ฟาสต์แฟชั่น คืออะไร ? ส่งผลกระทบยังไงต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา มารู้จักให้มากขึ้น !
ฟาสต์แฟชั่น คืออะไร ? ส่งผลกระทบยังไงต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา มารู้จักให้มากขึ้น !
สำหรับใครที่เป็นสายแฟตัวยง ชอบแต่งตัวหรือเปลี่ยนสไตล์อยู่บ่อยๆ การตามเทรนด์แฟชั่นในแต่ละซีซั่นให้ทันจึงเป็นเรื่องที่น่าสนุก ชวนตื่นเต้น เพราะได้อัพเดทอยู่เสมอว่ามีไอเทมอะไรใหม่ๆ บ้าง อย่างเทรนด์ แฟชั่น 2023 และเสื้อผ้าในยุคปัจจุบันก็มีราคาถูกมากๆ หาซื้อได้ง่าย แม้คุณภาพจะไม่ได้ดีมากแต่หลายๆ คนก็ไม่ได้กังวลตรงจุดนี้สักเท่าไหร่ เพราะใส่เพียงแค่ครั้งสองครั้งเพื่อถ่ายรูปแล้วก็ไม่ใส่อีก จากนั้นก็ไปซื้อชุดใหม่ที่กำลังอินเทรนด์มาใส่ วนเวียนแบบนี้เรื่อยไป รู้หรือเปล่าว่า แฟชั่นแบบนี้ คือสิ่งที่เรียกว่า “ฟาสต์แฟชั่น” ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าประเภทนี้ กำลังส่งผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง แล้วมันมีผลกระทบยังไง แฟชั่นเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมยังไง ไปอ่านกันเลยค่ะ
ฟาสต์แฟชั่น ผลพวงจากวงการอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อโลกของเรา
หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินคำว่า Fast Fashion กันมาบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร เป็นแฟชั่นแบบไหน Fast Fashion คือ เสื้อผ้าตามเทรนด์ที่มีราคาถูก แต่มีคุณภาพต่ำ เน้นผลิตเพื่อให้อยู่ในกระแสให้เร็วที่สุดและออกวางขายในตลาดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการจะสวมเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้ทันตามเทรนด์ โดยปกติแล้ว เทรนด์แฟชั่นในแต่ละฤดูกาลจะถูกกำหนดโดยแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกซึ่งมีราคาแพง และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อได้ เป็นเหตุให้สินค้า Fast Fashion ถูกผลิตขึ้นมาอ้างอิงตามเทรนด์ในวงการแฟชั่น แต่มีราคาที่ถูกกว่ามากๆ เพื่อที่จะได้ซื้อขายได้ง่าย ใครที่ตามเทรนด์แฟชั่นก็จะได้หาซื้อมาใส่ได้ไวที่สุดในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ สินค้าเหล่านี้มีคุณภาพต่ำ ไม่ทนทาน ทั้งยังเป็นสินค้าตามเทรนด์ที่เมื่อเกิดการตกเทรนด์ขึ้น เสื้อผ้าเหล่านี้ก็จะไม่ถูกนำกลับมาใส่ซ้ำอีกต่อไป และเกิดเป็นขยะจำนวนมาก
JELLYPLEASE – EVERYDAY CARDIGAN ver.5 *พร้อมส่งทุกสี* เสื้อคาดิแกนไหมพรม ทอลายตะกร้า
สาเหตุของการเกิด Fast Fashion คืออะไร ? ชวนเข้าใจปรากฏการณ์ “บริโภคมากเกินไป”
ในยุคก่อนการเกิด “การปฏิวัติอุตสาหกรรม” หรือ Industrial Revolution เมื่อคราวปี ค.ศ. 1800 การผลิตเสื้อผ้านั้นเป็นไปอย่างช้าๆ และมีความปราณีต เนื่องจากเป็นการตัดเย็บด้วยมือ ทั้งยังต้องทอผ้าด้วยฝีมือมนุษย์ การจะทำเสื้อผ้าแต่ละชิ้นนั้นจึงต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเน้นความทนทาน จึงทำให้สามารถใช้ได้นาน แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมขึ้น ได้มีการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยทุ่นแรงในการผลิต