human design คือ

Human Design คืออะไร ? มาเรียนรู้ เข้าใจ และใช้ชีวิตตามพลังของตัวเองกัน !

เคยไหม…ที่เราพยายาม “พัฒนาตัวเอง” จนเหนื่อย แต่กลับรู้สึกว่ายังไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้ว เราเป็นใครกันแน่ ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะชวนไปทำความเข้าใจเรื่อง Human Design คือ แผนที่ที่ช่วยให้เราเห็น “กลไกชีวิต” ของตัวเองอย่างชัดเจน เห็นว่าพลังงานของเราทำงานยังไง ตัดสินใจแบบไหนถึงจะเป็นธรรมชาติของเราที่สุด ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นคนใหม่ แค่ค่อยๆ กลับมาเชื่อเสียงข้างใน และใช้ชีวิตตามจังหวะที่เป็นเรา เพราะบางทีการเติบโตไม่ได้เริ่มจากการพยายาม “ทำให้ดีขึ้น” แต่จากการยอม “เป็นในแบบที่ใช่” นั่นเอง

Human Design คือ เครื่องมือที่ไม่บอกให้คุณเปลี่ยนตัวเอง แต่สอนให้คุณเป็นตัวเองให้เต็มที่ !

human design คือ
Image Credit : canva.com-pro

หลายคนมักเข้าใจว่า “การพัฒนาตัวเอง” คือการต้องเปลี่ยนให้ดีขึ้น ต้องขยันขึ้น ต้องเก่งขึ้นอยู่เสมอ แต่จริงๆ แล้ว การเติบโตไม่ได้เกิดจากการฝืน หรือพยายามจะเป็นใครคนอื่น เพราะแท้จริงแล้วเราทุกคนมีพลัง และจังหวะชีวิตเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน และนั่นคือสิ่งที่ Human Design จะช่วยให้คุณ “เห็น” ตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนตัวเอง แต่เพื่อ “เป็นตัวเองให้เต็มที่ที่สุด” นั่นเอง เรามาค่อยๆ ทำความเข้าใจเรื่องนี้กันนะคะ

ปรับนิสัยชีวิตยุ่งๆ ให้เป็นระเบียบในพริบตา !

มารู้จัก Human Design กันก่อน

Human Design คือ “แผนที่ชีวิต” ที่ช่วยให้เราเข้าใจกลไกภายในของตัวเองอย่างลึกซึ้ง ว่าเรามีพลังแบบไหน ควรใช้พลังนั้นอย่างไร และจะใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติของตัวเองได้อย่างไร เป็นระบบที่รวมหลายศาสตร์เข้าด้วยกัน ทั้งโหราศาสตร์ตะวันตก คำทำนายของอีจิ้ง จักระของตะวันออก และสายพลังงานของร่างกาย เพื่อบอกว่า “เราถูกออกแบบมาอย่างไร” ตั้งแต่วันแรกที่เกิด

Human Design ไม่ได้บอกว่าคุณต้องเป็นใคร หรือควรเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นอย่างไร แต่บอกว่า “คุณเป็นแบบนี้อยู่แล้ว” และเมื่อคุณเข้าใจระบบพลังงานของตัวเอง คุณจะเริ่มรู้ว่าควรใช้ชีวิตแบบไหนถึงจะไม่ฝืน ไม่เหนื่อย และรู้สึกเป็นตัวของตัวเองที่สุด พูดง่ายๆ ก็คือศาสตร์นี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เรากลับมา “รู้จักและไว้วางใจในตัวเอง” อีกครั้ง ในโลกที่มักบอกให้เราต้องเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอนั่นเอง

Human Design ต่างจากศาสตร์พัฒนาตัวเองอื่นๆ ยังไง ?

