พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น, พัฒนาตัวเอง

อยาก พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ต้องเริ่มยังไง ? รวม 10 วิธีที่ทำตามได้ เริ่มได้ทันที !

ในยุคที่ดูเหมือนว่าการแข่งขันเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ และใครๆ ก็ต้องเร่ง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น หรือทำให้ตัวเองเก่งขึ้นกว่าเดิม ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน หรือแม้กระทั่งชีวิตส่วนตัว ด้วยอิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันทำให้ผู้คนเห็นไลฟ์สไตล์หรือวิถีชีวิตของคนอื่นๆ ได้โดยง่าย และก่อให้เกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่จริงๆ แล้ว ไม่ว่าใครก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่เลย แค่การเปลี่ยนแปลงตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองเพียงวันละ 1% นั้น ก็สามารถก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมได้ในระยะยาวได้ และในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะพาไปดูวิธีที่ทำตามได้จริงกันค่ะ

รวมวิธี พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ทำตามได้จริง ใช้ได้ทุกคน !

พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น, พัฒนาตัวเอง
Image Credit : freepik.com

การพัฒนาตนเองคือกระบวนการต่อเนื่องที่ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยการตั้งเป้าหมายชัดเจนและลงมือทำสม่ำเสมอเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ การเรียนรู้สิ่งใหม่และเปิดใจรับฟังความคิดต่างช่วยขยายมุมมอง ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพกายใจควบคู่กันจะเสริมสร้างพลังในการพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืน หากใครคิดอยากเริ่มทำตัวเองให้ดีขึ้น แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน หรือเริ่มต้นอย่างไรดี เรามี 7 วิธีมาบอก ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ ไปเริ่มกันเลย

หนังสือ Mini Habits นิสัยจิ๋ว ของคนที่ประสบความสำเร็จ

พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มีผลยังไงกับชีวิตของเราบ้าง ?

การพัฒนาตนเองเป็นกระบวนการที่สำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อหลายมิติของการดำรงชีวิต ทั้งด้านส่วนตัวและการทำงาน ซึ่งจะมีผลอย่างไรกับเราบ้างนั้น มาดูรายละเอียดกันค่ะ

  1. ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น : การพัฒนาทักษะและความสามารถอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง เมื่อเรารู้ว่าเรามีความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น เราจะกล้าเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ และแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ ความมั่นใจนี้จะสะท้อนออกมาผ่านบุคลิกภาพและการแสดงออก ส่งผลให้ผู้อื่นมองเราในแง่บวกและเปิดโอกาสให้เราได้มากขึ้น
  2. โอกาสทางอาชีพที่กว้างขึ้น : การเพิ่มพูนทักษะและความรู้ใหม่ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราทำงานปัจจุบันได้ดีขึ้น แต่ยังเปิดประตูสู่โอกาสทางอาชีพที่หลากหลาย เราอาจได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายมากขึ้น มีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง หรือแม้แต่เปลี่ยนสายอาชีพไปสู่เส้นทางที่ตรงกับความสนใจและความสามารถของเรามากขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจนำไปสู่การเพิ่มรายได้ และความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
  3. ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น : การพัฒนาทักษะทางสังคมและอารมณ์ เช่น การสื่อสาร การเอาใจเขามาใส่ใจเรา และการจัดการความขัดแย้ง จะช่วยให้คุณภาพของความสัมพันธ์ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน เราจะสามารถเข้าใจผู้อื่นได้ดีขึ้น สื่อสารความต้องการของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืน ส่งผลให้บรรยากาศในการทำงานและชีวิตครอบครัวดีขึ้น
  4. สุขภาพจิตที่แข็งแรง : การเรียนรู้และเติบโตอย่างต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นสมองและจิตใจ ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาและมีเป้าหมาย การประสบความสำเร็จในการพัฒนาตนเอง แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจและความพึงพอใจในชีวิต ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล นอกจากนี้ การมีมุมมองที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยังช่วยให้เราปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในชีวิตได้ดีขึ้นอีกด้วย
  5. ทักษะการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น : ความรู้ และประสบการณ์ที่หลากหลายจะช่วยเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เราจะสามารถมองปัญหาจากหลายมุมมอง คิดนอกกรอบ และหาทางออกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทักษะนี้ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยในการจัดการกับความท้าทายในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เรารู้สึกควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้นและลดความเครียดที่อาจเกิดขึ้นได้

การพัฒนาตนเองจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การมีชีวิตที่สมดุล มีความสุข และประสบความสำเร็จในทุกด้าน โดยผลลัพธ์ที่ได้จะเสริมแรงซึ่งกันและกัน สร้างวงจรแห่งการเติบโตและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องนั่นเองค่ะ

10 วิธีช่วยพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มีอะไรบ้าง ?

พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น, พัฒนาตัวเอง
Image Credit : freepik.com

การพัฒนาตนเองเป็นกระบวนการตลอดชีวิตที่ต้องอาศัยความพยายามและความอดทน การผสมผสานวิธีการต่างๆ เข้าด้วยกันและปรับให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายส่วนตัว จะช่วยให้การพัฒนาตนเองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เราลองมาดูวิธีที่ปรับใช้ได้จริงกันค่ะ ชอบวิธีไหนก็ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ

1. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

การกำหนดเป้าหมายเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาตนเอง โดยควรตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ บรรลุได้จริง มีความเกี่ยวข้อง และมีกำหนดเวลา อาจใช้วิธี SMART goals ตัวอย่างเช่น “ฉันจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับการจัดการเวลาอย่างน้อย 1 เล่มต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือน” การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีทิศทางในการพัฒนาและสามารถวัดความก้าวหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรม

2. อ่านหนังสือและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

การอ่านเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการพัฒนาตนเอง โดยควรเลือกหนังสือที่หลากหลาย ทั้งในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพ งานอดิเรก และการพัฒนาทักษะชีวิต การตั้งเป้าหมายในการอ่าน เช่น อ่านหนังสือ 1 เล่มต่อเดือน และการจดบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้ จะช่วยให้การอ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังควรติดตามบทความ blog หรือพอดแคสต์ที่ให้ความรู้ในหัวข้อที่สนใจเป็นประจำ

3. เข้าร่วมคอร์สออนไลน์ หรือเวิร์คช็อป

ในยุคดิจิทัล การเข้าถึงความรู้และทักษะใหม่ๆ ทำได้ง่ายขึ้นผ่านคอร์สออนไลน์และเวิร์คช็อป แพลตฟอร์ม เช่น Coursera, edX, หรือ Udemy มีหลักสูตรที่หลากหลายจากสถาบันและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ การเลือกคอร์สที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาตนเอง และการทำให้จบอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มพูนความรู้และทักษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเข้าร่วมเวิร์คช็อปแบบตัวต่อตัวยังเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและสร้างเครือข่ายกับผู้ที่มีความสนใจคล้ายกัน สำหรับใครที่สนใจคอร์สเรียนสด เรียนทำคอนเทนต์ ทำ blog อยากเขียนให้ติด google ลองดูคอร์สเรียนเพิ่มเติมได้อีกนะคะ

4. ฝึกฝนทักษะใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ

การเรียนรู้ทฤษฎีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับการพัฒนาตนเอง การลงมือปฏิบัติและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ควรกำหนดเวลาในการฝึกฝนทักษะใหม่ๆ เป็นประจำ เช่น การเขียนโค้ด การพูดในที่สาธารณะ หรือการเล่นดนตรี โดยเริ่มจากพื้นฐานและค่อยๆ เพิ่มความซับซ้อน การตั้งเป้าหมายย่อยและการติดตามความก้าวหน้าจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

5. หา Mentor หรือ Coach

การมีผู้แนะนำที่มีประสบการณ์สามารถช่วยย่นระยะเวลาในการเรียนรู้และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เมนเทอร์หรือโค้ชสามารถให้คำแนะนำเชิงลึก แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยกำหนดแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสม การหาเมนเทอร์อาจทำได้ผ่านเครือข่ายวิชาชีพ การเข้าร่วมกิจกรรม หรือพูดคุยกับผู้ที่ประสบความสำเร็จในสาขาที่สนใจโดยตรงก็ได้ค่ะ

