คิดลบ, หยุดคิดไม่ได้

อยากหยุด คิดลบ ทำยังไง ? 7 วิธีเลิกคิดลบ ที่จะทำให้คุณกำจัดพลังงานลบๆ ออกจากตัว

อยากหยุด คิดลบ ทำยังไง ? 7 วิธีเลิกคิดลบ ที่จะทำให้คุณกำจัดพลังงานลบๆ ออกจากตัว

มีคำกล่าวไว้ว่า “เรามองโลกอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติของเราเอง” ทำไมในสถานการณ์เดียวกัน แต่ละคนถึงมีวิธีการคิด หรือมีการแสดงออกที่ต่างกัน บางคนหัวเราะให้กับความผิดพลาดของตัวเอง แล้วปรับปรุงตัวเอง พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่หรือแก้มือใหม่ ทำให้ดีกว่าเดิม แต่บางคนกลับจมจ่อมอยู่กับความผิดพลาดนั้นๆ เอาแต่โทษตัวเองซ้ำๆ จนเกิดความคิดลบๆ มากมายเต็มไปหมด ซึ่งความ คิดลบ ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ นำไปสู่ความเครียดอีกมากมาย ก่อให้เกิดความรู้สึกด้อยค่าตัวเอง มีความนับถือตัวเองน้อยลง และอาจพาลให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปเปล่าๆ

ความคิดในแง่ลบ เป็นเหมือนโดมิโน่ที่เมื่อมีอันหนึ่งล้มแล้ว ก็จะล้มต่อกันไปเรื่อยๆ แม้บางคนรู้ว่าตัวเองกำลังคิดในแง่ลบอยู่ แต่ก็หยุดคิดไม่ได้เสียที และยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกแย่ อีกทั้งความคิด อารมณ์ ก็ทำให้เกิดพฤติกรรมลบๆ ชวนให้ไปกันใหญ่ และอาจถึงขั้นหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต กันไปเลย มาดูกันค่ะว่า เราจะเลิกคิดแบบลบๆ ได้ยังไงบ้าง จะได้เลิกเป็นคนที่ชอบคิดในแง่ลบเสียที ชีวิตจะได้แฮปปี้มากขึ้น

7 วิธีเลิก คิดลบ วิธีกำจัดพลังงานลบๆ ออกจากตัว

คิดลบ, หยุดคิดไม่ได้
Image Credit : pexels.com

ความคิด อารมณ์ และการกระทำของเราล้วนมีความเชื่อมโยงกัน ถ้าเริ่มคิดในแง่ลบ ก็ทำให้เกิดอารมณ์ลบๆ มากมาย ทั้งโกรธ โมโห เสียใจ น้อยใจ ไม่พอใจ พาให้เกิดความเครียด เกิดความรู้สึกอึดอัดขัดใจขึ้นมา ทำให้เราทำตัวไม่น่ารักทั้งกับตัวเอง และกับคนอื่นด้วย เพราะแผ่แต่รังสีพลังงานลบๆ ออกจากตัวเต็มไปหมด ถ้าใครอยากเลิกคิดลบ มาดูกันค่ะว่า เราจะทำอย่างไรได้บ้าง  ที่จะส่งผลดีต่อตัวเอง และทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น

[affegg id=4310]

1. แทนที่จะเอาแต่คิด เขียนมันออกมาเลย

ถ้าใครที่ชอบคิดลบบ่อยๆ จะเข้าใจดีว่า ความคิดนั้นจะไหลไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดและก็ทำให้เรารู้สึกแย่ลง แย่ลง แม้รู้ตัวว่าความคิดแบบนี้กำลังทำร้ายจิตใจตัวเองอยู่ แต่ก็หยุดคิดไม่ได้เสียที เอาล่ะ! หยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาค่ะ แทนที่จะปล่อยให้ความคิดลอยวนอยู่ในหัว เขียนมันออกมาเลย ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความรู้สึก ความกังวล จินตนาการ หรืออะไรที่มีอยู่ เขียนออกมาให้หมด เมื่อเขียนออกมาแล้ว เราก็จะรู้สึกดีขึ้นทันตา เพราะอย่างน้อยก็ได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจ และเมื่อรู้สึกดีขึ้นมากๆ แล้ว ก็ลองกลับไปอ่านกระดาษแผ่นนั้นดู แล้วจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความคิดของเรา ทำไมเราถึงมีความคิดแบบนั้น ความคิดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ? หรือเป็นสิ่งที่เราวิตกกังวลไปเอง ? ลองทำความเข้าใจกับตัวเองดู แล้วเราจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จะได้จัดการกับปัญหานั้นๆ ได้อย่างถูกวิธี โดยที่ไม่ปล่อยให้ความคิดไม่ดีเหล่านั้นมารบกวนจิตใจ