ทุกศาสตร์ที่เกี่ยวกับ “การรู้จักตัวเอง” ล้วนมีคุณค่าในแบบของตัวเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็น MBTI, Enneagram หรือจิตวิทยาสมัยใหม่ แต่ Human Design มีความพิเศษตรงที่ว่าจะไม่ได้วัดบุคลิก นิสัย หรือแรงจูงใจภายในเหมือนศาสตร์อื่นๆ แต่จะเป็นการ “แสดงให้เห็นว่า พลังงานชีวิตของคุณถูกออกแบบมาให้ทำงานอย่างไร” นั่นเอง ลองมาดูความแตกต่างเพิ่มเติมกันนะคะ

ศาสตร์โฟกัสหลักสิ่งที่ได้เรียนรู้จุดเด่นของ Human Design (HD)
MBTIบุคลิกภาพและรูปแบบการคิดเข้าใจว่าคุณเข้ากับใคร ทำงานแบบไหนHD ไม่ได้จำกัดว่าคุณต้องเป็น “แบบใด” แต่สอนให้คุณใช้พลังงานในแบบของคุณเอง
Enneagramแรงขับภายในและกลไกทางอารมณ์รู้จุดแข็ง จุดอ่อน และแรงผลักดันลึก ๆHD มองลึกถึง “กลไกของร่างกายและพลังงาน” ไม่ใช่แค่ความรู้สึก
จิตวิทยาการเติบโตการเปลี่ยนแปลงความคิดเพื่อพัฒนาใช้ mindset สร้างการเปลี่ยนแปลงHD ไม่เน้นการ “เปลี่ยน” แต่เน้นการ “ปลดล็อกสิ่งที่เป็นเราอยู่แล้ว”

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า Human Design ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ให้คุณ “เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น” แต่เป็นแผนที่ที่จะช่วยให้คุณ “เข้าใจและยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น” ได้มากขึ้น เพราะเมื่อคุณเริ่มอยู่ในจังหวะของพลังงานที่ใช่ ชีวิตก็จะเริ่มไหลไปอย่างเป็นธรรมชาติได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ

human design คือ
Image Credit : canva.com-pro

ประเภทพลังงานใน Human Design มีอะไรบ้าง ?

ใน Human Design ของแต่ละคนจะมี “พลังงานหลัก” ที่กำหนดวิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับโลก และสร้างผลลัพธ์ในชีวิต เราเรียกสิ่งนี้ว่า Energy Type ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ และไม่มีแบบไหนดีหรือด้อยกว่า แค่แตกต่างกันตาม “จังหวะของชีวิต” ที่เหมาะกับแต่ละคนเท่านั้น มาดูกันค่ะว่าประเภทที่ตรงกับคุณบ้าง

1. Generator : ผู้สร้างที่ปล่อยพลังเมื่อเจอสิ่งที่ใช่

คนกลุ่มนี้เกิดมาเพื่อ “ตอบสนองสิ่งที่ใช่” ดังนั้นเมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบก็จะมีพลังไม่รู้จบ และส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง แต่เมื่อฝืนทำสิ่งที่ไม่ตรงใจ จะรู้สึกเหนื่อย หมดไฟ หรือเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด

Inspire Tips ! : เราก็เป็นคนหนึ่งที่เป็น Generator ค่ะ เรารู้สึกว่า เวลาเสียงในใจบอกว่าใช่ แล้วเรารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เราก็จะมีพลังแบบล้นมากที่จะทำในสิ่งนั้น แบบพุ่งเข้าชนเลย ดังนั้นเคล็ดลับของคน type ก็คือ ให้ฟังเสียงในใจของตัวเอง ถ้าใจบอกว่า “อืม ใช่” ชีวิตจะไหลลื่นขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยหล่ะค่ะ

2. Manifesting Generator : ผู้ลงมือไวที่เกิดมาเพื่อสร้างและปรับเปลี่ยน

คุณเป็นคนมีพลังมาก ทำหลายอย่างพร้อมกันได้ดี และมักจะ “ลงมือก่อนคิด” เพื่อเรียนรู้จากการทำจริง คุณเบื่อง่าย แต่ก็เรียนรู้ไว และทุกครั้งที่เปลี่ยนเส้นทาง มันไม่ใช่การเริ่มใหม่ แต่คือการก้าวต่ออย่างมีประสบการณ์มากขึ้น Manifesting Generator จึงเป็นคนที่ “ทดลองไป สร้างไป” และนั่นคือจังหวะชีวิตที่แท้จริงของคุณค่ะ อย่ารู้สึกผิดที่เปลี่ยนใจ เพราะทุกการเปลี่ยนคือการค้นพบเส้นทางที่ใช่สำหรับคุณเสมอ