ทำให้สามารถผลิตสินค้าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และผลิตได้ในจำนวนที่มากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีในการผลิตวัสดุที่ใช้ในการทำเสื้อผ้ามีความก้าวหน้ามากขึ้น สามารถผลิตเส้นใยสังเคราะห์เพื่อทดแทนการทอผ้าด้วยมือจากวัสดุทางธรรมชาติที่มีราคาสูง ส่งผลทำให้ต้นทุนในการผลิตน้อยลง และเสื้อผ้ามีราคาถูกลงจนสามารถซื้อได้โดยง่าย อีกทั้งเทรนด์แฟชั่นก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ฤดูกาล การโฆษณาจากกลุ่มธุรกิจต่างก็บอกผู้บริโภคว่า คุณต้องมี คุณต้องอินเทรนด์ คุณต้องตามกระแสให้ทัน ทำให้เกิดการบริโภคเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการซื้อขายสินค้าเสื้อผ้าในกลุ่มฟาสต์แฟชั่นเป็นจำนวนมหาศาลก็คือ อิทธิพลของโลกโซเชียลออนไลน์ในปัจจุบันที่ทุกคนต้องการนำเสนอความเป็นตัวเอง ที่มีการโพสต์รูปกันเพื่อเรียกยอดกดไลก์กดแชร์ และรูปถ่ายนั้นจะอยู่ในโปรไฟล์ของเรา หลายๆ คนจึงหลีกเลี่ยงที่จะใส่ชุดซ้ำถ่ายรูป เนื่องจากอาจถูกแซวในกลุ่มเพื่อนหรือถูกคอมเมนต์ว่า “ใส่ชุดซ้ำ” โดยเฉพาะผู้ที่เป็นอินฟลูอินเซอร์หรือบล็อกเกอร์ที่ต้องนำเสนอตัวตนของตนเอง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกอย่างเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และเป็น “ส่วนหนึ่งของงาน” อย่างการผลิตคอนเทนต์ที่เรียกว่า “Fashion hauls” หรือการเปิดถุงช็อปปิ้งว่า ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ อะไรมาบ้างที่กำลังเป็นเทรนด์ ทำให้ต้องมีการซื้อเสื้อผ้าใหม่หรือสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถตามเทรนด์ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด และเสื้อผ้าเหล่านี้ก็มีราคาถูก บางชิ้นมีราคาไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท จึงสามารถซื้อมาใส่ได้ง่าย ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายๆ เพราะซื้อมาใส่ครั้งเดียวก็นับว่าคุ้มแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ซื้อเสื้อผ้าประเภทฟาสต์แฟชั่นนั้น มักจะคำนึงถึงเรื่องความสวยงามและความอินเทรนด์เป็นหลัก มากกว่าใส่ใจถึงคุณภาพ
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ความสะดวกสบายในการซื้อขายและการเข้ามาของ E – comerce หรือการซื้อขายออนไลน์ ที่ทำให้การช็อปปิ้งเสื้อผ้านั้นสามารถทำได้ง่ายดายเพียงคลิกเดียว จะสังเกตได้ว่า เสื้อผ้าในร้านออนไลน์นั้นมีราคาถูก ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เสื้อผ้าที่ซื้อจากร้านค้าออนไลน์นั้น บางครั้งก็ใส่ไม่ได้จริง ไม่ว่าจะด้วยไซส์ ด้วยเนื้อผ้า หรือสวมใส่ออกมาแล้วไม่สวยเหมือนในรูป ก็ทำให้เสื้อผ้าชิ้นนั้นๆ เปล่าประโยชน์และไม่ถูกนำมาใช้ไปโดยปริยาย เผลอๆ อาจกลายเป็นขยะในทันทีเลยก็ได้ เนื่องจากมีราคาถูก ทำให้ตัดสินใจทิ้งได้ง่าย แม้ว่าการช็อปปิ้งออนไลน์จะมีความสะดวกสบายก็ตาม แต่การช็อปปิ้งที่มากเกินไปก็อาจส่งผลกระทบได้ในหลายๆ ด้าน การซื้อเสื้อผ้า Fast Fashion จากทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Overconsumption หรือการบริโภคมากเกินไป มากเกินความต้องการที่แท้จริงของเราเอง อย่างเช่นการซื้อเสื้อผ้าในราคาถูก คุณภาพต่ำมาหลายๆ ชุดแล้วใส่ครั้งเดียวทิ้ง การซื้อเสื้อผ้ากลายเป็นเรื่องของกระแสและค่านิยมมากกว่าการบริโภคเพื่อความจำเป็นอย่างแท้จริง ซึ่งก่อให้เกิดขยะเป็นจำนวนมหาศาล ในแต่ละปี โลกต้องการพื้นที่ในการฝังกลบขยะเสื้อผ้ามากกว่า 10 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้ ถูกนำไปรีไซเคิลไม่ถึง 10% เท่านั้น