2. จดจำแพทเทิร์น “การคิดลบ” และตระหนักรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

ในกระบวนการคิดลบของเรา จะมีสิ่งที่เรียกว่า Automatic Negative Thoughts หรือ “การคิดในแง่ลบโดยอัตโนมัติ” ซึ่งอาจจะเป็นทัศนติ ระบบความคิด หรือนิสัยที่ติดตัวเรามานาน และทำให้เราไม่รู้ตัวว่ากำลังคิดแบบนั้นโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น เช่น เมื่อทำงานผิดพลาด ก็จะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่ฉลาด ไม่มีความสามารถ ไม่คู่ควรกับงานที่ทำ เพราะคิดว่าตัวเองเรียนไม่เก่งมาตั้งแต่เด็ก ฯลฯ ซึ่งมักจะเป็นชุดความคิดหรือแพทเทิร์นนี้อยู่เป็นประจำ ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ๆ ตามมา ดังนั้น เราจะต้องรู้เท่าทันความคิดตัวเอง เมื่อรู้ว่ากำลังคิดแบบนี้อยู่ และจะคิดอะไรต่อไป เราก็จะได้สะกัดชุดความคิดนี้ทัน และหยุดคิดได้ค่ะ

3. หัดคุยกับตัวเองบ่อยๆ และเป็นเพื่อนที่ดีกับตัวเองให้ได้

คิดลบ, หยุดคิดไม่ได้
Image Credit : pexels.com

ข้อนี้อาจจะฟังดูประหลาดบ้าง แต่การมี Self – Talk หรือการพูดคุยกับตัวเองไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ความคิดลบๆ ที่เกิดขึ้น ก็คือสิ่งที่เราพูดกับตัวเองทั้งนั้น ไม่ใช่หรือคะ ? ไม่ว่าจะเป็นประโยค “ฉันมันไม่ดี” “ฉันมันไม่เก่ง” “ไม่มีใครรักฉันหรอก” “ฉันไม่มีคุณค่า” หรือประโยคชวนห่อเหี่ยวใจต่างๆ นาๆ เพราะฉะนั้น หยุดใจร้ายกับตัวเองค่ะ เปลี่ยนจากการพูดลบๆ กับตัวเองมาเป็นการพูดให้กำลังใจ คิดเสียว่า ถ้าเราเป็นเพื่อนคนหนึ่ง เราจะให้กำลังใจคนๆ นี้อย่างไร ? เราจะดุด่าว่าเค้าหรือเปล่า ? ถ้าเราให้กำลังใจคนอื่นได้ เราก็ต้องให้กำลังใจตัวเองได้เหมือนกัน ไม่ต้องไปเขินอายค่ะ เราพูดเงียบๆ อยู่คนเดียวนี่นา พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ยิน และพูดในสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นกันนะคะ หรือถ้าไม่รู้จะพูดอะไร ลองอ่านพวก คำคมให้กำลังใจ แทนก็ได้ค่ะ ทำให้รู้สึกดีขึ้นจริงๆ นะ

[affegg id=4311]

