ชวนเช็กสัญญาณของ Abusive Relationship เราอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้หรือเปล่า ! ถ้าใช่ ต้องทำยังไงดี ?!
เรากำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Abusive Relationship หรือเปล่า ชวนทำความเข้าใจประเภทของความรุนแรง และหาทางออกจากสภาวะที่ toxic กัน
การจะทำอะไรให้สำเร็จได้นั้น สิ่งสำคัญเลยคือ จะต้องมี การตั้งเป้าหมาย ก่อน “เป้าหมาย” คือผลลัพธ์ คือสิ่งที่เราต้องการจะไปให้ถึงยังจุดนั้นๆ เป็นจุดมุ่งหมาย เป็นความคาดหวังที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการใช้ชีวิต หรือการทำทำธุรกิจ การทำงาน ก็ต้องมีการกำหนดเป้าหมายเอาไว้ทั้งนั้น เพื่อเป็นทิศทาง เป็นแรงจูงใจ เป็นการปักธงเอาไว้ และจะได้ไปให้ให้ถึงจุดหมายนั้นๆ ค่ะ
แล้วเราจะตั้งเป้าหมายยังไงล่ะ ? เคยตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้ว แต่ก็ทำไม่สำเร็จสักที จะทำยังไงดี ? ถ้าใครกำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ในบทความนี้ เรามีวิธีการตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goal คือ การกำหนดเป้าหมายโดยใช้แนวทางซึ่งมีตัวย่ออักษร S/M/A/R/T แนวคิดนี้ ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1981 โดย George Doran, Arthur Miller, และ James Cunningham ทีมปรึกษาฝ่ายวางแผนองค์กรของ Washington Water Power Company รายละเอียดแต่ละส่วนจะเป็นยังไงนั้น ไปดูกันได้เลย
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า SMART Goal คืออะไร ? เรามาดูกันคร่าวๆ ก่อนค่ะว่า แต่ละตัวอักษรนั้น หมายถึงอะไรกันบ้าง
เมื่อรู้ความหมายของแต่ละตัวอักษรกันแล้ว ก็มาเจาะจงกันเลยว่า แต่ละวิธีการนั้น มีรายละเอียดยังไงบ้าง และจะต้องทำยังไงบ้าง เพื่อที่เราจะได้สำเร็จ !
[affegg id=4255]
ถ้าเป็นในส่วนของเป้าหมายชีวิต เช่น “เราอยากรวย” ก็ต้องเจาะจงไปเลยค่ะว่า ความรวยของเรานั้นคืออะไร เช่น มีเงินอยู่ในบัญชีเป็นจำนวนกี่บาท มีรถกี่คัน มีบ้านกี่หลัง และบ้านหลังนั้นต้องราคาเท่าไหร่ อะไรบ้างที่บ่งบอกถึงจุดมุ่งหมายในความรวยของคุณ จะต้องเขียนรายละเอียดออกมาให้หมด แล้วเราจะต้องทำยังไงบ้างถึงจะบรรลุเป้าหมายนั้นๆ ได้ เพราะถ้าเราตั้งเป้าหมายเอาไว้ลอยๆ ว่า เราอยากรวย แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ความรวยของเราคืออะไร ก็เหมือนกับการพูดเอาไว้เฉยๆ แต่ไม่ได้จริงจังกับมัน ซึ่งนั่นก็ไม่อาจทำให้เป้าหมายเป็นจริงได้นะคะ
หากเป็นในเรื่องของการทำงาน เราก็ต้องระบุอย่างชัดเจนว่า รายละเอียดของโครงการนี้หรืองานนี้มีส่วนใดบ้าง จะต้องทำอะไรบ้าง อะไรคือสิ่งที่เราต้องการทำมันให้สำเร็จ ใครเป็นผู้เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นี้บ้าง จะต้องประสานงานกับใครบ้าง และเรากำหนดเป้าหมายแบบนี้เพราะอะไร มีความสำคัญอย่างไรกับงานหรือองค์กร ถ้าเราตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็จะทำให้เรามีโอกาสบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้นค่ะ การตั้งเป้าหมายก็เปรียบเหมือนไฟส่องทาง ยิ่งสว่างมากเท่าไหร่ เราก็จะมองเห็นถึงวิธีการในการบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้นเท่านั้น
นอกจากเป้าหมายจะต้องมีความเฉพาะเจาะจงแล้ว เป้าหมายจะต้องวัดผลได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นเหมือนตัวชี้วัด หรือตัวบ่งชี้ความคืบหน้าในเป้าหมายนั้นๆ กลับไปที่ตัวอย่างการตั้งเป้าหมาย “ฉันอยากรวย” ก็ต้องสามารถวัดได้จากจำนวนเงิน หรือจำนวนทรัพย์สินที่ต้องการจะมี เพื่อที่จะเป็นการชี้ชัดว่า เราไปถึงเป้าหมายของเราแล้วหรือยัง