3. Projector : ผู้นำทางที่เห็นภาพรวมได้ลึกกว่าคนอื่น

คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อทำทุกอย่างด้วยแรงของตัวเอง แต่เกิดมาเพื่อ “เข้าใจคนอื่น” และแนะนำทางที่เหมาะสม Projector จะเปล่งประกายที่สุดเมื่อได้รับ “คำเชิญ” หรือการยอมรับจากคนรอบข้าง ดังนั้นเคล็ดลับก็คือให้หยุดเร่งผลลัพธ์ แล้วให้เวลาตัวเองได้พักและมองเห็นภาพใหญ่ของชีวิต

4. Manifestor : ผู้เริ่มต้นที่มาพร้อมกับพลังการสร้างสิ่งใหม่

คุณมีพลังในการริเริ่ม โปรเจกต์ หรือไอเดียที่เปลี่ยนแปลงสิ่งรอบตัวได้ แต่พลังนี้จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อคุณ “สื่อสาร” กับคนรอบข้างก่อนเริ่มลงมือ เพราะจะช่วยลดแรงต้านและเปิดทางให้พลังของคุณไหลลื่นมากขึ้น คำแนะนำก็คือ ให้ใช้พลังริเริ่มของคุณด้วยความชัดเจน และอย่าลืมบอกโลกว่า “คุณกำลังจะทำอะไร”

5. Reflector : กระจกสะท้อนโลก และพลังงานรอบตัว

Reflector มีความไวต่อพลังงานสูงมาก และจะรับรู้สิ่งต่างๆ ผ่านสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว เมื่ออยู่ในที่ที่ใช่ คุณจะรู้สึกสงบ เบา และมีพลังสร้างสรรค์อย่างเป็นธรรมชาติ เคล็ดลับสำหรับคุณก็คือ ให้เวลาในการตัดสินใจ อย่าฝืนเร่งตัวเอง เพราะพลังของคุณจะเปลี่ยนไปตามจังหวะของดวงจันทร์นั่นเอง

Inspire Tips ! : จำไว้ว่าไม่มีพลังแบบไหนดีกว่าอีกแบบ ดังนั้นการรู้จัก Energy Type ของตัวเองไม่ใช่เพื่อจัดประเภท แต่เพื่อทำความเข้าใจ “วิธีที่เราทำงานกับชีวิตได้ดีที่สุด” เพราะเมื่อเราใช้พลังในแบบที่ธรรมชาติมอบให้ เราจะเหนื่อยน้อยลง แต่จะได้เติมเต็มมากขึ้นนั่นเองค่ะ

จะรู้ได้ยังไงว่าเราเป็น Human Design แบบไหน ?

Image Credit : myhumandesign.com

ถ้าอยากรู้ว่าใน Human Design คุณเป็นพลังแบบไหน ? เริ่มต้นง่ายๆ แค่เตรียมข้อมูลพื้นฐานของตัวเอง วัน เดือน ปี เวลา และสถานที่เกิด จากนั้นเข้าไปที่เว็บไซต์อย่าง myhumandesign.com ระบบก็จะสร้างแผนผังที่เรียกว่า Human Design Chart ให้คุณโดยอัตโนมัติ สิ่งที่ควรดูเป็นอันดับแรกคือช่อง Energy Type คุณจะเห็นว่าตัวเองเป็น Generator, Manifesting Generator, Projector, Manifestor หรือ Reflector แค่เริ่มจากตรงนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการสังเกตตัวเองในช่วงแรกค่ะ

5 บทเรียนการพัฒนาตัวเองจาก Human Design ที่ใช้ได้จริง

Human Design ไม่ได้สอนให้เรา “เปลี่ยนตัวเอง” แต่สอนให้เรา “อยู่กับตัวเองอย่างเข้าใจ” เพราะการเติบโตไม่ได้เกิดจากการเร่ง แต่เกิดจากการยอมรับจังหวะของชีวิตในแบบที่เป็นเรา และนี่คือ 5 บทเรียนเรียบง่ายที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันทีค่ะ

