เคยเจอใครบางคนที่พอเจอแล้วรู้สึกดีมากๆ ไหมคะ ? รู้สึกว่าทำไมเข้าอกเข้าใจเราจังเลย ทำไมถึงพูดจาน่าฟัง ทำไมถึงมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก แถมยังมีทักษะการฟังที่ดีเยี่ยม เราพูดอะไรก็ตั้งใจฟังแถมยังจับจุดได้ถูก และก็มีทักษะด้านการพูดการสื่อสารที่ดีไม่แพ้กัน บุคลิกดูเป็นคนใจเย็น สุขุม ดูควบคุมอารมณ์ได้ ดูเป็นคนเปิดกว้างทางความคิด ยอมรับผู้อื่น และก็เป็นคนมั่นใจในตัวเอง เข้าสังคมเก่ง ซึ่งลักษณะแบบนี้ คือลักษณะของคนที่มี Emotional Intelligence คือ มีความฉลาดทางอารมณ์สูง หลายๆ คนคงเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้าง เรามักจะคุ้นกันในชื่อ EQ (Emotional Quotient) ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกัน มีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญได้ลงความเห็นว่า การมี Emotional Intelligence (EI) เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้คนๆ หนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะชวนมาดูกันว่า ทักษะเชิงอารมณ์นี้ จริงๆ แล้วคืออะไร ? แล้วมีความสำคัญอย่างไร ? และทำไมถึงเป็นตัวแปรสำคัญในการประสบความสำเร็จ
Emotional Intelligence คือ กุญแจสู่ความสำเร็จจริงมั้ย ? มารู้จัก EQ และฝึกใช้ให้เวิร์กในโลกยุคใหม่กัน !
บางครั้งเราก็ไม่ได้คาดหวังให้ทุกอย่างในชีวิตราบรื่นเสมอไป แต่อยากแค่มี “ใจที่มั่นคงพอ” ในวันที่อะไรมันไม่เป็นไปตามแผน
ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ EQ จึงกลายเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เราอยู่กับตัวเองได้อย่างเข้าใจ และอยู่กับคนอื่นได้อย่างเห็นใจ เพราะเมื่ออารมณ์ไม่พาไป เราก็จะเลือกใช้ชีวิตได้อย่างมีสติ และอ่อนโยนขึ้นทุกวัน เรามาลองทำความเข้าใจเรื่องอารมณ์ และฝึกไปด้วยกันค่ะ
หนังสือ คู่มือค้นหา “ทำไม” ที่แท้จริงของคุณ ( Find Your Why)
Emotional Intelligence คืออะไร ?
Emotional Intelligence (EI) หรือความฉลาดทางอารมณ์ เป็นความสามารถในการรับรู้ ควบคุม และประเมินอารมณ์ทั้งของตัวเองและของผู้อื่น รวมถึงความเข้าใจ ตีความ และตอบสนองต่ออารมณ์ของผู้อื่นด้วยเช่นกัน และมีการจัดการอารมณ์ของตัวเองในเชิงบวกเพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียด ความกดดัน มีความเอาใจใส่ผู้อื่น มีวิธีการสื่อสารที่ดี และมีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ ทักษะเชิงอารมณ์นี้เป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนได้ และ Emotional Intelligence เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จโดยรวมในชีวิตไม่แพ้ Intelligence Quotient (IQ) หรือความฉลาดด้านสติปัญญาเลยทีเดียว
Image Credit : Unsplash
Emotional Intelligence ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?