หากเป็นในเรื่องการทำงาน ก็ต้องเป็นการวัดผลจากการประเมินให้คะแนนของหัวหน้างาน / หัวหน้าองค์กร / หรือหัวหน้าโปรเจกต์ ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบว่า เราทำงานในส่วนต่างๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีหรือไม่ อย่างไร งานมีความก้าวหน้าไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นฝ่ายการตลาดหรือการขาย ก็อาจจะวัดผลจากยอดขายของสินค้านั้นๆ จำนวนออร์เดอร์ของลูกค้า จำนวนการผลิตสินค้า เป็นต้น ซึ่งการตั้งเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้ชัดเจนนั้น ก็จะทำให้เรามองเห็นภาพของความสำเร็จนั้นได้อย่างกระจ่างและไม่สับสนค่ะ
[affegg id=4253]
เป้าหมายที่คุณตั้งไว้ จะต้องสามารถบรรลุผลได้จริงค่ะ และรู้ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้อย่างไร โดยอาจมาจากการใช้ความรู้ ทักษะ ความสามารถ หรือการได้รับการสนับสนุนจากผู้คนรอบข้าง รวมถึงทรัพยากรที่คุณมีเพื่อที่จะสามารถต่อยอดให้คุณประสบความสำเร็จได้ การตั้งเป้าหมายจะต้องไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินความสามารถของคุณ และแม้ในตอนที่กำลังตั้งเป้าหมายนั้นๆ อาจจะยังไม่มีทักษะ/วิธีการ/หรือเครื่องมือที่จะช่วยทำให้เป้าหมายสำเร็จ อย่างน้อยๆ คุณก็ต้องรู้ถึงวิธีการ รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา อาจจะต้องมีการเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม หรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เป็นต้น
เป้าหมาย เป็นสิ่งที่เพิ่มแรงจูงใจหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกท้อแท้หรือทำให้มีความคิดว่า “ฉันไม่สามารถทำได้หรอก” “ยังไงก็ทำไม่สำเร็จ”
“มันยากเกินความสามารถของฉัน” ”ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ไม่ทำเลยดีกว่า” หากมีเป้าหมายแบบนี้ ก็ไม่อาจทำให้คุณสำเร็จได้ แถมยังพาให้หมดกำลังใจในการใช้ชีวิตอีกต่างหาก
การตั้งเป้าหมายเพื่อให้สำเร็จได้นั้น สิ่งสำคัญเลยคือ จะต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มีความสมเหตุสมผล และไม่เกินเอื้อม แม้คนเราไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ทุกอย่างและชีวิตจะต้องรับมือกับความผิดหวังบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่เกินจริงค่ะ แต่ถ้าหากคุณตั้งเป้าหมายว่า จะมีเงินเก็บ 100 ล้านบาทในเวลา 3 เดือน ในขณะที่คุณทำงานเป็นพนักงานประจำและมีรายได้เดือนละ 2 หมื่นบาท ถ้าตั้งเป้าหมายแบบนี้ ยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ (ยกเว้นคุณมักจะซื้อเลขเด็ดอยู่เป็นประจำทุกงวด ก็อาจจะโชคดีเข้าสักครั้ง)
หรือในกรณีที่คุณเป็นหัวหน้าโปรเจกต์หรือหัวหน้าทีม แล้วตั้งเป้าหมายในทีมงานฝ่ายขายทำยอดขายให้ได้เดือนละ 1 ล้านบาท ในขณะที่สถิติยอดขายเดิมเมื่อ 6 เดือนที่แล้วคือ เดือนละ 1 แสนบาท ถ้าตั้งเป้าหมายแบบนี้ ก็อาจจะทำให้ลูกทีมหมดกำลังใจ ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำงานได้นะคะ
ดังนั้น เป้าหมายของเราจะต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และมีความสมเหตุสมผล เป็นเป้าหมายที่มองเห็นว่ามีความเป็นไปได้ และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้ และในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ใช่เป้าหมายที่ง่ายจนเกินไป หรือเป็นสิ่งที่สามารถทำได้อยู่แล้วโดยปกติ เช่น สร้างยอดขายให้ได้เดือนละ 9 หมื่นบาท ในขณะที่มียอดขายเป็นปกติอยู่แล้วเดือนละ 1 แสนบาท แบบนี้ก็ไม่อาจเรียกว่าเป็นการตั้งเป้าหมายนะคะ เป้าหมายจะต้องก่อให้เกิดแรงจูงใจ เกิดการลงมือทำ สร้างความกระตือรือร้น และก่อให้เกิดความภาคภูมิใจเมื่อทำสำเร็จ
