กลัวความล้มเหลว ทำไงดี ? How To ก้าวข้ามความกลัวที่มี และเริ่มใหม่ได้อีกครั้งอย่างมั่นใจมากกว่าเดิม

เมื่อพูดถึงความล้มเหลว เชื่อว่าหลายๆ คนคงไม่อยากประสบพบเจอกับความล้มเหลวในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญของชีวิต เช่น เรื่องการเรียน การทำงาน การเงิน เรื่องความรักความสัมพันธ์ ฯลฯ เพราะอาจทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ทำผิดพลาด ไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ หรือไม่ประสบความสำเร็จ จนบางคนถึงขั้นไม่กล้าที่จะลงมือทำสิ่งต่างๆ เพราะว่า กลัวความล้มเหลว แต่การที่ไม่ลงมือทำอะไรเลย ก็จะทำให้เราไม่เกิดการเรียนรู้และไม่ได้พัฒนาตัวเอง และไม่มีความก้าวหน้า แล้วเราจะเอาชนะความกลัวการล้มเหลวอย่างไรดี ให้เป็นคนที่กล้าลงมือทำสิ่งต่างๆ เพื่อที่จะได้เติบโตมากกว่าเดิม มาดูกันเลยค่ะ

กลัวความล้มเหลว ทำไงดี ? ชวนดูวิธีเอาชนะความกลัว เพื่อการพัฒนาตัวเองที่ดีขึ้นกว่าเดิม !

ความรู้สึกกลัวความล้มเหลวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะในเวลาที่เราต้องเผชิญกับสถานการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต หรือต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น ต้องรับผิดชอบโปรเจกต์ใหม่ๆ ต้องเริ่มต้นทำงานใหม่ ต้องไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ๆ หรือแม้แต่เริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ก็อาจเกิดความกลัวหรือรู้สึกกังวลว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ หรือกลัวว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ สำหรับบางคนอาจรู้สึกกลัวแต่ก็กล้าที่จะลงมือทำสิ่งนั้นๆ แต่สำหรับบางคน กลัวการล้มเหลวจนไม่กล้าลงมือทำสิ่งต่างๆ หรือไม่กล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ เพราะกลัวว่าจะผิดพลาด กลัวว่าจะล้มเหลวและไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ จนทำให้พลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตไป หรือบางคนเกิดความสงสัยในตัวเองหรือมี Self Doubt กับความสามารถของตน สงสัยในศักยภาพของตนเองจนเกิดเป็นความกังวลและรู้สึกกลัวว่าจะล้มเหลวนั่นเอง

สัญญาณที่บ่งบอกว่า เราอาจจะเป็นคนที่กลัวความล้มเหลวอยู่ก็ได้ !

อย่างที่กล่าวไปว่า ความรู้สึกกลัวการล้มเหลวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่บางคนที่รู้สึกกลัวก็ยังตัดสินใจลงมือทำสิ่งนั้น ในขณะที่บางคนกลัวความล้มเหลวจนไม่กล้าที่จะลงมือทำสิ่งต่างๆ และไม่กล้าก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเอง แล้วเรากำลังกลัวการล้มเหลวอยู่หรือเปล่า ? มาเช็กกันเลยค่ะ

• เราไม่กล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ หรือไม่กล้าทำในสิ่งที่รู้สึกว่าท้าทาย เกิดความรู้สึกว่าความพยายามที่ลงแรงไปอาจนำไปสู่ความล้มเหลวได้ 
• มีพฤติกรรมบั่นทอนตัวเอง เช่น พูดไม่ดีกับตัวเอง ตำหนิตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากพอ 
• ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่กล้าลงมือทำงานใหม่ – โปรเจกต์ใหม่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะกลัวว่าจะทำผิดพลาดหรือไม่เป็นตามความคาดหวัง 
• มีความนับถือตัวเองต่ำ (Low Self – Esteem) ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่เชื่อว่าตัวเองสามารถทำสำเร็จและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ จึงไม่พยายาม
• เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น กลัวว่าตัวเองจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นหรือกลัวว่าจะน้อยหน้าคนอื่นๆ จึงไม่กล้าลงมือทำและกลัวว่าตัวเองจะล้มเหลว
• เป็นผู้นิยมความสมบูรณ์แบบ หรือ Perfectionism กลัวว่าจะมีอะไรผิดพลาดและไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคาดหวังหรือตั้งเป้าเอาไว้ จึงมีแนวโน้มที่จะกลัวการล้มเหลวและกลัวการผิดพลาดด้วย 
• มักจะมองโลกในแง่ลบ กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นหรือเกิดความผิดพลาดขึ้น ทำให้ต้องพบกับความล้มเหลวในที่สุด