[ Argento blazer 18 สี ] ทรงโอเวอร์ไซส์ที่ใส่ได้จริง ใส่ทำงานดูดี ใส่เที่ยวก็ดูเก๋
ผลกระทบที่เกิดจาก Fast Fashion คืออะไร ?
เชื่อหรือไม่ว่า หนึ่งในอุตสาหกรรมที่เป็นต้นเหตุอันทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมคือ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น ที่กระบวนการผลิตและหลังจากการผลิตนั้น ส่งผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมมากมาย หากใครยังคงจำได้หรือเคยเห็นภาพขยะเสื้อผ้าที่มีจำนวนถึง 59,000 ตันถูกนำมาทิ้งไว้ที่ทะเลทรายอาตากาม่าในประเทศชิลี ซึ่งขยะเสื้อผ้านี้ เป็นขยะที่ทำการฝังกลบได้ยาก มีสารเคมีในเส้นใยผ้า ใช้เวลาสลายตามธรรมชาตินานนับร้อยปี มาดูกันแบบเจาะลึกว่า เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นนั้น ส่งผลกระทบอย่างไรกับโลกของเราบ้าง
1. เพิ่มการปล่อยคาร์บอน
เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นส่วนใหญ่มักใช้ใยสังเคราะห์จำพวกโพลีเอสเทอร์เป็นวัสดุในการผลิตเสื้อผ้า ซึ่งการผลิตโพลีเอสเทอร์จะต้องใช้น้ำมันมากมายมหาศาล ทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนและส่งผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เสื้อโพลีเอสเทอร์หนึ่งตัวมี Carboon Footprint 5.5 กิโลกรัม หากมีการบริโภคสินค้าชนิดนี้เป็นจำนวนมาก จะเกิดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวน 3,978 ล้านตันภายในปี 2593 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิโลกอย่างมาก
2. การใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาล
เสื้อผ้า Fast Fashion ที่ทำจากผ้าฝ้าย มีการใช้ทรัพยากรอย่างน้ำและดินเป็นจำนวนมาก ปริมาณน้ำที่ใช้ผลิตผ้าฝ้าย 1 ตัว มีมากถึง 2,700 ลิตร ซึ่งเที่ยบเท่ากับปริมาณน้ำที่คนเราดื่มได้ 3 ปี นอกจากนี้ การผลิตฝ้ายทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง การระดมปลูกฝ้ายทำให้ผืนดินแห้งแล้งและเสื่อมคุณภาพเนื่องจากการใส่ปุ๋ยเคมีอย่างหนัก และเสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมาผ่านการใช้งานน้อยครั้ง หรือไม่ได้ถูกใช้เลยด้วยซ้ำ
มูจิ กระเป๋าสะพายข้างผ้าฝ้ายทรงสูง – MUJI Canvas Tall Tote Bag
3. เกิดอันตรายต่อสัตว์โลก
สีย้อมผ้าจากการทำอุตสาหกรรม Fast Fashion ปนเปื้อนในน้ำทะเล รวมถึงสารเคมีที่เป็นพิษและไมโครไฟเบอร์ที่ปล่อยออกมาจากการผลิตเสื้อผ้าไหลลงสู่มหาสมุทร ทั้งนี้ วัสดุสินค้า Fast Fashion ส่วนใหญ่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ที่มีคุณภาพต่ำ เช่น อะคลิลิก โพลีเอสเทอร์ ไนลอน และสแปนเด็กซ์ ซึ่งผ้าเหล่านี้มีส่วนประกอบของพลาสติก เมื่อมีการซักทำความสะอาด ก็จะเกิดการปล่อยไมโครพลาสติกลงน้ำ ทำให้สัตว์ทะเลกินสิ่งเหล่านี้เข้าไป และเกิดอันตราย ทั้งยังส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์อีกด้วย