4. ตั้งคำถามกับตัวเอง

เมื่อตั้งสติและหยุดคิดลบได้แล้ว ทีนี้เรามาลองตั้งคำถามกับตัวเองดูค่ะ ลองถามตัวเองดูว่า “ฉันได้อะไรจากการคิดในแง่ลบแบบนี้ ?” “อะไรคือสิ่งที่เสียไปกับการคิดแบบนี้ ?” “แล้วถ้าลองเปลี่ยนเป็นคิดบวกดูบ้าง ฉันจะได้อะไรจากการคิดบวกแบบนั้น” “สิ่งใดในอดีตส่งผลให้ฉันเกิดความคิดเชิงลบแบบนี้หรือเปล่า แล้วในปัจจุบัน ฉันสามารถทำอะไรกับมันได้บ้าง ?” ไม่ต้องเร่งเอาคำตอบในทันที แต่อยากให้ลองหาเวลามานั่งพิจารณากับความคิดของตัวเองอย่างจริงจัง เพราะบางครั้ง ความคิดในแง่ลบก็เกิดขึ้นได้บ่อยๆ เพราะเราไม่ทันจะได้สังเกตหรือวิเคราะห์ตัวเองให้ดี ว่าความคิดแบบนี้เกิดจากอะไร ทำแล้วจะได้อะไร หรือทำไปเพื่ออะไร ? ไม่แน่ว่าถ้าหาคำตอบได้ อาจจะทำให้เราเปลี่ยนทัศนคติ และเลิกคิดในแง่ลบไปเลยก็ได้ค่ะ

5. ฝึกรับมือกับสถานการณ์ลบๆ ที่เกิดขึ้น

คิดลบ, หยุดคิดไม่ได้
Image Credit : pexels.com

ความคิดลบๆ เกิดขึ้น ก็เพราะมีสถานการณ์ลบๆ ชวนให้คิดในแง่ลบ ไม่ว่าจะเป็น การถูกวิพากษ์วิจารณ์ การถูกปฏิเสธ การถูกตำหนิในที่ทำงาน หรือเหตุการณ์อะไรก็ตามที่ชวนให้คิดไม่ดีกับตัวเอง นอกจากจะต้องเลิกใช้คำพูดบั่นทอนตัวเองและให้กำลังใจตัวเองแล้ว ลองคิดถึงวิธีรับมือกับสิ่งนั้นๆ ดูค่ะ เพราะบางครั้งมันก็เป็นสถานการณ์ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลองคิดดูว่า เรามีวิธีการรับมือกับความผิดหวังยังไง เรามีวิธีฮึดสู้ต่อยังไง ถ้าเราสามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เราก็จะกังวลน้อยลง และคิดในแง่ลบน้อยลงด้วย และถ้าหากเป็นความคิดเชิงลบแบบคิดวิตกกังวลไปก่อน กลัวว่าจะเกิดสิ่งไม่ดีขึ้น ก็ลองจินตนาการหรือลองสมมติดูว่า ถ้ามันเกิดขึ้นจริง เรามีวิธีแก้ปัญหายังไง เรามีวิธีการรับมือกับมันยังไง เราจะขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง ? ถ้าลองคิดแบบนี้ดู ก็จะรู้ว่าควรจัดการกับมันยังไง ทำให้เราสบายใจมากขึ้น และกังวลน้อยลงได้

6. ลองฝึกสมาธิดูบ้าง

แม้จะเป็นวิธีแสน Cliché และหลายคนอาจเมินหน้าหนี การทำสมาธิไม่ได้มีแค่ในเชิงศาสนาหรือจิตวิญญาณเท่านั้น แต่เป็นศาสตร์ที่ประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย เมื่อพูดถึงการทำสมาธิ ไม่ได้หมายความว่าให้นั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเพียงอย่างเดียว (ซึ่งนั่นก็เป็นวิธีที่ได้ผลดีเหมือนกัน ถ้าไม่แอบหลับไปเสียก่อน) แต่หมายถึงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิและใช้การจดจ่อ เช่น โยคะ วาดรูป จัดสวนจิ๋ว ถักโครเชต์ ปักผ้า ต่อจิ๊กซอว์ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราโฟกัสกับสิ่งๆ นั้นได้ การที่เราฝึกสมาธิทำให้เรามีสติมากขึ้น และรู้เท่าทันความคิดของตัวเองมากขึ้นด้วย และถ้าเกิดความคิดในแง่ลบขึ้นมา ให้เราไปจดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่ทำให้เกิดสมาธิแทน ก็จะทำให้เรากำจัดความคิดและพลังงานลบๆ ออกไปจากหัวได้เหมือนกัน

7. ขอบคุณความดีงามเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต

คิดลบ, หยุดคิดไม่ได้
Image Credit : pexels.com

การฝึกให้ตัวเองคิดในแง่ลบน้อยลง คือการมี Gratitude หรือ ความรู้สึกขอบคุณความดีงามที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยอย่างการได้กินอาหารอร่อยๆ การได้เห็นดอกไม้สวยๆ ริมทาง การได้ออกไปช็อปปิ้ง ได้มีเวลาดูแลตัวเอง หรือการได้ไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ และระบายความทุกข์ให้ฟัง การโฟกัสไปที่สิ่งดีๆ ในชีวิต จะทำให้เราให้ความสำคัญกับสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นน้อยลง จนกระทั่งไม่สนใจมันในที่สุด เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว เราก็จะรู้วิธีแก้ปัญหาได้เองค่ะ

ถ้าใครเป็นคนที่ชอบคิดในแง่ลบอยู่บ่อยๆ ก็ลองนำเอาวิธีที่เราแนะนำไปปรับใช้กันดูนะคะ ความคิดเชิงลบก็ไม่ใช่เรื่องผิดบาปร้ายแรงอะไร ในกรณีที่เป็นความวิตกกังวลล่วงหน้า อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าเรามีความระแวดระวัง รอบครอบ มองสถานการณ์รอบด้าน แต่ถ้าคิดแล้วก็ต้องรู้วิธีจัดการกับความคิดนั้นๆ ด้วย เช่น คิดถึงวิธีแก้ไขปัญหา ถ้ามันอาจเกิดขึ้นได้ อย่างที่ได้บอกไปข้างต้น แต่ถ้าเป็นความคิดแง่ลบที่มีต่อตัวเอง ทำให้บั่นทอนจิตใจตัวเอง ทำให้รู้สึกแย่ลง ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ควรเลิกที่จะคิดในแง่ลบนะคะ แม้จะยังหยุดคิดไม่ได้ หรือทำไม่ได้ในทันที ก็อย่าไปกดดันตัวเองหรือฝืนตัวเองมากเกินไป ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ ทำ เดี๋ยวเราก็จะกลายเป็นคนที่คิดในแง่ลบน้อยลงได้เองค่ะ

[affegg id=4312]

Inspire Now ! : ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ในชั่วข้ามคืน ไม่ต้องรู้สึกแย่ถ้าเรายังเลิกคิดลบไม่ได้ แต่อย่างน้อยให้เรารู้ตัวเองว่า เรากำลังฝึกตัวเองให้คิดในแง่ลบน้อยลงอยู่ กุญแจสำคัญในการเปลี่ยนความคิดเชิงลบคือ การรู้เท่าทันความคิดตัวเอง รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ และจัดการกับความคิดนี้ได้อย่างไร จะทำอย่างไรให้ความคิดแง่ลบที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อตัวเองน้อยลง เราไม่จำเป็นจะต้องเป็นคิดบวกอยู่ตลอดเวลาก็ได้ แต่เป็นคนที่คิดไม่ดีน้อยลง มีทัศนคติต่อสิ่งต่างๆ ดีขึ้น และเรียนรู้ที่จะมีความสุขในชีวิตมากขึ้น เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ

DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? ถ้าเลิกคิดในแง่ลบได้แล้ว รู้สึกดีขึ้นไหมคะ ? ใครมีวิธีเลิกคิดลบยังไงบ้าง มาคอมเมนต์บอกเราด้วยนะคะ รออ่านอยู่ค่ะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : healthline.com, forbes.com, verywellmind.com

Featured Image Credit : pexels.com/Maksim Goncharenok

Facebook Comments

ฝันอยากเดินทางท่องโลกให้ได้มากที่สุด สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา รักการอ่านหนังสือ ชอบถ่ายรูป หลงใหลแมวและกาแฟ