1. การเปรียบเทียบคือการหลงทางจากพลังของตัวเอง

เราทุกคนถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน บางคนมีพลังลงมือไว บางคนต้องรอให้ใจตอบว่า “ใช่” ก่อนจะเริ่ม ดังนั้นการเปรียบเทียบจึงไม่ได้ทำให้เราเก่งขึ้น มีแต่จะพาเราออกห่างจากจังหวะชีวิตที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้นเอง

2. ฟังร่างกาย เพราะร่างกายจะรู้คำตอบก่อนสมองเสมอ

Human Design สอนให้เราฟัง “สัญญาณจากร่างกาย” เช่น ความรู้สึกว่าสิ่งนี้ใช่ หรือไม่ใช่ เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเชื่อในความรู้สึกเหล่านั้น เราจะตัดสินใจได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้แรงพยายามมาก บางทีร่างกายเรารู้คำตอบก่อนใจจะคิดทัน แค่ลองฟังเสียงร่างกายดูสักนิด ก็อาจรู้ว่าควรไปทางไหนค่ะ

3. ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมาพร้อมความเร่งรีบ

พลังของแต่ละคนมีจังหวะต่างกัน บางคนต้องรอคำเชิญ บางคนต้องตอบสนองสิ่งที่ใช่ก่อนลงมือ ดังนั้นเมื่อเราทำงานในจังหวะของพลังตัวเอง เราก็จะเหนื่อยน้อยลง แต่จะได้ผลลัพธ์ที่ลึกและยั่งยืนกว่า

4. เสียงภายในสำคัญกว่าเสียงของโลกภายนอก

Human Design ไม่ได้ให้คำตอบตายตัว แต่มันช่วยให้เรามั่นใจใน “เสียงข้างใน” เพราะพลังงานของเราจะนำทางไปในทิศทางที่ใช่เสมอ ถ้าเราไม่กลบมันด้วยความกลัวหรือเสียงของคนอื่น ทุกครั้งที่ลังเล ลองเงียบ แล้วฟังใจดูอีกครั้ง เพราะคำตอบมักอยู่ตรงนั้นเสมอ

5. ความสงบคือจุดเริ่มต้นของการเติบโตที่แท้จริง

เมื่อเราเข้าใจว่าไม่ต้องพยายามเป็นใคร ไม่ต้องแข่งขันกับใคร ชีวิตจะค่อยๆ กลับเข้าสู่ความสงบ และจากตรงนั้น เราจะเริ่มเห็นเส้นทางเติบโตที่ชัดเจนขึ้น จงให้ความสงบเป็นพื้นฐานของทุกการเริ่มต้น แล้วพลังของคุณจะค่อยๆ เผยออกมาเอง

หนังสือ ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์

ตัวอย่างการนำ Human Design มาใช้ในชีวิตจริง

การรู้จัก Human Design ไม่ใช่แค่เรื่องของการ “รู้ว่าเราเป็นใคร” แต่คือการค่อยๆ ใช้มันเป็นเข็มทิศในชีวิตประจำวัน
ยิ่งเราเริ่มสังเกตจังหวะของตัวเองมากเท่าไร เราก็จะยิ่งเข้าใจว่าทำไมบางอย่างถึงเวิร์ก และบางอย่างถึงไม่ ลองมาดูตัวอย่างสถานการณ์กันค่ะ

・เรื่องงาน

  • ถ้าคุณเป็น Generator หรือ Manifesting Generator ลองเริ่มต้นวันด้วยสิ่งที่คุณ “อยากทำ” มากกว่าสิ่งที่ “ต้องทำ” จะเห็นเลยว่าพลังและไอเดียจะตามมาเอง
  • ถ้าเป็น Projector อย่าฝืนทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ลองใช้พลังในการมองภาพรวม แนะนำ หรือจัดระบบงานให้ทีมดู นั่นคือจุดแข็งแท้จริงของคุณ
  • ส่วน Manifestor ถ้ามีโปรเจกต์ใหม่ๆ ผุดขึ้นในหัว อย่ากลัวที่จะเริ่ม แต่บอกคนรอบตัวให้รู้ก่อน จะช่วยให้พลังของคุณไหลลื่น
  • ถ้าคุณเป็น Reflector ให้เวลา และสังเกตพลังงานของที่ทำงาน ถ้าที่นั่นไม่ใช่ “ที่ของคุณ” คุณจะรู้ทันทีจากความรู้สึกในตัว

