stand up meeting, huddle meeting คือ

Stand Up Meeting คืออะไร ? ลองปลุกพลัง มาดูวิธีสื่อสารกับทีมก่อนเริ่มงานกัน !

มีใครต้องเข้าประชุมบ่อยๆ บ้างคะ ? การประชุมบ่อยๆ ใช้เวลานานๆ ไม่ได้มีผลดีเสมอไป เพราะหากเราไม่ได้ลิสต์ประเด็นที่เกี่ยวข้อง หรือวัตถุประสงค์ ผลลัพธ์ต่างๆ ที่อยากได้จากการประชุมเอาไว้ ก็อาจทำให้เราเสียเวลาเปล่า อีกทั้งทำให้ทีมเสียเวลาทำงาน และอาจกลายเป็น burnout ได้ในที่สุด ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จึงอยากชวนทุกคนมารู้จักกับวิธีการประชุมที่ใช้เวลาน้อยๆ อย่าง Stand Up Meeting ให้ทุกคนได้รู้จัก และลองไปปรับใช้กับองค์กรของตัวเองกันดูค่ะ

รู้จัก Stand Up Meeting หรือบางคนเรียกกันว่า Huddle Meeting กัน !

Stand Up Meeting หรือ Huddle Meeting เป็นแนวปฏิบัติที่มีจุดกำเนิดมาจากวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากวิธีการ “Scrum” ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการของ Agile การประชุมแบบ Stand Up นี้เริ่มแพร่หลายในช่วงทศวรรษ 1990 เมื่อมีการนำแนวคิด Scrum จากวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ของญี่ปุ่นมาใช้ในการจัดการโครงการซอฟต์แวร์ใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Scrum คือวิธีการบริหารจัดการโครงการแบบ Agile ที่ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม การสื่อสารที่รวดเร็วและบ่อยครั้ง รวมถึงการปรับเปลี่ยนแผนงานให้ทันต่อสถานการณ์

Daily Scrum” หรือ Stand Up มีตติ้ง จึงถูกนำมาใช้เป็นวิธีในการสื่อสารประจำวันของสมาชิกในทีม เพื่ออัปเดตความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแผนการทำงานร่วมกันในวันนั้นๆ จากนั้นแนวปฏิบัติดังกล่าวก็แพร่หลายไปสู่บริษัทไอทีและซอฟต์แวร์ต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีมและจัดการโครงการ

stand up meeting, huddle meeting คือ
Image Credit : freepik.com

Stand Up Meeting คืออะไร ?

“Stand Up มีตติ้ง” หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Huddle meeting นั้น คือการประชุมสั้นๆ ที่ทีมทำงานจะมารวมตัวกันเป็นประจำทุกวัน ซึ่งมักจะยืนประชุมกัน (stand up) เพื่อแลกเปลี่ยนความคืบหน้าในงาน ปัญหาอุปสรรค และสิ่งที่จะทำต่อไปในวันนั้น ซึ่งจุดประสงค์หลักของ Huddle Meeting คืออะไรบ้าง เรามาดูกันต่อเลยค่ะ

  1. สื่อสารความคืบหน้า และปัญหาอุปสรรคในงาน เพื่อให้ทีมได้รับทราบและสามารถช่วยแก้ไขได้ทันท่วงที
  2. เพิ่มการประสานงานและความโปร่งใสในทีม เนื่องจากทุกคนจะได้รับรู้ว่าใครกำลังทำอะไรอยู่
  3. รักษาระดับความรวดเร็ว และโมเมนตัมของทีม โดยการระบุและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
  4. สร้างวินัยในการรายงานความคืบหน้าประจำวัน เพื่อให้งานดำเนินไปอย่างราบรื่น

โดยปกติ Huddle Meeting มักจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ทีมอยู่ในแนวทางเดียวกัน ระบุประเด็นปัญหาได้รวดเร็ว และสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายอินทร์ หนังสือ Mini Habits นิสัยจิ๋ว ของคนที่ประสบความสำเร็จ
stand up meeting, huddle meeting คือ
Image Credit : freepik.com

Stand Up meeting เหมาะกับใครบ้าง ?