6. ออกจาก Comfort Zone

การพัฒนาตนเองมักเกิดขึ้นเมื่อเราเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ การตั้งใจออกจาก comfort zone โดยการลองทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เช่น การเรียนภาษาใหม่ การเดินทางคนเดียว หรือการรับผิดชอบโปรเจกต์ที่ท้าทายในที่ทำงาน จะช่วยพัฒนาทักษะการปรับตัว ความมั่นใจ และความสามารถในการแก้ปัญหา แม้อาจรู้สึกไม่สบายใจในตอนแรก แต่ประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยขยายขอบเขตความสามารถของเราในอนาคตได้แน่นอน

7. ฝึกสติ และทำสมาธิ

การพัฒนาจิตใจเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาตนเอง การฝึกสติและการทำสมาธิช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ ลดความเครียด ซึ่งส่งผลดีต่อทุกด้านของชีวิต เริ่มต้นด้วยการฝึกสติ 5-10 นาทีต่อวัน จะฝึกด้วยตัวเองโดยใช้แอพพลิเคชันนำทางการทำสมาธิก็ได้หรือจะเข้าร่วมคลาสสอนการทำสมาธิก็ได้ การฝึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์และความคิดได้ดีขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจและการแก้ปัญหามีประสิทธิภาพมากขึ้น (สำหรับใครที่สนใจวิธีฝึกสมาธิให้จิตสงบ อ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ)

8. ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์

เทคโนโลยีสมัยใหม่นั้น มีการสร้างเครื่องมือมากมายที่ช่วยในการพัฒนาตนเอง เช่น แอพพลิเคชันติดตามเป้าหมาย แอพเรียนภาษา หรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ ซึ่งการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและใช้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การพัฒนาตนเองมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด การจำกัดเวลาการใช้โซเชียลมีเดีย จะช่วยให้มีเวลาและสมาธิในการพัฒนาตนเองมากขึ้น

9. สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ

สุขภาพกายและใจเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาตนเอง ดังนั้นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการนอนหลับให้เพียงพอ จะช่วยเพิ่มพลังงาน ช่วยเรื่องความจำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ซึ่งการสร้างนิสัยที่ดีอาจเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เช่น การเดินวันละ 30 นาที หรือการนอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน และค่อยๆ เพิ่มเติม ก็จะช่วยสร้างนิสัยทางสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นการพัฒนาตัวเองที่ดีขึ้นในระยะยาวได้

10. รับฟัง และเรียนรู้จากผู้อื่น

การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้อื่น เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขยายมุมมองและเพิ่มพูนความรู้ การเข้าร่วมกลุ่มดิสคัสชั่น การฟังพอดแคสต์ที่มีแขกรับเชิญหลากหลาย หรือการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานจากต่างแผนก จะช่วยให้เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่แตกต่าง เข้าใจมุมมองใหม่ๆ และนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ การฝึกฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ด่วนตัดสินยังช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารและความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นอีกด้วย

หนังสือ พลังแห่ง “เมื่อไหร่” : The Power of When

คำแนะนำสำหรับคนที่เกิดรู้สึกท้อแท้ระหว่างทาง

พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น, พัฒนาตัวเอง
Image Credit : pixabay.com

การพัฒนาตนเองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความพยายามและเวลา จึงเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกเหนื่อยล้า และท้อแท้ในบางครั้ง การเข้าใจว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการและมีวิธีจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ จะช่วยให้คุณสามารถก้าวผ่านอุปสรรคและดำเนินการพัฒนาตนเองต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ลองมาดูคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้คุณจัดการกับความรู้สึกเหนื่อยล้าและมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองกันเพิ่มเติมนะคะ

1. ทบทวนเป้าหมาย

การย้อนกลับไปพิจารณาจุดเริ่มต้นของการพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ลองใช้เวลาในการเขียนเหตุผล และแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณเริ่มต้นการเดินทางนี้ ระบุว่าเป้าหมายของคุณสอดคล้องกับค่านิยมและความปรารถนาในระยะยาวของคุณอย่างไร การทบทวนนี้จะช่วยเตือนความทรงจำถึงความสำคัญของสิ่งที่คุณกำลังทำ และอาจช่วยจุดประกายแรงจูงใจใหม่ให้กับคุณได้ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการประเมินว่าเป้าหมายของคุณยังคงเหมาะสมหรือต้องการการปรับเปลี่ยนไปในทิศทางไหนอีกมั้ย เป็นการเช็กตัวเองที่น่าสนใจเลยหล่ะค่ะ

2. แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นขั้นตอนย่อย

เป้าหมายขนาดใหญ่อาจดูน่าหวาดกลัวและทำให้รู้สึกท้อแท้ได้ง่าย ดังนั้นการแบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายย่อยที่เฉพาะเจาะจงและทำได้ง่ายขึ้น จะช่วยให้คุณรู้สึกว่ากำลังก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ ลองเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายรายวันหรือรายสัปดาห์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ของคุณ ตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายคือการเรียนภาษาใหม่ คุณอาจตั้งเป้าหมายเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ 5 คำต่อวัน หรือฝึกพูด 15 นาทีทุกเช้า การบรรลุเป้าหมายเล็กๆ เหล่านี้จะสร้างความรู้สึกสำเร็จและแรงผลักดันให้ทำต่อไปค่ะ

3. ให้รางวัลตัวเอง

การให้รางวัลตัวเองเมื่อบรรลุเป้าหมายย่อยเป็นวิธีที่ดีในการรักษาแรงจูงใจของเรา อาจลองกำหนดระบบรางวัลสำหรับตัวเอง โดยรางวัลนั้นๆ ควรจะเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบ และเหมาะสมกับขนาดของความสำเร็จ เช่น การดูซีรี่ย์เรื่องโปรดหลังจากทำงานเสร็จ (อันนี้เราทำบ่อย) หรือการซื้อหนังสือเล่มใหม่เมื่อบรรลุเป้าหมายประจำเดือน การให้รางวัลตัวเองไม่เพียงแต่สร้างความรู้สึกดี แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมโยงเชิงบวกกับกระบวนการพัฒนาตนเอง ทำให้คุณรู้สึกอยากทำต่อไปได้นั่นเองค่ะ

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

การพัฒนาตนเองไม่ควรมาพร้อมกับการละเลยความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเอง การพักผ่อนอย่างเพียงพอจึงมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพและความยั่งยืนในการพัฒนาตัวเราด้วย ลองจัดตารางเวลาให้มีช่วงพักที่ชัดเจน ใช้เวลานี้ทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เช่น การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือเพื่อความเพลิดเพลิน หรือการใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูง การพักผ่อนที่มีคุณภาพจะช่วยฟื้นฟูพลังงานทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้คุณกลับมามีแรงและแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองต่อได้ค่ะ

5. หาเพื่อนร่วมทาง

การพัฒนาตนเองไม่จำเป็นต้องเป็นการเดินทางเพียงลำพัง การแบ่งปันเป้าหมายและความก้าวหน้ากับผู้อื่นสามารถสร้างความรู้สึกสนุก และมีค่าที่จะทำต่อไปได้ เพราะเราจะมีความรู้สึกว่ามีคนซีพพอร์ทซึ่งกันและกัน ลองเข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนออนไลน์ที่มีเป้าหมายคล้ายคลึงกัน หรือชวนเพื่อนที่มีความสนใจเหมือนกันมาร่วมเดินทางด้วยกัน การมีเพื่อนร่วมทางจะช่วยสร้างความรับผิดชอบ เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และกลยุทธ์ และให้กำลังใจซึ่งกันและกันในยามที่รู้สึกท้อแท้ นอกจากนี้ การเห็นความสำเร็จของผู้อื่นยังสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คุณพยายามต่อไปได้อีกด้วยค่ะ

6. ปรับเปลี่ยนวิธีการ

บางครั้งความเบื่อหน่ายอาจเกิดจากการทำซ้ำๆ ในรูปแบบเดิมๆ ค่ะ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้หรือพัฒนาตนเองก็ช่วยสร้างความท้าทายและความสนใจใหม่ได้ ลองสำรวจวิธีการใหม่ๆ ในการบรรลุเป้าหมายของคุณ เช่น หากคุณกำลังเรียนภาษาใหม่ผ่านแอพพลิเคชัน ลองเปลี่ยนมาดูภาพยนตร์หรือฟังเพลงในภาษานั้นแทน หรือหากคุณกำลังฝึกทักษะการเขียน ลองเปลี่ยนจากการเขียนบทความ เป็นการเขียนเรื่องสั้นแทน เพราะการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จะช่วยให้เราเกิดความกระตือรือร้นและทำให้กระบวนการพัฒนาตนเองที่ช่วยสร้างความสนใจให้เีรายิ่งขึ้นค่ะ