・ความสัมพันธ์

Human Design ช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมคนบางคนต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากกว่า หรือบางคนต้องการการตอบสนองทันที
เมื่อเราเข้าใจ “ระบบพลังของอีกฝ่าย” เราจะเริ่มยอมรับและเคารพความต่าง แทนที่จะพยายามเปลี่ยนเขาให้เหมือนเรา เพราะความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ได้เกิดจากการเหมือนกันทุกอย่าง แต่เกิดจากการเข้าใจว่าทำไมเราถึงต่างกัน

・ชีวิตประจำวัน

คุณสามารถใช้ Human Design เป็นเหมือน “คู่มือพลังชีวิต” ได้เลย เช่น

  • ฟังร่างกายก่อนตัดสินใจเรื่องสำคัญ
  • สังเกตว่าเวลาเหนื่อย คุณกำลังฝืนพลังตัวเองอยู่หรือเปล่า
  • หรือแค่ตั้งใจฟังใจตอนที่มันบอกว่า “ไม่ใช่” แล้วอนุญาตให้ตัวเองหยุดได้

ยิ่งคุณใช้ชีวิตสอดคล้องกับพลังงานของตัวเองมากเท่าไร ความสงบ และความชัดเจนในชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

human design คือ
Image Credit : canva.com-pro

วิธีใช้ Human Design เพื่อเป็นแนวทางให้เติบโตจากภายใน

Human Design ไม่ได้บอกให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตทันที แต่ค่อยๆ สอนให้เรากลับมา “ใช้ชีวิตในแบบที่พลังของเราทำงานได้ดีที่สุด” และนี่คือ 4 ขั้นตอนที่จะช่วยให้เราค่อยๆ เปลี่ยนจากแค่ “รู้จักตัวเอง” ไปสู่การ “เป็นตัวเองอย่างเต็มที่” มาดูกันค่ะ

1. รู้จักพิมพ์เขียวของตัวเอง

เริ่มจากรู้ว่าคุณเป็นพลังแบบไหน Generator, Projector, Manifestor, Manifesting Generator หรือ Reflector ไม่ต้องรีบเข้าใจทุกอย่างในวันเดียว แค่เริ่มต้นจาก “การรู้จัก” และเปิดใจรับว่าเราทุกคนมีพลังงานไม่เหมือนกัน เมื่อคุณรู้ว่าตัวเองถูกออกแบบมาอย่างไร คุณจะเลิกฝืนเป็นในแบบที่ไม่ใช่ตัวคุณนั่นเอง

2. สังเกตสิ่งที่ร่างกายตอบสนองจริงๆ

Human Design เชื่อว่า “ร่างกายรู้คำตอบก่อนสมอง” ลองสังเกตตอนที่ใจคุณพูดว่า “ใช่” กับอะไร นั่นคือสัญญาณว่าพลังของคุณกำลังตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ ลองฟังร่างกายให้มากกว่าความคิด คุณอาจพบว่าร่างกายรู้ทางของคุณอยู่แล้วตั้งแต่ต้น

3. ค่อยๆ ปล่อยสิ่งที่ไม่ใช่เราออกไป

ตลอดชีวิตเราเรียนรู้ที่จะพยายาม “เป็นในแบบที่ควรเป็น” มากกว่าการ “เป็นในแบบที่เป็นอยู่แล้ว” เมื่อเริ่มเข้าใจ Human Design คุณจะค่อยๆ เห็นสิ่งที่ฝืนพลังตัวเองมากขึ้น เช่น การเร่ง การแข่งขัน หรือการทำเพราะกลัว ดังนั้นการปล่อยสิ่งเหล่านี้ไปไม่ใช่การสูญเสีย แต่มันคือการคืนพลังกลับมาหาตัวเอง ทุกครั้งที่คุณหยุดฝืน คือทุกครั้งที่คุณกลับมาเป็นตัวเองมากขึ้นนั่นเอง