ตามแนวคิดของ Daniel Goleman นักจิตวิทยาชื่อดังผู้เป็นบิดาของแนวคิด EQ ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกนั้นได้แบ่ง Emotional Intelligence แบ่งออกเป็น 5 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
1. Self-Awareness (การรู้จัก และเข้าใจตัวเอง)
คือความสามารถในการรับรู้และเข้าใจอารมณ์ ความคิด และแรงจูงใจของตัวเองอย่างชัดเจน รู้ว่าอารมณ์แบบไหนกำลังเกิดขึ้น และสิ่งนั้นส่งผลต่อพฤติกรรมของเรายังไง การมี Self-Awareness ที่ดีจะช่วยให้เราสามารถประเมินตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมา เห็นจุดแข็ง จุดอ่อน และยอมรับตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาด้านอื่นๆ ของ EQ
2. Self-Regulation (การควบคุมอารมณ์)
Self-Regulation คือ ความสามารถในการควบคุมตัวเองทั้งในด้านความคิด อารมณ์ และการแสดงออก รู้จัก คิดก่อนทำ คิดก่อนพูด และรู้วิธีรับมือกับความเครียด ความกดดัน หรือสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อย่างมีสติ รวมถึงการปรับตัวให้ยืดหยุ่นตามสิ่งแวดล้อมต่างๆ
Self-Regulation เชื่อมโยงกับ Self-Monitoring หรือการสังเกตและประเมินตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในใจ และสามารถหยุดคิด ทบทวน และควบคุมความรู้สึกไม่ให้กระทบต่อการตัดสินใจหรือความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้เพื่อสร้างความมั่นคงทางอารมณ์
3. Motivation (แรงจูงใจภายใน)
การมีแรงจูงใจภายใน คือพลังผลักดันที่เกิดจากความต้องการภายใน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรางวัลหรือคำชมจากภายนอก คนที่มีแรงจูงใจภายในจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีความพยายาม และไม่ยอมแพ้ง่ายแม้เผชิญความล้มเหลว นอกจากนี้ยังมองเห็นโอกาสในการเรียนรู้จากความผิดพลาด และมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนที่เติบโตทั้งในชีวิตและการงาน
4. Empathy (ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น)
Empathy คือความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก และมุมมองของผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง โดยไม่ตัดสินหรือลดค่าความรู้สึกของเขา คนที่มี Empathy สูงจะสามารถรับฟังได้อย่างตั้งใจ เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้อื่น และตอบสนองอย่างเหมาะสม เป็นทักษะที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย และส่งเสริมการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น
5. Social Skills (ทักษะทางสังคม)
การมีทักษะทางสังคม คือความสามารถในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การเจรจา รวมถึงการรับมือกับความขัดแย้ง คนที่มี Social Skills ดีก็จะสามารถเชื่อมโยงกับผู้อื่นได้ง่าย มีความสามารถในการชักจูง สนับสนุน และสร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงานหรือในกลุ่มต่างๆ เป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เราเติบโตได้ทั้งในระดับบุคคลและระดับองค์กร
คนที่มี EQ สูง เขาคิดและรับมือกับอารมณ์ยังไง ?
