บางครั้งเราก็รู้สึกเหมือนกำลังเดินไปข้างหน้า แต่ไม่แน่ใจว่ากำลังมาถูกทางหรือเปล่า ยิ่งพยายามค้นหาตัวเอง ก็ยิ่งสับสนว่าแท้จริงแล้วเรามีดีตรงไหน ยังต้องปรับอะไร และมีอะไรอีกที่ควรรีบคว้าไว้ แทนที่จะปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้ล่องลอยไปเรื่อยๆ ลองใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “SWOT Analysis” มาช่วยจัดระเบียบความคิดกันดูไหม ? ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะพาไปสำรวจตัวเองทีละขั้น ผ่านการทำ SWOT ตัวเอง ที่เข้าใจง่าย และใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันกันค่ะ
ชวนทำ SWOT ตัวเอง ไม่ใช่แค่รู้ มาดูวิธีปรับใช้แล้วเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองกัน !
การสำรวจตัวเองไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเสมอไป บางครั้งแค่หยิบกระดาษขึ้นมาแล้วลองวาง “จุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-อุปสรรค” ของตัวเองลงไป เราก็อาจได้เห็นภาพบางอย่างที่เราเคยมองข้าม หรือเข้าใจตัวเองชัดเจนขึ้นกว่าที่เคยก็เป็นได้ เรามาเข้าใจเรื่องนี้ พร้อมดูตัวอย่างการ SWOT ตัวเอง แล้วมาลองใช้เครื่องมือนี้สำรวจตัวเองไปพร้อมๆ กันนะคะ
SWOT คืออะไร ? ทำไมถึงใช้กับตัวเองได้ ?!
Image Credit : freepik.com
SWOT คือเครื่องมือวิเคราะห์ที่หลายคนคุ้นเคยกันดีในโลกของธุรกิจ โดยใช้เพื่อมองภาพรวมขององค์กรหรือโปรเจกต์สำคัญ ผ่าน 4 มุมมองหลัก ได้แก่ จุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities) และอุปสรรคหรือความเสี่ยง (Threats) ซึ่งช่วยให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าอะไรควรต่อยอด อะไรควรระวัง และจะเดินต่อไปอย่างไรให้มั่นคงขึ้น แต่ความน่าสนใจคือ SWOT ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในแผนงานหรือองค์กรเท่านั้น เพราะเราสามารถหยิบหลักการนี้มาใช้กับ “ตัวเราเอง” ได้เช่นกัน เพื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น เห็นศักยภาพที่อาจลืมไป และวางแผนเติบโตในแบบที่เหมาะกับเราจริงๆ ลองมาดูวิธีตั้งคำถามกับตัวเองในแต่ละมุมมองกันค่ะ
・S – Strengths : จุดแข็งของเรา
เวลาจะหาจุดแข็ง ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า…
- เราทำอะไรได้ดีเป็นพิเศษ?
- คนรอบตัวมักชมเราด้านไหนบ่อยๆ ?
- งานหรือกิจกรรมแบบไหนที่ทำแล้วรู้สึกไหลลื่น สนุก และไม่เหนื่อย ?
อย่าลืมว่า “จุดแข็ง” ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่หรือหวือหวาเสมอไปนะ เช่น การเป็นคนที่ฟังคนอื่นได้ดี ทำให้คนรอบข้างรู้สึกสบายใจ ก็ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญมากเช่นกันค่ะ
・W – Weaknesses : จุดอ่อนของเรา
การมองจุดอ่อนต้องอ่อนโยนกับตัวเองด้วยนะคะ ไม่ใช่ว่าจะเน้นตัดสินหรือตำหนิตัวเองเพียงอย่างเดียว ดังนั้นลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า…
- อะไรคือสิ่งที่เราหลบเลี่ยง หรือพยายามเลี่ยงตลอดเวลา ?
- มีทักษะไหนที่เราอยากเก่ง แต่ยังไม่กล้าลงมือทำอีกบ้าง ?