4. ใช้ชีวิตจากภายใน ไม่ใช่จากความคาดหวังของโลก

เมื่อคุณเริ่มฟังเสียงของตัวเองมากกว่าเสียงของคนอื่น คุณจะรู้ว่าจังหวะชีวิตของคุณคืออะไร ควรลงมือเมื่อไหร่ พักเมื่อไหร่ หรือรอเมื่อไหร่ และนั่นแหล่ะค่ะคือสัญญาณที่บอกว่า ชีวิตคุณเริ่ม “ไหลลื่น” ขึ้น ซึ่งความสุขที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อเรากลับมาใช้ชีวิตตามพลังของเราเอง ไม่ใช่ตามความคาดหวังของใคร

คำแนะนำเพิ่มเติมในการใช้ Human Design อย่างเข้าใจ และเป็นธรรมชาติ

Human Design ไม่ได้เปลี่ยนคุณให้เป็นใครใหม่ แต่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตในแบบที่คุณเป็น อย่างเป็นอิสระมากขึ้น ลองมาดูคำแนะนำเพิ่มเติมกันนะคะ

1. อย่าจำกัดตัวเองด้วยคำจำกัดความ

Human Design เป็นแผนที่ ไม่ใช่กรอบกติกา คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตให้ตรงตามทุกบรรทัด แค่ให้ใช้เป็นแนวทางสังเกตตัวเอง แล้วเลือกสิ่งที่ “รู้สึกใช่” สำหรับคุณจริงๆ ค่ะ

2. เริ่มจากการสังเกตสิ่งเล็กๆ ในแต่ละวัน

ไม่ต้องเร่งเข้าใจทุกอย่าง ลองสังเกตว่าอะไรทำให้คุณรู้สึกมีพลัง หรืออะไรที่ทำให้เหนื่อย การเข้าใจพลังของตัวเอง เริ่มจากความใส่ใจเล็กๆ แบบนี้นี่แหละ

3. ให้ Human Design เป็นเพื่อนร่วมทาง ไม่ใช่เป็นคำสั่ง

คุณสามารถใช้ร่วมกับการฝึกใจแบบอื่นได้นะคะ เช่น Journaling, Mindfulness เป็นต้น เพราะทั้งหมดนี้มีจุดหมายเดียวกันก็คือพาคุณกลับมาเข้าใจ และอยู่กับตัวเองอย่างสงบได้มากขึ้น

อุดหนุน ปฏิทิน Planner ของ DIYINSPIRENOW คลิกซื้อเลย !

Inspire Now ! : Human Design ไม่ได้แยกจากแนวคิดการพัฒนาตัวเองเป็นแบบใหม่ แต่เป็นการเชื่อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เหมือน Growth Mindset ที่บอกให้เราเปิดรับการเรียนรู้ เหมือน Self-Awareness ที่ชวนให้เรามองเห็นตัวเองอย่างไม่ตัดสิน และเหมือน Emotional Intelligence ที่ช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเองและผู้อื่น แต่สิ่งที่ Human Design เพิ่มเข้ามา คือ “มิติของพลังงาน” ว่าความคิดและอารมณ์ของเราถูกขับเคลื่อนอย่างไรจากภายใน เพราะการพัฒนาไม่ใช่การ “เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น” แต่คือการ “คลี่สิ่งที่เป็นเราอยู่แล้ว” ให้ชัด และเบ่งบานออกมาอย่างธรรมชาติ ลองเริ่มต้นวันด้วยการฟังเสียงภายในแทนเสียงจากโลกภายนอก แล้วคุณจะรู้ว่าพลังที่แท้จริงของคุณอยู่ตรงไหน

DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม? ส่วนตัวเราเป็น Generator แล้วคุณหล่ะคะเป็นพลังงานแบบไหน มาคอมเมนต์พูดคุยกันนะคะ ♡

Facebook Comments

☕ สนับสนุน DIYINSPIRENOW

เลี้ยงชานมเป็นกำลังใจให้นักเขียน หรือ สนับสนุนเว็บ DIYINSPIRENOW ให้เราผลิตคอนเท้นต์ดีๆต่อไปกันน้า

QR โอนสนับสนุน DIY Inspire Now
สแกน QR เพื่อโอน — แอปธนาคารจะแสดงชื่อผู้รับก่อนยืนยัน

คนชอบเขียนที่ไม่ค่อยอยู่นิ่ง หลงรักดอกไม้ โดยเฉพาะไฮเดรนเยีย สนใจการพัฒนาตัวเองและใจเต้นทุกครั้งเมื่อได้ออกเดินทาง