7. ยอมรับความล้มเหลว

ความล้มเหลวเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเรียนรู้และพัฒนา แทนที่จะมองว่าเป็นสิ่งน่าอาย ให้มองว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้และปรับปรุง เมื่อเผชิญกับความล้มเหลว ให้วิเคราะห์ว่าอะไรไม่เป็นไปตามแผน และลองคิดว่าคุณจะทำอะไรได้แตกต่างกว่านี้ในครั้งต่อไป การเปลี่ยนมุมมองเช่นนี้จะช่วยลดความกดดันและความกลัวที่จะล้มเหลว ซึ่งมักเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาตนเอง อย่าลืมจดบันทึกบทเรียนที่ได้จากความล้มเหลว และใช้มันเป็นแนวทางในการปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณต่อไปค่ะ

8. จดบันทึกความก้าวหน้า

การเห็นความก้าวหน้าของตัวเองเป็นแรงจูงใจที่ทรงพลังมากนะคะ แต่บ่อยครั้งเราอาจไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ดังนั้นการจดบันทึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของเราได้ค่ะ ลองหาสมุดบันทึกหรือใช้แอพพลิเคชันเพื่อบันทึกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ ความสำเร็จ และความท้าทายที่คุณเอาชนะได้ในแต่ละวัน การทบทวนและบันทึกสิ่งเหล่านี้เป็นระยะจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของพัฒนาการ และเตือนใจคุณถึงระยะทางที่คุณได้ก้าวผ่านมาแล้ว ซึ่งแน่นอนจะเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังให้กับคุณได้ในยามที่รู้สึกท้อแท้ค่ะ

9. ตั้งเป้าหมายแบบสมดุล

บางครั้งความเหนื่อยล้าอาจเกิดจากการตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไป หรือไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงก็ได้ค่ะ ดังนั้นลองทบทวนเป้าหมายของคุณและพิจารณาว่าสมเหตุสมผลหรือเปล่า เมื่อคำนึงถึงเวลา ทรัพยากร และความรับผิดชอบอื่นๆ ในชีวิตของคุณ อย่ากลัวที่จะปรับเป้าหมายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันของคุณ เพราะการตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่สามารถบรรลุได้จะช่วยรักษาแรงจูงใจและช่วยให้เราไม่เกิดความรู้สึกท้อแท้ได้ค่ะ จำไว้ว่าความก้าวหน้าที่ช้าแต่สม่ำเสมอมักจะยั่งยืนกว่าความก้าวหน้าที่ก้าวกระโดดแต่ตามมาด้วยการต้องถอยกลับ

10. ขอคำปรึกษา

เมื่อรู้สึกติดขัดหรือขาดแรงจูงใจ การพูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญในด้านที่คุณกำลังพัฒนาอยู่จะสามารถให้มุมมองและคำแนะนำที่มีค่ากับคุณได้ นอกจากนี้การหาเมนเทอร์ โค้ช หรือที่ปรึกษาที่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะทาง แบ่งปันความท้าทายที่คุณกำลังเผชิญและขอคำแนะนำในการก้าวข้ามอุปสรรค ก็จะช่วยให้คุณก้าวข้าวผ่านความรู้สึกท้อแท้ใจไปได้เหมือนกันค่ะ

หนังสือ “ทำไม” ที่แท้จริงของคุณ ( Find Your Why)

    Inspire Now ! : การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอาจฟังดูเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แต่ความจริงแล้วใครๆ ก็สามารถทำได้ การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ สิ่งสำคัญคือ เราต้องเริ่มต้นทำมันก่อนก็เท่านั้น มาเริ่มต้นทำให้ตัวเองดีขึ้น เพื่อก้าวไปสู่ The better version of yourself ไปด้วยกันนะคะ

    DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าใช่ไหม ? ใครลองนำวิธีไหนไปใช้แล้วเป็นยังไงกันบ้าง มาคอมเมนต์เล่าให้เราฟังกันด้วยนะคะ ♡

    Facebook Comments

    หาข้อมูล-ลงมือเขียนและเรียบเรียงโดยทีมกองบรรณาธิการเว็บไซต์ DIY INSPIRE NOW