พระพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 9 แบบอย่างแห่งความสงบ ความงาม และความมั่นคงจากภายใน ♡
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 9 พระองค์ผู้ทรงสอนเราว่า ความสงบภายในใจคือความงามที่แท้จริง และเป็นพลังเงียบที่งดงามเหนือกาลเวลา
ในบทบาทการเป็นพ่อแม่หรือการเป็นผู้ปกครองแล้ว นอกจากความกังวลว่าจะเลี้ยงดูบุตรหลานอย่างไรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกาย เรื่องอาหารการกิน การมีพัฒนาการให้เหมาะสมตามวัย และแม้เด็กๆ จะถึงวัยไปโรงเรียนและได้รับการสอนสั่งจากโรงเรียนมาแล้ว เรื่อง “วิธีสอนลูก” ก็ยังเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ค่ะ เพราะครอบครัวและพ่อแม่ผู้ปกครอง ถือเป็นคุณครูคนแรกของเด็กๆ ในการอบรมสั่งสอนเลี้ยงดู ฟูมฟักเด็กๆ ให้เติบโตมาอย่างดีอีกด้วย ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จึงอยากนำเสนอเรื่อง Parenting Styles ทั้ง 4 แบบ เพื่อให้พ่อๆ แม่ๆ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พ่อแม่ ก็เป็นมนุษย์เหมือนๆ กัน มีทั้งนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก มีทั้งนิสัยที่ดี นิสัยที่ต้องได้รับการขัดเกลาพัฒนาไม่ต่างกัน และ Parenting Styles ที่เรานำเสนอในครั้งนี้นั้นอาจทำให้พ่อแม่หลายๆ คน ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น พัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น และมีวิธีสอนลูก เลี้ยงลูกได้อย่างมีความสุขมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งนักจิตวิทยาได้แบ่งสไตล์การเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่โดยแบ่งออกเป็น 4 แบบ แล้วเราล่ะเป็นพ่อแม่แบบไหน ? มีมาดูรายละเอียดของแต่ละแบบกันได้เลยค่ะ
Parenting Styles หรือ รูปแบบการเลี้ยงดูลูก คือแนวทางหรือวิธีที่พ่อแม่ใช้ในการเลี้ยงดูและสอนลูก ตั้งแต่การตั้งกฎระเบียบ การสื่อสาร ไปจนถึงการแสดงความรักและความคาดหวังต่อพฤติกรรมของลูก ซึ่งแต่ละสไตล์มีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของลูกแตกต่างกัน เพราะการเลี้ยงดูไม่ได้มีแค่ “ถูก” หรือ “ผิด” แต่มีหลายแบบที่มีผลลัพธ์และผลกระทบไม่เหมือนกัน ดังนั้นการรู้จักและเข้าใจ Parenting Styles จะช่วยให้พ่อแม่เลือกวิธีเลี้ยงที่เหมาะสมกับลูกและครอบครัวตัวเองมากขึ้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและช่วยลูกเติบโตอย่างสมดุลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

ก่อนจะไปดูกันว่าทั้ง 4 แบบของ Parenting Styles มีรายละเอียดยังไงบ้าง เราลองมาตอบคำถามเหล่านี้ดูก่อนนะคะ มาเช็กกันก่อนว่าตอนนี้เราใช้สไตล์การเลี้ยงลูกแบบไหนเป็นหลักอยู่บ้าง
เป็นยังไงบ้างคะ เช็กตัวเองแล้ว คุณเป็นพ่อแม่แบบไหน ? ทุกครอบครัวมีวิธีเลี้ยงลูกที่แตกต่างกัน ซึ่งนักจิตวิทยาได้จำแนกสไตล์การเลี้ยงลูกออกเป็น 4 แบบหลักๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีวิธีคิด วิธีปฏิบัติ และผลลัพธ์ที่ต่างกันไป เรามาทำความเข้าใจแต่ละแบบ แต่ละสไตล์ เพื่อปรับวิธีคิด วิธีการกระทำของตัวเอง มาปรับเพื่อเลี้ยงลูกให้ดีขึ้นตามบริบทของเรากันนะคะ

ประเภทของครอบครัวที่มีการสอนลูกแบบบงการ หรือแบบเผด็จการ เป็นการเลี้ยงลูกที่ผู้ปกครองพยายามจะควบคุมกำหนดพฤติกรรม ความคิดของลูกๆ ตามมาตรฐานที่ตนได้วางไว้ ซึ่งมักจะเป็นมาตรฐานที่มีความสมบูรณ์แบบ เข้มงวด เป็นสิ่งที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองเชื่อว่าถูกต้องและดีสำหรับเด็กๆ หากลูกๆ ไม่ทำตาม ก็จะถูกลงโทษหรือถูกตำหนิ ทั้งยังจำกัดความเป็นอิสระของเด็กๆ โดยการควบคุมดูแลไม่ให้คลาดสายตา และปลูกฝังว่าลูกๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ทุกอย่าง ห้ามโต้แย้ง และเชื่อว่าเด็กๆ ควรอยู่ในกรอบที่พ่อแม่กำหนดไว้ให้ ซึ่งวิธีสอนลูกแบบนี้ ในวัยเด็กอาจจะยังไม่ค่อยมีปัญหามากนัก แต่เมื่อลูกโตขึ้นและเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น อาจจะเกิดความขัดแย้งกันได้
ข้อดี
ข้อเสีย
แนวทางการพัฒนาตัวเองสำหรับ พ่อแม่ที่เป็นแบบ Authoritarian