4. ก่อให้เกิดมลพิษจากสารเคมีที่เป็นพิษ
เนื่องจากเสื้อผ้าสิ่งทอคุณภาพต่ำประเภทนี้ หากถูกทิ้งเป็นขยะก็จะต้องนำไปฝังกลบต่อไป และการฝังกลบนั้นทำให้ดินปนเปื้อนไปด้วยสารตะกั่ว ยาฆ่าแมลง และสารเคมีมีพิษอื่นๆ ที่มากับเสื้อผ้าเหล่านี้ และยังมีบางจำนวนที่ไม่ย่อยสลายทางชีวภาพอีกด้วย
5. ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ
การใช้สารเคมีเพื่อย้อมสีเสื้อผ้าก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ ซึ่งเป็นน้ำที่ทั้งมนุษย์และสัตว์ใช้ จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ระบุเอาไว้ว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นมีส่วนทำให้เกิดน้ำเสียถึง 20% ของปริมาณน้ำเสียทั้งโลก ทั้งยังปล่อยออกมาโดยที่ไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกต้องอีกด้วย
นอกจากจะส่งผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมแล้ว การผลิตสินค้าประเภทฟาสต์แฟชั่นยังมีความเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกด้วย เนื่องจากมีการจ่ายค่าแรงให้กับผู้ที่ทำงานตัดเย็บเสื้อผ้าในเรทที่ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำเพื่อให้คนทำงานหนักหลายชั่วโมงท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยและเป็นอันตราย เพื่อที่จะสามารถผลิตสินค้าได้มากๆ ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งยังมีการตรวจพบว่า โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าบางแห่งจ้างคนงานที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยค่าจ้างระดับต่ำและไม่มีการรับประกันความปลอดภัยให้อีกด้วย
Loonnystore ครอปเชิ้ต รุ่น Calie Crop Shirt
วิธีการลดการบริโภค Fast Fashion เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมของเรา
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนคงพอจะพอเห็นภาพกันแล้วว่า ฟาสต์แฟชั่นส่งผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ซึ่งวิธีที่จะช่วยโลกของเราให้ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมนี้น้อยลงคือ การลดการซื้อสินค้าประเภท Fast Fashion และเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อเสื้อผ้าของเรา จะทำได้อย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ
- หันมาซื้อเสื้อผ้าที่มีคุณภาพสูงและใช้งานได้นาน แทนการซื้อเสื้อผ้าประเภท Fast Fashion เป็นเรื่องจริงที่ว่า เสื้อผ้าที่มีคุณภาพสูงก็มีราคาสูงตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ หากนับความคุ้มค่าต่อการใช้งานตามจำนวนครั้งแล้ว เสื้อผ้าที่มีคุณภาพอาจมีความคุ้มค่ามากกว่าด้วยซ้ำ ทั้งยังเป็นวิธีที่สามารถลดการซื้อเสื้อผ้า Fast Fashion ได้อย่างดีเยี่ยม
- ซื้อเสื้อผ้ามือสอง ในโลกของแฟชั่นนั้น มีการหมุนเวียนสไตล์กลับไปกลับมาอยู่เสมอ อย่างในตอนนี้ก็นิยมการแต่งตัวสไตล์แฟชั่นยุค 2000 หรือสไตล์ Y2K การเลือกซื้อเสื้อผ้ามือสองอาจทำให้เราได้เสื้อผ้าวินเทจคุณภาพดีในราคาย่อมเยา ทั้งยังเข้ากับเทรนด์ และช่วยยืดอายุการใช้งานของสิ่งของ ชะลอการทิ้งและกลายเป็นขยะ ใครที่เป็นคนตามเทรนด์อยู่แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าซื้อของมือสองจะตกเทรนด์ เพราะเสื้อผ้ามือสองมีให้เลือกมากมายหลายสไตล์ บางทีอาจจะได้ของดีคุณภาพเยี่ยมในราคาถูกก็ได้นะคะ
