แจกเคล็ดวิธีทำจับฉ่ายให้อร่อย (เจ VS ไม่เจ) ทำง่าย กินอร่อยได้ใจคนทั้งบ้าน !

เมนู “จับฉ่าย” หม้อเดียวที่รวมความอร่อยและความอบอุ่นของทั้งบ้านไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะทำกินช่วงเทศกาลเจหรือวันธรรมดาก็อร่อยได้ทุกมื้อ เพราะเต็มไปด้วยผักนานาชนิดที่ดีต่อสุขภาพ เคี่ยวนานเท่าไหร่รสยิ่งกลมกล่อม และในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะมา “แจกเคล็ดวิธีทำจับฉ่ายให้อร่อย” ทั้งแบบเจ และไม่เจ ทำง่าย กินได้ทั้งครอบครัว พร้อมเคล็ดลับเล็กๆ ที่จะทำให้หม้อจับฉ่ายของคุณหอม หวาน และอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารจีนเลยค่ะ

เช็ก วิธีทำจับฉ่าย ให้อร่อย เคล็ดไม่ลับจากอดีตสู่ปัจจุบัน !

ต้มจับฉ่าย คือการต้มผักหลายชนิดเข้าด้วยกันและเคี่ยวจนกระทั่งงวดจึงเติมน้ำเข้าไปใหม่แล้วต้มต่อ จะได้รสชาติของน้ำต้มผักที่เข้มข้นและอร่อยยิ่งขึ้น นอกจากนี้การต้มจับฉ่ายให้อร่อยยิ่งขึ้นคือ การใส่ผักอย่างน้อย 4 ชนิด ในบางสูตรนั้นใส่ถึง 10 ชนิดด้วยกัน เพราะการที่เราใส่ผักที่หลากหลายจะได้รสชาติ และเนื้อสัมผัสที่อร่อยยิ่งขึ้น และผักที่ขาดไม่ได้เลยคือ หัวไชเท้า เพราะหัวไชเท้าจะช่วยให้น้ำซุปมีความหวานกลมกล่อม นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนรสชาติให้ไม่จำเจด้วยการเติมเนื้อสัตว์ต่างๆ ลงไป แต่หากต้องการทำเป็นอาหารเจ ก็เปลี่ยนจากเนื้อสัตว์เป็นเต้าหู้ก็ให้รสชาติที่อร่อยไม่แพ้กัน สำหรับใครที่กินเจ ปีนี้นอกจากไอเดียสูตรอาหารเจลดความอ้วนที่เคยแนะนำแล้ว ลองมาดูสูตรวิธีทำจับฉ่ายให้อร่อยกันบ้าง เรามีมาฝากทั้งสูตรเจ และไม่เจเลยค่ะ

ทำไม “จับฉ่าย” ถึงเป็นเมนูที่อยู่คู่บ้านคนไทยทุกยุค

เมนู “จับฉ่าย” หรือ “เหง่าฉ่าย (雜菜)” มีความหมายตรงตัวว่า “ผักรวม” เป็นอาหารจีนที่อยู่คู่บ้านคนไทยมานาน เพราะทำง่าย กินง่าย และมีประโยชน์ครบในหม้อเดียว เดิมทีคนจีนจะทำจับฉ่ายหลังเทศกาลกินเจ เพื่อใช้ผักที่เหลือให้เกิดประโยชน์ แต่ต่อมากลายเป็นเมนูประจำบ้านที่ใครๆ ก็ทำได้ ด้วยรสชาติกลมกล่อมจากการเคี่ยวผักหลากชนิดจนหวานธรรมชาติ จับฉ่ายจึงเป็นทั้งอาหารที่อิ่มท้องและอุ่นใจ เหมือนหม้อแห่งความสุขที่รวมทุกคนในบ้านไว้ด้วยกันค่ะ

เคล็ดลับพื้นฐาน วิธีทำจับฉ่ายให้อร่อยทุกสูตร

แม้จับฉ่ายจะเป็นเมนูบ้านๆ ที่ทำได้ไม่ยาก แต่เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ “การใส่ใจในรายละเอียด” ทั้งการเลือกผัก การผัด และการเคี่ยวให้ได้รสหวานจากธรรมชาติของผักแต่ละชนิด มาดูเคล็บลับกันค่ะ