Stand Up มีตติ้ง หรือ Huddle Meeting คือ เหมาะสำหรับทีมงานที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

  1. ทีมที่ทำงานแบบ Agile หรือ Scrum : เนื่องจากวิธีการทำงานแบบ Agile และ Scrum นั้น ให้ความสำคัญกับการสื่อสารและประสานงานภายในทีมอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น Stand Up Meeting จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการอัพเดตความคืบหน้า ระบุปัญหา และวางแผนงานร่วมกันในแต่ละวัน (อ่านเรื่อง Agile Mindset เพิ่มเติมได้อีกนะคะ)
  2. ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์และไอที : งานด้านซอฟต์แวร์และไอทีมักเป็นงานที่ซับซ้อน ต้องการการประสานงานและติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด การประชุมแบบนี้จึงเหมาะสำหรับทีมเหล่านี้
  3. ทีมโครงการหรืองานเร่งด่วน : สำหรับโครงการหรืองานที่มีกำหนดเวลาสั้นๆ Stand Up จะช่วยให้ทีมได้สื่อสารความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และสร้างประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี
  4. ทีมงานข้ามสายงาน : หากมีสมาชิกในทีมที่มาจากหลายแผนก/ฝ่าย การจัดประชุมในลักษณะนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจภาพรวมของโครงการและบทบาทของแต่ละคนได้ชัดเจนขึ้น
  5. ทีมที่ทำงานระยะไกล : สำหรับทีมที่สมาชิกกระจายอยู่คนละสถานที่ การประชุมแบบ Stand Up Meeting ผ่าน VDO Conference ก็จะช่วยให้สื่อสารและประสานงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
stand up meeting, huddle meeting คือ
Image Credit : freepik.com

ควรทำ Stand Up Meeting ตอนไหน และบ่อยแค่ไหน ?

การกำหนดเวลาและความถี่ในการจัด Stand Up มีตติ้ง หรือ Huddle Meeting นั้น ควรพิจารณาจากบริบทและลักษณะงานของทีม ซึ่งโดยทั่วไปมีข้อแนะนำดังนี้

เวลาในการจัดประชุม

  • ช่วงเช้า เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากเป็นจังหวะเริ่มต้นวันทำงาน สมาชิกทีมสดชื่น และพร้อมรับฟังข้อมูล
  • ปกติจะเริ่มประชุมช่วงเวลา 9.00 – 10.00 น. เพื่อให้สมาชิกได้เตรียมตัว
  • บางทีมอาจเลือกเวลาช่วงบ่ายหลังอาหารกลางวันก็ได้ แต่ไม่ควรเกินบ่ายโมง เพราะพนักงานจะเริ่มง่วง

ความถี่ในการประชุม

  • ทีมที่มีการทำงานแบบ Agile หรือ Scrum ควรจัดประชุมทุกวันทำงาน
  • สำหรับทีมที่มีงานโปรเจกต์ไม่เร่งด่วนมาก อาจประชุม 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ก็เพียงพอ
  • ถ้าเป็นทีมขนาดใหญ่ มีภาระงานหนัก ควรประชุมทุกวันทำงาน
นายอินทร์ หนังสือ แค่กล้าพูดออกไปว่า “ไม่โอเค”
stand up meeting, huddle meeting คือ
Image Credit : freepik.com

วิธีการทำ Stand Up Meeting ทำยังไงบ้าง ?