ถ้าใครมีความรู้สึกแบบนี้อยู่บ่อยๆ เวลาที่ต้องเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง และเป็นมากกว่าครึ่ง นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เรากำลังกลัวความล้มเหลวอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งความรู้สึกนี้อาจทำให้เราพลาดโอกาสที่จะลองสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสสำคัญของชีวิตที่ไม่ได้มีบ่อยๆ แต่ด้วยเพราะกลัวว่าจะล้มเหลว จึงไม่กล้าลงมือทำ ซึ่งทำให้เราไม่มีความก้าวหน้าและไม่ได้พัฒนาตัวเอง ไม่ได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วเราจะเอาชนะความกลัวการล้มเหลวได้อย่างไร มาดูกันเลยค่ะ

วิธีเอาชนะความกลัวการล้มเหลวและกล้าลงมือทำสิ่งใหม่ ทำได้อย่างไร มาดูกัน !

เมื่อเกิดความรู้สึกลัวและกังวลว่าจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น และกลัวว่าเราจะล้มเหลว ขอให้ถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้

• จริงๆ แล้วเรากำลังกลัวอะไรอยู่ ? : การกลัวความล้มเหลวอาจมองดูว่าเป็นภาพใหญ่และเป็นความรู้สึกที่หนักอึ้ง ลองค่อยๆ ถามตัวเองดูว่า เรากำลังกลัวอะไร กลัวว่าจะถูกตำหนิ กลัวโดนดูถูก กลัวผิดหวัง กลัวว่าจะไม่เป็นไปตามแผน ฯลฯ ลองเขียนมันออกมา เพื่อที่จะได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น มองเห็นภาพสิ่งที่เรากำลังกังวลอยู่ได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกกลัวน้อยลงได้ 
• เรากำลังต่อสู้เพื่อใคร หรือเพื่ออะไร ? : วิธีก้าวข้ามความกลัว อาจเป็นการที่เราชัดเจนกับตัวเองว่า เรากำลังทำเพื่อใคร หรือกำลังทำเพื่อสิ่งใด เช่น ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อคนที่รัก ทำเพื่อเป้าหมายของตัวเอง เมื่อจุดประสงค์ของเราชัดเจนขึ้น ความกลัวที่มีอยู่ก็จะลดน้อยลงไป 
• อะไรคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น ?  : ลองประเมินสถานการณ์ดูว่า ความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นนั้นคืออะไร อะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้น แล้วเราจะรับมือกับมันยังไง เรามีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร หรือมีแผนสำรองยังไง ถ้าเราตอบตัวเองได้ ความกลัวและความกังวลก็จะลดน้อยลงไปเยอะเลยค่ะ 
• ถ้าเราทำสำเร็จ อะไรจะเกิดขึ้น ? : เราอาจจะจดจ่ออยู่กับความล้มเหลวที่อาจจะเกิดขึ้นได้และมองข้ามความสำเร็จที่ก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน ถ้าเราลองคิดในอีกมุมหนึ่งและเชื่อมั่นว่ามันจะสำเร็จได้ ความกลัวและความกังวลก็จะลดน้อยลงไป

หลังจากถามตัวเองด้วยคำถามข้างต้นแล้ว เราจะเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้นและประเมินสถานการณ์ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป และเรามีวิธีรับมือกับมันอย่างไร ความกลัวการล้มเหลวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะในตอนที่มนุษย์เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยและทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และนอกจากการถามตัวเองด้วยคำถามข้างต้นแล้ว มีวิธีเอาชนะความรู้สึกกลัวการล้มเหลวได้ยังไงอีกบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

1. ยอมรับว่าความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ

แม้จะฟังดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่ แต่ความล้มเหลวนั้นเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากเรายอมรับว่า คนเราสามารถทำผิดพลาดกันได้ และความผิดพลาดนั้นจะกลายเป็นบทเรียนให้เราปรับปรุงตัวเอง อย่างคำกล่าวที่ว่า “ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ และทุกๆ ความผิดพลาดคือบันไดที่ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น” ถ้าเรายอมรับว่าความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ และมี Resilience Mindset คือ ล้มแล้วลุกให้ไว ยิ่งเราลุกขึ้นได้ไวเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเดินหน้าต่อได้เร็วขึ้นเท่านั้นค่ะ