1. เลือกผักให้หลากหลาย และสดใหม่

หัวไชเท้า ผักกาดขาว กะหล่ำปลี เห็ดหอม หรือขึ้นฉ่าย ควรมีอย่างน้อย 4 ชนิดขึ้นไป ยิ่งผักหลากหลาย น้ำซุปยิ่งกลมกล่อมและมีรสหวานธรรมชาติ (สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่า “ผักไหนเจหรือไม่เจ” ลองอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ)

2. ทอดเต้าหู้ / ผัดเครื่องก่อนต้ม เพิ่มความหอมและรสเข้ม

การทอดเต้าหู้, ผัดเต้าเจี้ยว กระเทียม หรือขิงเล็กน้อยก่อนใส่น้ำซุป จะช่วยดึงกลิ่นหอมออกมา และทำให้รสลึกขึ้นโดยไม่ต้องใช้ผงปรุงรส

3. เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนผักนุ่ม และรสเข้ากันดี

ไม่ต้องรีบ เคี่ยวอย่างใจเย็นสัก 40–60 นาที จะได้น้ำซุปที่ข้นกำลังดี ผักนุ่มละมุน และรสชาติกลมกล่อมแบบที่คนทั้งบ้านต้องชอบค่ะ

Inspire แนะนำ ! : ถ้าอยากให้กลิ่นเห็ดหอมชัดแบบร้านอาหารจีน ลองใส่เห็ดหอมแห้งตอนต้น แต่เติมเห็ดหอมสดอีกนิดช่วงท้ายก่อนยกหม้อออก กลิ่นจะลึกขึ้น และสดขึ้นแบบสองชั้นเลยค่ะ

แจกสูตรทำจับฉ่าย “เจ” ให้อร่อย

สำหรับต้มจับฉ่ายสูตรเจนั้นจะมีวิธีการทำที่เหมือนกันทุกประการกับแบบที่ใส่เนื้อสัตว์ จะต่างกันแค่วัตถุดิบ และเครื่องปรุงรสที่ใช้ค่ะ ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนเนื้อสัตว์เป็นเต้าหู้ได้ และจะไม่ใส่เครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม ส่วนการปรุงรสอื่นๆ สามารถใช้ซีอิ๊วขาวแทนน้ำปลาได้ค่ะ

[ เจ สูตรที่ 1 ]

วัตถุดิบ :

1. หัวไชเท้าขาว 4 ถ้วย
2. ผักกาดขาว 1 หัว หั่นเป็นชิ้นขนาดปานกลาง
3. กะหล่ำปลี 1 ถ้วย หั่นเป็นชิ้นขนาดปานกลาง
4. ขึ้นฉ่าย 2 ถ้วย หั่นเป็นชิ้นขนาด 1 นิ้ว
5. ผักคะน้า 4 ถ้วย หั่นท่อน
6. เห็ดหอมขนาดกลาง 10 ดอก แช่น้ำไว้
7. เต้าหู้แข็ง 5 ชิ้น
8. เต้าเจี้ยว 6 ช้อนโต๊ะ
9. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำเปล่า
12. น้ำมันสำหรับผัด

วิธีทำจับฉ่ายให้อร่อยสูตรที่ 1 แบบเจ :

1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน นำเต้าหู้ลงไปทอดให้เหลืองแล้วตักพักไว้
2. ใส่ผักทั้งหมดลงไปผัดในกระทะจนสุก ตามด้วยเห็ดหอม เต้าเจี้ยว เติมน้ำเปล่าเล็กน้อยและผัดจนส่วนผสมสุกและเข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ และผัดให้เข้ากันจนผักสุกดี จากนั้นตักพักไว้
4. ตั้งน้ำซุปเปิดไฟอ่อน แล้วใส่ส่วนผสมที่ผัดไว้ทั้งหมดลงไปในหม้อ เคี่ยวส่วนผสมไปเรื่อยๆ จนผักเปื่อยนิ่ม พร้อมเสิร์ฟได้

[ เจ สูตรที่ 2 ]

ในสูตรที่ 2 นั้น เราจะไม่ใช้เต้าเจี้ยว และน้ำตาลปี๊บ ทำตามง่าย อร่อยไม่แพ้กัน มาดูสูตรกันเลยค่ะ