การเลี้ยงดูลูกแบบละเลย มักเกิดขึ้นในครอบครัวที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองมักไม่ค่อยมีเวลาให้เด็กๆ ไม่ค่อยดูแลใส่ใจเด็กๆ ในบ้าน หรืออาจมีท่าทีปฏิเสธลูก เช่น ลูกชวนเล่นด้วยก็บอกว่ายุ่ง ทำงานอยู่ ลูกชวนไปเที่ยวก็อาจจะขอให้พี่เลี้ยงหรือคนอื่นพาไปแทน เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการปฏิเสธลูกแล้ว ยังไม่แสดงถึงความใกล้ชิดสนิทสนมอีกด้วย เด็กที่เติบโตมากับการเลี้ยงดูแบบนี้มักมีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ (Low Self – Esteem) และเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ (Low Self – Confidence) ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง เป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยกล้าเข้าหาคนอื่น ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะเด็กรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับการยอมรับและไม่มีค่า จากการเข้าหาพ่อแม่และถูกปฏิเสธอยู่บ่อยครั้ง เมื่อโตขึ้นอาจไม่มีความผูกพันกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองในบ้าน และแสวงหาความรักความอบอุ่นจากบุคคลอื่นเพื่อทดแทนในสิ่งที่พ่อแม่ละเลย การเลี้ยงลูกแบบปล่อยปะละเลยและไม่ให้ซึ่งความรักความอบอุ่น เมื่อเด็กๆ โตขึ้น ในบางคนอาจเลือกคบคนหรือคบเพื่อนที่ไม่เหมาะสมได้ เช่น เข้ากลุ่มเพื่อนที่เสพยาเพื่อแสวงหาการยอมรับ หรืออยู่ในความสัมพันธ์ที่ Toxic เป็นต้น
ข้อดี
ข้อเสีย
แนวทางการพัฒนาตัวเองสำหรับ พ่อแม่ที่เป็นแบบ Uninvolved

วิธีสอนลูกแบบตามใจ จะเป็นการเลี้ยงดูลูกๆ แบบให้ความรักความอบอุ่น ใจดี แต่หละหลวมในกฎระเบียบหรือความเข้มงวดที่ควรมี พ่อแม่จะให้อิสระลูกอย่างเต็มที่ และไม่กล่าวตักเตือนหรือบอกลูกว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ ซึ่งในวัยเด็กควรจะได้รับการบอกกล่าวชี้แนะในสิ่งที่ถูกที่ควร เพื่อการเติบโตมาเป็นคนที่ดีของสังคม พ่อแม่หรือผู้ปกครองคนไหนที่มีวิธีสอนลูกแบบตามใจ จะทำให้เด็กเติบโตมาเป็นคนที่หุนหันพลันเล่น เอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่อยู่ในกฏระเบียบของสังคม ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ หรือมีบุคลิกภาพแบบพึ่งพาหรือมีพฤติกรรมต่อต้านสังคมได้
ข้อดี
ข้อเสีย
แนวทางการพัฒนาตัวเองสำหรับ พ่อแม่ที่เป็นแบบ Permissive