คนที่มี EQ สูง ไม่ใช่คนที่ไม่มีอารมณ์โกรธ ไม่เครียด หรือไม่รู้สึกอะไรเลย แต่คือคนที่สามารถ “อยู่กับอารมณ์ตัวเองได้อย่างเข้าใจ” และ “ตอบสนองต่อความรู้สึกนั้นอย่างมีสติ” ลองมาดูกันว่า คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูง เขาคิด และจัดการกับอารมณ์ของตัวเองยังไงบ้าง
1. รู้ตัวว่า ‘กำลังรู้สึกอะไร’ และ ‘เพราะอะไร’
พวกเขาสังเกตอารมณ์ตัวเองได้ทัน ไม่ปล่อยให้อารมณ์พาไปโดยไม่รู้ตัว และมักจะถามตัวเองว่า “ตอนนี้รู้สึกยังไง?” และ “เพราะอะไรถึงรู้สึกแบบนี้?” เพราะการรู้เท่าทันอารมณ์ คือจุดเริ่มต้นของการควบคุมมันได้อย่างแท้จริง
2. ไม่ปฏิเสธอารมณ์ แต่ยอมรับมันอย่างเข้าใจ
EQ สูงไม่ได้หมายถึงต้องคิดบวกตลอดเวลา แต่คือการยอมรับว่าอารมณ์ลบเป็นเรื่องธรรมชาติ พวกเขาจะไม่ด่วนผลักความรู้สึกออกไป แต่เลือกจะอยู่กับมันอย่างอ่อนโยน โดยไม่ตัดสินตัวเอง
3. หยุด คิด แล้วค่อยตอบสนอง
ก่อนพูดหรือทำอะไรโดยใช้อารมณ์ พวกเขามักหยุดคิดสักนิด โดยจะไม่ตอบโต้ในทันที แต่เลือก “ตอบสนองอย่างมีสติ” เพื่อไม่ให้คำพูดหรือการกระทำทำร้ายใคร เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ดีๆ สร้างจากการควบคุมตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้อารมณ์ควบคุมเรา
4. เข้าใจคนอื่นมากกว่ามองแค่จากมุมตัวเอง
นอกจากเข้าใจตัวเองแล้ว คนที่มี EQ สูง ยังพยายามเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่นด้วย พวกเขามักจะมองจากมุมมองของอีกฝ่ายและคิดว่า “ถ้าเราเป็นเขา จะรู้สึกยังไง?” ซึ่งช่วยให้สื่อสารได้อย่างเห็นอกเห็นใจ และสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งได้มากขึ้น
5. ฝึกใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ
EQ เป็นทักษะ ไม่ใช่พรสวรรค์ และคนที่มี EQ สูงรู้ข้อนี้ดี พวกเขาจึงมักฝึกจดบันทึกอารมณ์ พักใจเมื่อเหนื่อย หรือเรียนรู้จาก feedback ของคนรอบข้าง เพราะการรู้จักตัวเอง และเข้าใจผู้อื่น จำเป็นต้องฝึกอย่างสม่ำเสมอ
Image Credit : Unsplash
ความฉลาดทางอารมณ์นั้น สำคัญไฉน ? และทำไมถึงต้องฝึก ?!
หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “EQ สำคัญไม่แพ้ IQ” แต่ถ้าแค่รู้ว่าสำคัญ แต่ไม่ได้ฝึก ก็อาจยังใช้มันไม่ได้อย่างเต็มที่ ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) เป็นเหมือนทักษะชีวิตที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่ส่งผลชัดมากกับทุกอย่างที่เราทำ ทั้งความสัมพันธ์ การทำงาน การสื่อสาร และการเข้าใจตัวเองในวันที่เหนื่อยล้า และนี่คือเหตุผลว่าทำไม EQ ถึงควรเป็น “ทักษะที่เราควรฝึกไปตลอดชีวิต”
1. เพราะอารมณ์มีผลต่อทุกการตัดสินใจ
คนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดี จะไม่ตัดสินใจด้วยความโกรธ กลัว หรือกังวลชั่ววูบ แต่จะสามารถ “คิดบนความรู้สึก” ได้อย่างมีสติ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นทั้งในงานและชีวิต
2. เพราะความสัมพันธ์ดี เริ่มจากเข้าใจตัวเอง
ก่อนจะเข้าใจคนอื่น เราต้องเข้าใจตัวเองก่อน EQ ช่วยให้เรารู้ว่า เราอยากได้อะไร ต้องการสื่อสารแบบไหน และจะทำอย่างไรให้สัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีขึ้น โดยไม่ละเลยความรู้สึกของตัวเอง