- มีพฤติกรรม หรือนิสัยแบบไหนมั้ย ? ที่ทำให้เราหยุดพัฒนา
การรู้จักจุดอ่อนไม่ใช่ข้อเสีย แต่เป็นโอกาสที่ดีให้เราได้พัฒนาและเติบโตนั่นเองค่ะ
・O – Opportunities : โอกาสที่อยู่รอบตัว
โอกาสที่ว่านี้ ไม่ได้มาเพราะโชคชะตานะคะ แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถเลือกที่จะมองเห็น และคว้าไว้ได้ ดังนั้นลองถามตัวเองว่า…
- ตอนนี้มีเรื่องใหม่ๆ อะไรอีกบ้างที่เราสามารถเรียนรู้ หรือทดลองได้ ?
- สภาพแวดล้อม เทรนด์ หรือเทคโนโลยีอะไรที่เราสามารถใช้ต่อยอดความสามารถของเราบ้าง ?
เพราะการเห็นโอกาสจะช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้าได้เร็วและมั่นใจขึ้น
・T – Threats : อุปสรรคหรือความเสี่ยง
คำว่า Threats ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง “ศัตรู” แต่คือสิ่งที่อาจขัดขวางการเติบโตของเรา เช่น
- ความกลัว หรือความลังเลที่เกิดขึ้นในใจ
- สภาพแวดล้อมที่ไม่สนับสนุนเป้าหมายของเรา
- การเปลี่ยนแปลงที่เราไม่ทันตั้งตัว
การตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนรับมือ ป้องกัน และปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ
ตัวอย่างการทำ SWOT ตัวเอง (ดูเป็นแนวทาง แล้วลองทำตามได้เลย ! )
Image Credit : freepik.com
การทำ SWOT ตัวเอง คือการวิเคราะห์ จุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities), และอุปสรรค (Threats) ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตัวเอง วางแผนอนาคต และตัดสินใจเรื่องงานหรือธุรกิจได้ดีขึ้น ลองดูตัวอย่างกันนะคะ
・สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ SWOT ตัวเอง
- อย่าพยายาม “ดูดี” เกินไป ให้เขียนตามจริงที่สุด
- มองจากทั้งมุมภายใน (เช่น ทักษะ ความคิด ความรู้) และมุมภายนอก (เช่น สภาพแวดล้อม โอกาสจากเทรนด์ หรือข้อจำกัดต่างๆ)
- ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ลองให้เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่ไว้ใจสะท้อนกลับมาก่อนก็ได้
・ตัวอย่างที่ 1 : คนทำงานประจำ (Marketing Executive)
แต่ละองค์ประกอบของ SWOT | ตัวอย่างของคุณ A ที่ลองคุยกับตัวเอง และค้นพบ |
---|
Strengths (จุดแข็ง) | ・เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเนื่องจากประสบการณ์งานที่ผ่านมา ・มีทักษะการสื่อสาร และเขียนคอนเทนต์หลากหลายช่องทาง ・ทำงานร่วมกับทีมได้ดี และปรับตัวได้เร็ว |
Weaknesses (จุดอ่อน) | ・ขาดทักษะเชิงเทคนิค เช่น SEO / Data Analysis ・ไม่กล้าแสดงความเห็นในที่ประชุม ・จัดการเวลาไม่ค่อยดีเวลางานเร่ง |
Opportunities (โอกาส) | ・บริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานเรียนคอร์สเพิ่มเติม ・เทรนด์การตลาดเปลี่ยนไว ทำให้มีโอกาสเป็นผู้ริเริ่มไอเดียใหม่ๆ ในทีม ・มีรุ่นพี่ในองค์กรที่พร้อมให้คำแนะนำ |
