1) | 50% | ไม่เกิน 100,000 บาท |
ค่าตอบแทนวิชาการ/วิชาชีพ | 40(2) | – การรับทำงาน: 50% – วิชาชีพอิสระ: 30% – นักแสดง: 50% | – |
ค่าลิขสิทธิ์/สิทธิบัตร | 40(3) | 50% | – |
ดอกเบี้ย/เงินปันผล | 40(4) | ไม่สามารถหักได้ | – |
ค่าเช่าทรัพย์สิน | 40(5) | – บ้าน/อาคาร: 30% – ที่ดินเกษตร: 20% – ยานพาหนะ: 30% – อื่นๆ: 10% | – |
วิชาชีพอิสระ | 40(6) | – โรคศิลปะ: 60% – กฎหมาย/วิศวกรรม/สถาปัตยกรรม/บัญชี: 30% | – |
ธุรกิจ/พาณิชย์ | 40(7)(8) | – ขายส่ง: 5% – ขายปลีก: 10% – ผลิตสินค้า: 15-70% หรือ หักตามจริง (ต้องมีหลักฐาน) | – |
วางแผนซื้อประกันเพื่อวางแผนการเงิน วางแผนภาษี
ตารางสรุปรายการลดหย่อนภาษี
1. ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
ประเภท | วงเงินลดหย่อน | เงื่อนไข |
---|
ส่วนตัว | 60,000 บาท | ทุกคนได้รับสิทธิ์ |
คู่สมรส | 60,000 บาท | – ต้องจดทะเบียนสมรส – คู่สมรสต้องไม่มีรายได้ |
ฝากครรภ์และคลอดบุตร | ไม่เกิน 60,000 บาท/ครรภ์ | ตามจ่ายจริง |
บุตร | – 30,000 บาท/คน – 60,000 บาท/คน (บุตรคนที่ 2 เกิดปี 2561 เป็นต้นไป) | – อายุไม่เกิน 20 ปี – อายุ 21-25 ปี ต้องกำลังศึกษา ปวส. ขึ้นไป – บุตรมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี |
เลี้ยงดูบิดามารดา | 30,000 บาท/คน | – อายุเกิน 60 ปี – รายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี |
อุปการะผู้พิการ | 60,000 บาท/คน | – ผู้พิการมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี – ต้องมีหลักฐานการอุปการะ |
2. ค่าลดหย่อนประกัน เงินออม และการลงทุน
ประเภท | วงเงินลดหย่อน | เงื่อนไข |
---|
ประกันสังคม | ไม่เกิน 9,000 บาท | ตามจ่ายจริง |
ประกันชีวิต/สะสมทรัพย์ | ไม่เกิน 100,000 บาท | – ระยะเวลาคุ้มครองเกิน 10 ปี – ทำกับบริษัทในไทย |
ประกันสุขภาพ/อุบัติเหตุ | ไม่เกิน 25,000 บาท | รวมกับประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท |
ประกันสุขภาพบิดามารดา | ไม่เกิน 15,000 บาท | บิดามารดามีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี |
Thai ESG | 30% ของรายได้ (ไม่เกิน 300,000 บาท) | ถือครองเกิน 5 ปี |
RMF | 30% ของรายได้ (ไม่เกิน 500,000 บาท) | รวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ |
SSF | 30% ของรายได้ (ไม่เกิน 200,000 บาท) | – ถือครองเกิน 10 ปี – ใช้สิทธิ์ได้ถึงปี 2567 |
PVD/กองทุนครูเอกชน | 15% ของรายได้ (ไม่เกิน 500,000 บาท) | รวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ |
กบข. | 30% ของรายได้ (ไม่เกิน 500,000 บาท) | สำหรับข้าราชการ |
กอช. | ไม่เกิน 30,000 บาท | รวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ไม่เกิน 500,000 บาท |
ประกันชีวิตแบบบำนาญ | 15% ของรายได้ (ไม่เกิน 200,000 บาท) | รวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ ไม่เกิน 500,000 บาท |
Image Credit : canva.com-pro
3. ค่าลดหย่อนเงินบริจาค
ประเภท | วงเงินลดหย่อน | เงื่อนไข |
---|
บริจาคทั่วไป | ไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย | ต้องมีใบเสร็จ |
บริจาคเพื่อการศึกษา/กีฬา/สังคม | 2 เท่าของยอดบริจาค (ไม่เกิน 10% ของรายได้) | ต้องเป็นหน่วยงานที่กำหนด |
บริจาคพรรคการเมือง | ไม่เกิน 10,000 บาท | ตามจ่ายจริง |
4. ค่าลดหย่อนกระตุ้นเศรษฐกิจ
รายได้เท่านี้ ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ?
ภาษีเงินได้ประจำปีจะคำนวณจากเงินได้พึงประเมินสุทธิของเราทั้งหมด หมายถึง เงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ แล้ว หากมีเงินได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาทก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่หากเงินได้ของเรามากกว่า 150,000 บาทก็ต้องเสียภาษีตามขั้นบันไดในอัตรา 5-35% เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะไปดูว่าตัวเองต้องเสียภาษีเท่าไร จึงต้องรู้จักวิธีลดภาษีก่อนเพื่อหาเงินได้สุทธิก่อนนำไปคำนวณภาษีนั่นเอง สำหรับรายละเอียดภาษีตามขั้นบันได มีดังต่อไปนี้ค่ะ
- 0 – 150,000 บาท : ได้รับการยกเว้นภาษี
- 150,001 – 300,000 บาท : 5%
- 300,001 – 500,000 บาท : 10%
- 500,001 – 750,000 บาท : 15%
- 750,001 – 1,000,000 บาท : 20%
- 1,000,001 – 2,000,000 บาท : 25%
- 2,000,001 – 5,000,000 บาท : 30%
- 5,000,001 บาทขึ้นไป : 35%
Image Credit : canva.com-pro
ต้องยื่นภาษีเมื่อไหร่ ?
การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2567 (ที่ต้องยื่นในปี 2568) มีกำหนดการดังนี้ค่ะ
1. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90
- สำหรับผู้มีรายได้จากเงินเดือน/ค่าจ้างอย่างเดียว หรือ มีรายได้ประเภทอื่นด้วย
- ยื่นได้ตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2568
2. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.91
- สำหรับผู้มีรายได้จากเงินเดือน/ค่าจ้างอย่างเดียว
- ยื่นได้ตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2568
ช่องทางการยื่นภาษี
หมายเหตุ : หากยื่นเกินกำหนด อาจมีค่าปรับนะคะ
วางแผนซื้อประกันเพื่อวางแผนการเงิน ดูแลสุขภาพ
Inspire Now ! : วิธีลดภาษีเป็นหนึ่งในวิธีออมเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีประโยชน์ เพราะช่วยให้เรารู้ภาพรวมของรายรับและยังได้เช็กว่าในแต่ละปีเราจะได้เงินคืนจากการจ่ายภาษีหรือไม่ เพราะฉะนั้นลองแบ่งเวลามาใส่ใจศึกษาเรื่องการยื่นภาษีและการลดหย่อนภาษีกันสักนิด รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ นอกจากนี้อย่าลืมวางแผนการเงิน วางแผนภาษีกันล่วงหน้า หรือศึกษาเพิ่มเติมเรื่องสามเหลี่ยมการเงินเพื่อให้เรามั่งคั่งทางการเงินในระยะยาวกันนะคะ |
---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่าใช่ไหม ? ใครมีประสบการณ์การยื่นภาษีประจำปีและการลดหย่อนภาษีบ้าง มาแชร์ประสบการณ์กับเรากันบ้างนะคะ ♡