หนังสือ สู่จุดสูงสุดของชีวิตด้วย “พีระมิดสามสุข”
3. เพราะโลกทุกวันนี้เปลี่ยนไว และเราไม่ควรปล่อยให้ใจล้มง่าย
ความยืดหยุ่นทางอารมณ์ (Emotional Resilience) คือ สิ่งที่ช่วยให้เรารับมือกับความเปลี่ยนแปลง ความล้มเหลว หรือสถานการณ์ไม่คาดคิดได้ ซึ่งคนที่มี EQ สูงจะปรับตัวได้ดี ไม่จมอยู่กับอารมณ์ลบ และลุกขึ้นใหม่ได้เร็วกว่า
4. เพราะ EQ คือ Soft Skill ที่องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญ
แม้จะเก่งงานแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีทักษะทางอารมณ์ อาจทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ยาก ทุกวันนี้หลายองค์กรเน้นการประเมิน EQ ในการจ้างงานหรือเลื่อนตำแหน่ง เพราะคนที่รู้จักตัวเอง เข้าใจคนอื่น และสื่อสารดี คือคนที่ทำให้ทีมเติบโตได้จริง
5. เพราะการฝึก EQ คือการดูแลใจตัวเองระยะยาว
การฝึก EQ คือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรู้สึกโดยไม่หลีกหนี คือการรู้ว่า “เรามีสิทธิรู้สึก” แต่เราก็มี “พลังในการเลือกว่าจะตอบสนองอย่างไร” และเมื่อใจเรามั่นคงขึ้น ชีวิตก็เบาสบายขึ้นตามไปด้วย
เปรียบเทียบระหว่างฝึก EQ VS ไม่ได้ฝึก EQ
คนที่ฝึก EQ จะเป็นคนที่… | คนที่ไม่ฝึก EQ จะเป็นคนที่… |
---|
✅ รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง | ❌ อารมณ์พาไปโดยไม่รู้ตัว |
✅ สื่อสารอย่างมีสติ และเข้าใจผู้อื่น | ❌ พูดด้วยอารมณ์ ทำร้ายความสัมพันธ์ |
✅ รับมือกับความเครียด และความล้มเหลวได้ดี | ❌ เครียดง่าย ใจล้า บั่นทอนพลังงานชีวิต |
✅ ตัดสินใจด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ | ❌ ตัดสินใจผิดพลาดเพราะความวู่วาม |
✅ เติบโตในงานและชีวิต เพราะทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดี | ❌ พลาดโอกาส เพราะสื่อสารไม่เข้าใจ ทำงานร่วมกับคนไม่ได้ |
Image Credit : Unsplash
7 วิธีง่ายๆ ในการฝึก EQ ให้ใจแข็งแรงขึ้นทุกวัน
EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์ เป็นทักษะที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในที่ทำงาน หรือช่วงเวลาวิกฤตเท่านั้น แต่มันแอบซ่อนอยู่ในทุกช่วงของชีวิต ทั้งเวลาที่เราหัวเราะ เสียใจ โมโห ผิดหวัง หรือแม้แต่ตอนเงียบๆ อยู่กับตัวเอง และข่าวดีคือ ใครๆ ก็ฝึก EQ ได้แบบไม่ต้องฝืน แค่เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่เราทำได้ทุกวัน ลองมาดู 7 ข้อนี้ ที่เราแนะนำกันค่ะ
1. ถามใจตัวเองวันละ 1 ครั้ง
ลองเริ่มจากสิ่งง่ายๆ ที่สุดอย่างการ “รู้ว่าเรารู้สึกอะไร” โดยลองหยุดสักนิดแล้วถามตัวเองว่า “ตอนนี้เรารู้สึกยังไง?” และ “เพราะอะไรถึงรู้สึกแบบนั้น?” การรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน คือก้าวแรกของการฝึก EQ อย่างแท้จริงค่ะ
2. เขียนบันทึกอารมณ์สั้นๆ
ไม่ต้องเขียนยาวเหมือนเขียนไดอารี่นะคะ แค่จดว่า…
“วันนี้รู้สึกไม่โอเค เพราะประชุมแล้วพูดไม่ทันใจตัวเอง” หรือ “วันนี้ดีใจจัง เพราะได้ฟังเพลงที่ชอบตอนเดินทาง” สิ่งเล็กๆ แบบนี้จะช่วยให้เรารู้จักตัวเองในแบบที่ลึกขึ้นกว่าที่คิด
3. หายใจลึกๆ ก่อนตอบโต้