Threats (อุปสรรค/ความเสี่ยง) | ・การแข่งขันในสายงานสูงมาก โดยเฉพาะกับคนที่มีทักษะ digital สูงๆ ・การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรบ่อย ทำให้เป้าหมายไม่แน่นอน ・ความเครียดสะสมจากงานเร่งด่วน และการสื่อสารไม่ตรง |
Inspire Tips : ลองเลือก 1 จุดแข็ง + 1 จุดอ่อน + 1 โอกาส + 1 อุปสรรค มาเชื่อมโยงกัน เช่น “มีทักษะการเขียนคอนเทนต์ (S)” ควรพัฒนา SEO เพิ่ม (W) โดยใช้โอกาสจากคอร์สในองค์กร (O) เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้น (T) เป็นต้น
หนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก
・ตัวอย่างที่ 2 : เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร
แต่ละองค์ประกอบของ SWOT | ตัวอย่างของคุณ B ที่ลองคุยกับตัวเอง และค้นพบ |
---|
Strengths (จุดแข็ง) | ・รสชาติอาหารมีเอกลักษณ์ ลูกค้าประจำชื่นชอบ ・บริการเป็นมิตร มีลูกค้ากลับมาใช้ซ้ำ ・ทำเลร้านอยู่ในแหล่งชุมชน เดินทางสะดวก |
Weaknesses (จุดอ่อน) | ・ ยังไม่มีระบบจัดการต้นทุนและวัตถุดิบที่ชัดเจน ・พึ่งพาตัวเจ้าของร้านในการควบคุมงานหลายอย่าง ・ โปรโมชันหรือการตลาดออนไลน์ยังทำได้ไม่สม่ำเสมอ |
Opportunities (โอกาส) | ・เทรนด์อาหารสุขภาพหรืออาหารท้องถิ่นกำลังมาแรง ・มีโอกาสขยายช่องทางเดลิเวอรี หรือทำแบรนด์ออนไลน์ ・คนเริ่มมองหาร้านที่มีบรรยากาศดี นั่งได้นาน |
Threats (อุปสรรค/ความเสี่ยง) | ・ต้นทุนวัตถุดิบผันผวน ทำให้ควบคุมราคาขายยาก ・ คู่แข่งเปิดร้านใหม่ในละแวกเดียวกันบ่อยครั้ง ・ลูกค้ามีทางเลือกเยอะ ทำให้ความภักดีลดล |
Inspire Tips : ลองเชื่อมโยงกันแล้วอาจได้ว่า มีสูตรอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ (S) ควรใช้โอกาสจากกระแสคนรักอาหารสุขภาพ (O) เพื่อพัฒนาเมนูใหม่หรือต่อยอดเป็นสินค้าเดลิเวอรี่ พร้อมโปรโมตผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น เพื่อช่วยกระจายรายได้และลดผลกระทบจากยอดขายหน้าร้านที่อาจผันผวน (T) รวมถึงลดการพึ่งพาเจ้าของร้านเพียงคนเดียวในการควบคุมคุณภาพอาหาร (W)
เริ่มยังไงดี ?
ลองเลือกใช้ Template แบบตาราง หรือ bullet ก็ได้ โดยเริ่มทำจาก Strengths กับ Weaknesses ก่อน เพราะเป็นสิ่งที่เรารู้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ายังคิดไม่ออก ให้ถามเพื่อน, หัวหน้างาน, คนที่รู้จักเราดี หรือค่อยๆ ย้อนดูฟีดแบคที่ผ่านมาด้วยตัวเองก็ได้ค่ะ จากนั้นเมื่อเขียนเสร็จแล้ว ให้ถามตัวเองว่า…
- “จะใช้จุดแข็งของฉันทำอะไรได้อีก ?”
- “ควรแก้จุดอ่อนข้อไหนก่อนดี ?”
- “โอกาสแบบไหนที่ควรคว้าไว้ ?”
- “มีทางเลี่ยงอุปสรรค หรือเราปรับตัวไหม?”
Image Credit : freepik.com
ยังนึกไม่ออก ? ลองดูไอเดียอื่นๆ แล้วปรับใช้กับตัวเองกัน !