JACK RUSSEL กางเกงยีนส์ผู้หญิง ทรงขากระบอก รุ่น JF-115/LB กางเกงยีนส์แจ็ครัสเซล
- เช่าชุดในโอกาสพิเศษแทนการซื้อ สำหรับชุดบางชุดนั้น เราใส่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เช่น ชุดเพื่อนเจ้าสาว ชุดไปงานเลี้ยง ชุดไปงานแต่ง การเช่าชุดจึงเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังเป็นการหมุนเวียนเสื้อผ้าให้มีการใช้งานได้ยาวนานขึ้น เป็นการลดการบริโภคที่เกินความจำเป็นอีกด้วย
- ดูแลเสื้อผ้าของเราให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน หากเสื้อผ้ามีการชำรุด แทนที่จะทิ้งไป การนำกลับมาซ่อมแซมหรือดัดแปลงให้เป็นสไตล์ใหม่ ก็ทำให้เราสามารถยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น ไม่เพิ่มขยะให้กับโลกของเรา ทั้งยังลดการซื้อเสื้อผ้าใหม่ที่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตสูงอีกด้วย
- ลองศึกษาสินค้าที่เป็น slow fashion หรือวิถีแฟชั่นละเมียดที่มีอุดมการณ์ในเรื่องของการรักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อม เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างผ้าฝ้ายออร์แกนิก ผ้าป่าน หรือเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งมีความยั่งยืนกว่ามาก
sarin Layer blazer เสื้อสูท over size fabric form korea พร้อมส่ง
Inspire Now ! : แม้ว่าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มจะเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ซึ่งเป็นของจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่การบริโภคมากเกินความจำเป็นนั้น ก็ส่งผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ลองนึกดูว่า ที่ผ่านมาเราซื้อเสื้อผ้าตามเทรนด์แต่ใส่เพียงครั้งสองครั้งหรือไม่เคยได้ใส่เลยและต้องทิ้งไปเป็นจำนวนเท่าไหร่ และไม่ได้มีเพียงแค่เราคนเดียวเท่านั้น ยังมีการบริโภคแบบนี้ในจำนวนหลายล้านคนทั่วโลก หากยังมีการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท Fast Fashion ต่อไป ก็คงจะทำให้เกิดผลกระทบต่อโลกของเราอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างเราๆ ที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ด้วย ลองเปลี่ยนตัวเองด้วยการลดการบริโภคสินค้าประเภทนี้ให้น้อยลง และหันมาซื้อเสื้อผ้าที่มี่ความยั่งยืนมากขึ้น ใช้ได้นานขึ้น หากทุกๆ คนเปลี่ยนพฤติกรรมพร้อมๆ กัน ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสิ่งแวดล้อมได้อย่างแน่นอน |
---|
DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? เราสามารถตามเทรนด์ได้โดยที่ไม่สร้างผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมได้นะคะ ใครมีวิธีลดการซื้อเสื้อผ้าฟาส์แฟชั่นอย่างไรบ้าง มาคอมเมนต์บอกกันได้นะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : posttoday.com, pptvhd36.com, fashionrevolution.org, goodonyou.eco, wbur.org, greenpeace.org, bbc.com
Featured Image Credit : vecteezy.com/YES Studio
Facebook Comments