หากจะทำให้เป้าหมายเป็นจริงได้ เราจะต้องมีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนด้วยค่ะว่า เป้าหมายนี้ เราจะทำให้สำเร็จในระยะเวลาเท่าไหร่ เป็นเหมือนการกำหนดเส้นชัยไว้ว่า เราจะวิ่งไปถึงเส้นชัยในเวลาที่กำหนดได้หรือไม่ ซึ่งจะทำให้เรามีความกระตือรือร้น และไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง รู้ถึงกำหนดการที่แน่ชัด ไม่ยืดเยื้อเวลาไปเรื่อยๆ
ในแง่ของการทำงานอาจไม่มีปัญหาในส่วนนี้มากนัก เพราะการทำงานมักมีการกำหนด Deadline หรือกำหนดระยะเวลาของโปรเจกต์ต่างๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นในเรื่องของการตั้งเป้าหมายในชีวิต เช่น ตั้งเป้าหมายว่า เราจะลดน้ำหนัก เราจะไปออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ได้กำหนดเวลาเอาไว้อย่างชัดเจนว่า จะลดน้ำหนักกี่กิโลกรัม ในเวลากี่เดือน กี่สัปดาห์ หรือจะไปออกกำลังกายให้ได้กี่วันต่อสัปดาห์ วันละกี่นาที การกำหนดเป้าหมายขึ้นมาลอยๆ โดยปราศจากการกำหนดระยะเวลาที่แน่ชัด ก็เหมือนกับว่าเราไม่ได้จริงจังหรือไม่ได้ให้ความสำคัญกับเป้าหมายนั้นๆ สักเท่าไหร่ หรืออาจจะไม่ได้อยากทำมันจริงๆ ด้วยซ้ำไป รู้แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมกำหนดเวลาของเป้าหมายกันด้วยนะคะ
[affegg id=4254]
Inspire Now ! : การตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goal คือวิธีการกำหนดเป้าหมายที่มีการนำเอาไปประยุกต์ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในแวดวงการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารองค์กรการบริหารทรัพยากรบุคคล การทำงานภายในทีม หรือการกำหนดเป้าหมายของบริษัทในประเด็นต่างๆ รวมถึงในแวดวงธุรกิจก็นิยมใช้แนวคิดนี้เพื่อเพิ่มยอดขายหรือใช้บริหารธุรกิจในส่วนอื่นๆ นอกจากนี้ เราสามารถนำเอาแนวคิดแบบ SMART Goals มาประยุกต์ใช้กับการตั้งเป้าหมายส่วนตัวได้อีกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การเก็บเงิน การสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง การพัฒนาความสัมพันธ์ หรือเป้าหมายอื่นๆ ในชีวิต ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น |
---|
DIY INSPIRE NOW คือแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ถ้าใครลองนำวิธีตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goals ไปใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง ประสบความสำเร็จหรือบบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้หรือไม่ มาคอมเมนต์บอดเราด้วยนะคะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : corporatefinanceinstitute.com, smartsheet.com, entrepreneur.com
Featured Image Credit : freepik.com/Waewkidja
เรากำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Abusive Relationship หรือเปล่า ชวนทำความเข้าใจประเภทของความรุนแรง และหาทางออกจากสภาวะที่ toxic กัน
Self Hatred แก้ได้ด้วยการฝึกปรับใจกัน ชวนดูวิธีแก้เมื่อรู้สึกเกลียดตัวเอง ไม่ชอบตัวเอง ไม่ชอบตัวเองแค่ไหนถึงเรียกว่าอันตราย หาคำตอบพร้อมเยียวยาตัวเองไปด้วยกัน
ชวนเข้าใจ ศิลปะกับชีวิตผ่านประสบการณ์ของศิลปิน นักออกแบบ และเจ้าของพื้นที่ศิลปะที่เชื่อว่าศิลปะกับวิถึชีวิตเป็นเรื่องเดียวกัน