1. ใช้เพื่อวางแผนพัฒนาทักษะ
2. ใช้เลือกเส้นทางชีวิต / อาชีพที่เหมาะกับตัวเอง
- ถ้าพบว่าโอกาสคือ “มีคอร์สเรียนฟรีมากมาย” และจุดแข็งคือ “เรียนรู้ไว” ก็อาจเป็นช่วงดีที่จะลองสายงานใหม่ที่อยากทำ
- หรือถ้ารู้ว่าความเสี่ยงคือ “หมดไฟง่าย” → ควรเลือกงานที่มีจุดมุ่งหมายชัด หรือมีความหลากหลายให้สนุกกับการทำงาน
3. ใช้ปรับ Mindset เพื่อเข้าใจตัวเอง และคนรอบข้าง
- พอเห็นว่าเรามี “จุดอ่อนเรื่องการควบคุมอารมณ์” อาจฝึก Self Awareness และขอโทษคนรอบตัวให้เร็วขึ้น
- เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานบางคนมี “ความเสี่ยงจากความไม่มั่นใจในตัวเอง” ก็เข้าใจและช่วยเสริมแรงใจเขาได้ดีขึ้น
Image Credit : freepik.com
วิธีคิดอะไรบ้าง ? ที่จะช่วยให้วิเคราะห์ SWOT กับตัวเองได้ดีขึ้น
วิธีคิด / Mindset | วิธีคิด / Mindset นี้คืออะไร ? | ช่วยเรื่อง SWOT ตรงไหน ? |
---|
1. Growth Mindset | เชื่อว่าทุกอย่างสามารถพัฒนาได้ หากเปิดใจเรียนรู้ | ทำให้เรากล้ายอมรับ “จุดอ่อน (W)” และมองว่าเป็นโอกาสในการพัฒนา ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว |
2. Outward Mindset | มองเห็นตัวเองในบริบทของคนอื่น (เช่น ลูกค้า ทีมงาน คู่แข่ง) | ช่วยให้วิเคราะห์ “จุดแข็ง (S)” และ “โอกาส (O)” ได้รอบด้าน ไม่ยึดติดแค่ในมุมของตัวเอง |
3. Self Awareness | รู้จักตัวเองจริงๆ ทั้งความถนัด ความกลัว ความชอบ | ทำให้เราทำ SWOT ตัวเองได้อย่างจริงใจมากขึ้น ไม่มองโลกสวยเกินไป หรือโหดร้ายกับตัวเองเกินไป |
4. Systems Thinking | มองสิ่งต่างๆ เป็นระบบเชื่อมโยงกัน | ทำให้มองเห็น “อุปสรรค/ ความเสี่ยง (T)” ได้ชัดขึ้น เช่น เทรนด์ตลาด พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป |
5. Critical Thinking | คิดอย่างมีเหตุผล แยกแยะข้อเท็จจริงจากความรู้สึก | ช่วยให้ประเมินแต่ละปัจจัยได้แม่นยำ ไม่โดนอคติหรืออารมณ์ครอบงำ |
หนังสือ เทคนิคเลิกคิดเยอะแล้วทำทันที
Inspire Now ! : ลองหยิบกระดาษสักแผ่น หรือเปิดโน้ตในมือถือ แล้วเขียนตาราง SWOT ของตัวเองแบบง่ายๆ เพื่อฝึกการคุยกับตัวเองทำให้มองเห็นตัวตนชัดขึ้น บางทีสิ่งที่เราอยากเปลี่ยนหรือพัฒนา อาจไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ แค่รู้จักตัวเองให้ดีขึ้น ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่แข็งแรงมากแล้วหล่ะค่ะ |
---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? มีใครลองใช้ SWOT กับตัวเองแล้วเป็นยังไงกันบ้าง ? มาคอมเมนต์พูดคุยแบ่งปันวิธีกันบ้างนะคะ ♡