ประเภทสุดท้ายของ Parenting Styles คือการเลี้ยงดูลูกแบบใส่ใจดูแล พ่อแม่หรือผู้ปกครองแบบนี้จะคอยให้การสนับสุนช่วยเหลือลูก และมีความยืดหยุ่น รับฟังลูกๆ พูดคุยกับลูก มีวิธีสอนลูกด้วยเหตุผล และในขณะเดียวกันก็มีการกำหนดกฎระเบียบไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้เด็กๆ มีวินัยในตัวเอง นอกจากนี้ ยังแสดงถึงความรัก ความอบอุ่น ใกล้ชิดกับลูกๆ อย่างเต็มที่ ให้ลูกมีอิสระตามความเหมาะสม เด็กที่โตมาด้วยวิธีการเลี้ยงดูแบบนี้ มักเป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใส มีความมั่นใจในตัวเอง มีความฉลาดทางอารมณ์ เข้ากับคนอื่นได้ดี และมีระเบียบวินัยในตนเองค่ะ
ข้อดี
ข้อเสีย
แนวทางการพัฒนาตัวเองสำหรับ พ่อแม่ที่เป็นแบบ Authoritative
วิธีการสอนลูก หรือวิธีการเลี้ยงลูก ของพ่อแม่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่ทำให้คาดการณ์ได้ว่าเด็กๆ จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบใด เนื่องจากครอบครัวถือเป็นพื้นฐานชีวิตที่สำคัญที่สุดสำหรับคนๆ หนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในฐานะการเป็นผู้ปกครองหรือการเป็นพ่อแม่นั้น การเลี้ยงดูเด็กๆ ให้เติบโตมาอย่างดีและเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกคนแรกหรือท้องแรก ที่พ่อแม่อาจมีกังวลเป็นอย่างมาก และเผลอใช้วิธีสอนลูกที่ไม่เหมาะสมได้
ทั้งนี้พ่อแม่ที่เป็นแบบ Authoritative นั้น เรียกว่าเป็นสไตล์ และใช้วิธีเลี้ยงลูกที่เหมาะสมและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เนื่องจากทำให้เด็กๆ ได้รับความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่ เด็กๆ จะมีความมั่นคงทางจิตใจ รู้สึกว่าตนเองปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันก็อยู่ในกฎระเบียบ รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ และมีระเบียบวินัยในตนเอง เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม ในขณะเดียวกันก็ยังมีอิสระและมีความมั่นใจในตัวเอง ยังคงเป็นตัวของตัวเอง และเติบโตมาเป็นผู้ใหญที่ดีได้ค่ะ

ถ้าผู้ปกครองหรือพ่อแม่คนไหนกำลังคิดว่า วิธีที่สอนลูกหรือการเลี้ยงที่ตัวเองใช้อยู่นั้น เป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมและอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อเด็กๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงลูกของตนเองได้ โดยไม่ต้องรู้สึกผิดไป ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ
และนี่ก็เป็น Parenting Styles ทั้ง 4 แบบ ที่ทำให้พ่อๆ แม่ๆ ได้ตระหนักว่า เราใช้วิธีสอนลูก วิธีเลี้ยงลูกแบบไหนกันอยู่ หากอ่านแล้วรู้แล้วว่าเราเป็นสไตล์ไหน ก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ เราสามารถพัฒนาตัวเรา เพื่อปรับตัวเอง ให้เป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อให้เลี้ยงลูกได้อย่างดีขึ้น เพราะเราเชื่อว่า ไม่ว่าพ่อแม่คนไหน ก็อยากให้ลูกเป็นเด็กดี แข็งแรงทั้งกายใจทั้งนั้น ใช่มั้ยหล่ะคะ
| Inspire Now ! : สถาบันครอบครัวและพ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นปัจจัยที่สำคัญสุดในการฟูมฟักเลี้ยงดูคนๆ หนึ่งให้เติบโตมาอย่างดีได้ ถ้าเด็กๆ ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ได้รับความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่ ได้รับการดูแลเอาใจใส่ มีวิธีการเลี้ยงเหมาะสมและมีความสมดุล ไม่ตึงเกินไป ไปหย่อนเกินไป มีอิสระ เปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ในขณะเดียวกันก็อยู่ในกฏระเบียบที่สังคมกำหนดขึ้น เด็กๆ ก็จะมีความมั่นใจในตนเอง เห็นคุณค่าในตนเอง เคารพในตนเองและเคารพในผู้อื่น และเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมได้ |
|---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเลี้ยงลูกได้ดีขึ้นใช่ไหม ? การเป็นพ่อแม่นั้นไม่ง่าย และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลูกจะเป็นแบบไหน ส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากการเลี้ยงดูของเรา ใครมีวิธีสอนลูกยังไง เป็นพ่อแม่สไตล์ไหน มาคอมเมนต์แชร์กันได้นะคะ ♡
เลี้ยงชานมเป็นกำลังใจให้นักเขียน หรือ สนับสนุนเว็บ DIYINSPIRENOW ให้เราผลิตคอนเท้นต์ดีๆต่อไปกันน้า
ขอบคุณที่ซัพพอร์ตเป็นกำลังใจให้ทีมเรานะคะ 💚
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 9 พระองค์ผู้ทรงสอนเราว่า ความสงบภายในใจคือความงามที่แท้จริง และเป็นพลังเงียบที่งดงามเหนือกาลเวลา
เปลี่ยนการเรียนรู้ให้กลายเป็นนิสัยด้วยตาราง Microlearning 14 วัน ที่ช่วยให้คุณฝึก Soft Skills ได้จริงในเวลาสั้นๆ ทุกวัน พร้อมเทมเพลตจดบันทึกและแนวทางปรับใช้กับการทำงานจริง
Authentic Learning คือ อะไร มีวิธีการยังไง จำเป็นกับการเรียนรู้ในปัจจุบันแค่ไหน มาหาคำตอบเกี่ยวกับ การเรียนรู้ตามสภาพจริง กันเลยค่ะ