หลายครั้งที่เราพูดแรงเกินไป ทำอะไรพลาดไป เพราะปล่อยให้อารมณ์มาก่อนสติ ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ ลองหายใจเข้าลึกๆ นับ 1 ถึง 5 แล้วค่อยพูดหรือทำอะไรต่อ ก็สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะมันคือการให้ “เวลาใจ” ได้กลับมาสงบ ก่อนจะออกไปเจอโลกอีกครั้ง
4. ฟังอย่างตั้งใจ โดยไม่ขัด
EQ ที่ดีเริ่มจากการ “ฟังอย่างฟังจริงๆ” ไม่ใช่ฟังเพื่อโต้กลับ เวลาคนใกล้ตัวระบาย ลองไม่แทรก ไม่ขัดเค้า และไม่รีบสรุปให้เขา การฟังแบบนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัย แต่ยังเป็นการฝึกใจให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ (ใครอยากฝึกการฟังจริงๆ จังๆ ลองอ่านเรื่อง Empathy Map เพิ่มเติมดูนะคะ)
5. อยู่กับตัวเองวันละนิด โดยไม่รู้สึกผิด
การฝึก EQ ไม่ได้หมายถึงต้องยุ่งอยู่กับคนทั้งวัน บางทีแค่ให้ตัวเองมี “พื้นที่เงียบๆ” วันละไม่กี่นาที โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ก็ช่วยให้ใจเราได้พัก ได้ฟังเสียงข้างในมากขึ้น และนั่นคือการสร้างสายสัมพันธ์กับตัวเองอย่างแท้จริง
6. เปิดใจรับ feedback
คำติ คำแนะนำ หรือแม้แต่คำพูดที่ทำให้สะเทือนใจ อาจไม่ใช่ศัตรู ถ้าเราฟังด้วยใจที่เปิดรับ Feedback จะกลายเป็นกระจกที่สะท้อนตัวตนในมุมที่เราอาจมองไม่เห็น ลองฟังอย่างไม่ตั้งท่าป้องกัน แล้วเลือกนำไปใช้ในแบบที่สอดคล้องกับตัวตนของเราจริงๆ
7. ให้อภัยตัวเองเมื่อพลาด
ไม่มีใครใจเย็นตลอดเวลา หรือควบคุมอารมณ์ได้ทุกสถานการณ์ แต่คนที่มี EQ สูง คือคนที่ “เข้าใจตัวเอง” แม้ในวันที่พลาด
ถ้ารู้สึกว่าเผลอพูดแรง เผลอใจร้อน ก็ไม่เป็นไร แค่รู้ตัว แล้วยอมรับ และเรียนรู้จากมัน ให้อภัยตัวเอง แล้วค่อยๆ เดินหน้าต่อด้วยความเข้าใจมากขึ้นก็พอ
EQ ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องอารมณ์ แต่ส่งผลต่อทั้งชีวิต ความสัมพันธ์ และความสุขในทุกๆ วัน ลองถามตัวเองดูนะคะว่า ตอนนี้เราเข้าใจความรู้สึกตัวเองดีแค่ไหน ? และถ้าอยากเริ่มฝึก EQ ตั้งแต่วันนี้ จะเริ่มจากข้อไหนก่อนดีนะ ? บางครั้งแค่ตั้งใจฟังตัวเอง ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งที่สุดก็ได้
หนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก
Inspire Now ! : ในชีวิตของคนเราประกอบไปด้วยหลายอย่าง นอกจากจะมีความสามารถ มีทักษะพิเศษเฉพาะตัวที่ใช้ในการเรียนหรือทำงานแล้ว Emotional Intelligence ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จและมีความสุขในการใช้ชีวิตได้ เพราะเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับการบริหารจัดการตัวเองและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ทั้งในด้านอารมณ์ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ถ้าใครอยากรู้ว่าตัวเองมี EQ หรือเปล่า ก็ไปทำแบบทดสอบกันได้ที่เว็บไซต์นี้นะคะ แต่ถ้าใครคิดว่าตัวเองยังมีทักษะเชิงอารมณ์ไม่มากพอ ก็หวังว่าจะนำเอาวิธีฝึกที่เรานำมาฝากกันไปลองฝึกดูนะคะ ทุกคนฝึกได้ ขอแค่มีความตั้งใจจริงๆ และมีความพยายามค่ะ |
---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? คุณคิดว่า Emotional Intelligence สำคัญแค่ไหน ? ฝึกกันยังไงบ้าง มาคอมเมนต์บอกกันบ้างนะคะ ♡