มาดูวิธีการจัด Stand Up มีตติ้ง หรือ Huddle Meeting กันต่อค่ะ

  1. กำหนดเวลาและสถานที่ : เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปคือช่วงเช้าก่อนเริ่มงาน และมองหาสถานที่สำหรับให้ทีมที่สามารถยืนเป็นวงกลมหรือรูปสี่เหลี่ยมได้
  2. เริ่มประชุมตรงเวลา : หัวหน้าทีมหรือ Scrum Master เป็นผู้นำการประชุมและเริ่มตรงเวลา โดยกำหนดระยะเวลาการประชุมไม่เกิน 15 นาที
  3. เริ่มให้แต่ละคนรายงานสถานะของงาน : ให้สมาชิกทุกคนยืนเป็นวงกลม หันหน้าเข้าหากัน โดยกำหนดให้แต่ละคนใช้เวลาสั้นๆ 1-2 นาที รายงานเรื่องต่อไปนี้
    • งานที่ทำเสร็จแล้วจากวันก่อน
    • งานที่กำลังทำอยู่วันนี้
    • ปัญหาหรืออุปสรรคที่พบ
  4. ถกปัญหาและวางแผน : เมื่อทุกคนรายงานเสร็จ ให้หารือถึงปัญหาที่พบอย่างกระชับ และวางแผนการแก้ไขปัญหาร่วมกัน จากนั้นมอบหมายงานให้สมาชิกที่หัวหน้าทีมคิดว่าเหมาะสม
  5. สรุปและกำหนดการประชุมครั้งต่อไป : ให้สรุปสั้นๆ ถึงแผนการทำงานของวัน รวมถึงกำหนดการประชุมแบบนี้ในครั้งถัดไป
Inspire Tips : โดยหลักสำคัญของ Stand Up Meeting คือการรายงานข้อมูลอย่างกระชับ เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบความคืบหน้าและปัญหาในทีม และสามารถหาทางแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
stand up meeting, huddle meeting คือ
Image Credit : freepik.com

ข้อควรระวังในการทำ Huddle Meeting คืออะไร ?

การจัดประชุมแบบ Stand Up หรือ Huddle Meeting นั้นมีข้อควรระวังบางประการ ดังนี้

  1. ควบคุมเวลาให้ดี : ควรใช้เวลาสั้นๆ ไม่เกิน 15-20 นาที หากยืดยาวเกินไปจะทำให้ความสนใจและประสิทธิภาพในการประชุมลดลง
  2. ไม่ควรเข้าประเด็นละเอียดลึกซึ้ง : จุดประสงค์ของการจัดประชุมแบบนี้ คือการรายงานสถานะโดยสังเขป ไม่ควรเข้าไปลงลึกในรายละเอียดมากนัก ควรนัดประชุมแยกต่างหากถ้ามีประเด็นที่ต้องพูดคุยลึกซึ้ง
  3. ควรยืนประชุม อย่านั่ง : การยืนประชุมจะช่วยให้ทุกคนตื่นตัว พูดสั้นๆ กระชับ ไม่ง่วงนอนหรือเผลอคุยเรื่องอื่นออกนอกเรื่อง
  4. หลีกเลี่ยงการเล่าเรื่องส่วนตัว : แม้จะเป็นการประชุมแบบไม่เป็นทางการ แต่ไม่ควรพูดเรื่องส่วนตัวมากเกินไป เพราะจะทำให้เสียเวลาและทำให้ประชุมไม่ตรงประเด็น
  5. ผู้นำต้องควบคุมการประชุมให้ดี : หัวหน้าทีมหรือผู้นำการประชุมต้องดูแลให้ทุกคนพูดตามหัวข้อที่กำหนด และควบคุมเวลาให้แล้วเสร็จทันเวลา
  6. ระวังอคติหรือการไม่กล้าพูด : ในบางทีมอาจมีปัญหาบางคนพูดมากเกินไป ขณะที่บางคนไม่กล้าพูด ผู้นำต้องรักษาสมดุลและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น สังเกตพนักงาน ไม่ให้เกิด Quiet Quitting เพื่อรักษาทรัพยากรบุคคลดีๆ ในองค์กรไว้ค่ะ
นายอินทร์ หนังสือ I Decided to Live as Myself ฉันจะมีชีวิตในแบบของตัวเอง
Inspire Now ! : โดยสรุป Stand Up มีตติ้ง เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการรักษาระดับความคืบหน้า การประสานงาน และการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในงานที่เร่งรีบ ซับซ้อน หรือทำงานเป็นทีม ส่วนใหญ่แนะนำให้จัด Stand Up Meeting เป็นกิจวัตรประจำวันในช่วงเช้าก่อนเริ่มงาน เพื่อให้ทุกคนอัพเดตและพร้อมทำงาน แต่ความถี่ที่แน่นอนขึ้นอยู่กับลักษณะงานของแต่ละทีม

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมหรือเปล่า ? มีใครใช้ Stand Up มีตติ้ง กันอยู่บ้างคะ ? มีความเห็นยังไง มาคอมเมนต์คุยกันนะคะ ♡

Featured Image Credit : freepik.com

Facebook Comments

หาข้อมูล-ลงมือเขียนและเรียบเรียงโดยทีมกองบรรณาธิการเว็บไซต์ DIY INSPIRE NOW