2. พูดคุยกับคนที่เราไว้ใจ

คนเรากลัวความล้มเหลวเพราะกลัวว่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ หรือกลัวว่าจะไม่สามารถรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งบางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้หรืออยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของเรา แทนที่เราจะมัวแต่คิดกังวลกับสิ่งที่ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ ให้ลองเปลี่ยนมาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้และทำมันให้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะล้มเหลว อย่างน้อยเราก็ทำดีที่สุดแล้ว และไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจหรือเสียดายอีก นั่นอาจทำให้เรารู้สึกกลัวน้อยลงและกล้าที่จะลงมือทำมากขึ้น

3. จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ควบคุมได้

คนเรากลัวความล้มเหลวเพราะกลัวว่าจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ หรือกลัวว่าจะไม่สามารถรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งบางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้หรืออยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของเรา แทนที่เราจะมัวแต่คิดกังวลกับสิ่งที่ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ ให้ลองเปลี่ยนมาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้และทำมันให้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะล้มเหลว อย่างน้อยเราก็ทำดีที่สุดแล้ว และไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจหรือเสียดายอีก นั่นอาจทำให้เรารู้สึกกลัวน้อยลงและกล้าที่จะลงมือทำมากขึ้น

4. นึกถึงผลกระทบของการที่ “ไม่ได้ลงมือทำ”

การกลัวความล้มเหลวทำให้เราไม่กล้าตัดสินใจลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งนั่นก็มีผลกระทบต่อชีวิตของเราเช่นกัน เช่น เป็นการเสียโอกาสที่สำคัญในชีวิตไป ทำให้เราไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เราไม่ได้เติบโตและพัฒนาตัวเอง หรือสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตที่ไม่มีโอกาสครั้งที่สอง การใช้ชีวิตด้วยความกลัวก็มีราคาที่ต้องจ่ายไม่ต่างจากการก้าวออกจาก Comfort zone และถ้าหากเราไม่ลองทำอะไรเลย เราก็อาจจะพลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตไปก็ได้ อย่างน้อยการได้ลองทำแล้วผลลัพธ์ออกมาล้มเหลวก็ดีกว่าการที่ไม่ได้ลองพยายามดูก่อน ซึ่งนั่นอาจทำให้เรารู้สึกเสียใจและเสียดายไปตลอดชีวิตก็ได้นะคะ

5. ลงมือทำทั้งๆ ที่ยังรู้สึกกลัว

แม้ว่าความกลัวการล้มเหลวยังมีอยู่ในใจ ก็ไม่เป็นไร เราสามารถลงมือทำมันได้ในขณะที่ยังรู้สึกกลัวและเป็นกังวล เพียงแต่ว่าอย่าปล่อยให้ความกลัวมาควบคุมเรา มีคำกล่าวว่า “ความกล้าหาญไม่ได้หมายถึงการลงมือทำโดยปราศจากความกลัว แต่เป็นการตัดสินใจลงมือทำทั้งๆ ที่ยังรู้สึกกลัว” ถ้าความกล้าหาญของเรามีมากกว่าความกลัว สุดท้ายแล้วเราจะลงมือทำมันในที่สุด และบางครั้งเราก็อาจจะประหลาดใจในศักยภาพและความสามารถของตัวเองก็ได้นะคะ

Inspire Now ! : การกลัวความล้มเหลวเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเกิดขึ้นได้ในทุกๆ สถานการณ์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า เราจะจัดการกับความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้นอย่างไร และก้าวข้ามความกลัวเพื่อลงมือทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างไร ทั้งนี้ มุมมองที่เรามีต่อสถานการณ์และทัศนคติที่เรามีต่อตัวเราเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเราเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง และมองว่าสถานการณ์ตรงหน้าเป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้พัฒนาตัวเอง แม้ว่าสุดท้ายแล้วมันอาจจะล้มเหลวก็ตาม แต่ถ้าเราเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวอีกต่อไปค่ะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? แต่ละคนมีวิธีก้าวข้ามความกลัวการล้มเหลวยังไง มาคอมเมนต์เล่าให้ฟังได้นะคะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : choosingtherapy.com, betterup.com

Featured Image Credit : freepik.com/tirachardz