วัตถุดิบ :

1. เต้าหู้แข็ง 1 ก้อน
2. วุ้นเส้น 1 ห่อ
3. ผักกาดขาว 1 หัว
4. แครอท 1 หัว
5. เห็ดหอม 5-6 ดอก
6. ข้าวโพดอ่อน 1 ฝัก
7. ถั่วลันเตา 1 ถ้วย
8. กะหล่ำปลี 1/4 หัว
9. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
10. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
12. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
13. เกลือ 1/2 ช้อนชา
14. น้ำเปล่า หรือน้ำสต็อกผัก

วิธีทำจับฉ่ายสูตรเจ สูตรที่ 2 :

1. แช่วุ้นเส้นในน้ำอุ่นจนนิ่ม ทอดเต้าหู้ให้เหลืองกรอบ ล้าง และหั่นผักทุกชนิด (ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แครอท ข้าวโพดอ่อน ถั่วลันเตา) เป็นชิ้นพอดีคำ แช่เห็ดหอมให้นิ่มแล้วหั่นบางๆ
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดเห็ดหอมให้หอม ตามด้วยแครอทและข้าวโพดอ่อน แล้วปรุงรสโดยเติมซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย พริกไทย และเกลือ คนให้เข้ากัน
3. ใส่ผักทั้งหมดลงไปในกะทะ ผัดให้ผักสลดลงเล็กน้อย จากนั้นใส่วุ้นเส้น และเต้าหู้ทอด ผัดให้เข้ากัน พักไว้
4. เตรียมน้ำสต๊อกผัก หรือน้ำเปล่า จากน้ำเทผักที่ผัดแล้วลงในหม้อ เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ จนเปื่อยเป็นที่พอใจ พร้อมเสิร์ฟ

Inspire แนะนำ ! : ถ้าอยากให้ซุปใส ไม่ขุ่นตอนต้มอย่าคนหม้อบ่อย เพราะจะทำให้เศษผักแตกกระจาย และให้ใช้ทัพพีตักฟองออกเบาๆ จะได้น้ำซุปใสสวยเหมือนในร้านอาหารจีนเลยหล่ะค่ะ

สูตรวิธีทำจับฉ่าย “แบบไม่เจ” ให้อร่อย

จับฉ่ายเป็นอาหารจีนที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน หรือว่าคนไทยแท้ๆ เป็นเมนูผักรวมที่อุดมไปด้วยผักหลากชนิด และหากไม่ใช่แบบเจ เราก็จะได้ประโยชน์จากเนื้อสัตว์ด้วย จับฉ่ายเป็นเมนูที่มีรสชาติกลมกล่อม ยิ่งเคี่ยว ยิ่งต้ม ยิ่งอร่อย ทำแล้ว เก็บไว้กินได้หลายวัน จึงเรียกได้ว่าเป็นเมนูสำหรับครอบครัวเลยหล่ะค่ะ

[ ไม่เจ สูตรที่ 1 ]

วัตถุดิบ :

1. หมูสามชั้น 250 กรัม หั่นเป็นลูกเต๋าประมาณครึ่งนิ้ว
2. ไก่หรือเป็ด ½ ตัว หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ หรือจะใส่เป็นปีกไก่ น่องไก่ก็ได้ตามชอบ
3. หัวไชเท้าขาว 4 ถ้วย
4. ผักกาดขาว 1 หัว หั่นเป็นชิ้นขนาดปานกลาง
5. กะหล่ำปลี 1 ถ้วย หั่นเป็นชิ้นขนาดปานกลาง
6. หอมใหญ่ 1 ถ้วย หั่นเป็นชิ้นขนาด 1 นิ้ว
7. ขึ้นฉ่าย 2 ถ้วย หั่นเป็นชิ้นขนาด 1 นิ้ว
8. ผักคะน้า 4 ถ้วย หั่นท่อน
9. เห็ดหอมขนาดกลาง 10 ดอก แช่น้ำไว้
10. เต้าหู้แข็ง 5 ชิ้น หั่นเป็นชิ้นและผ่าครึ่งตามแนวทแยง
11. ผักชีสับ ½ ถ้วย
12. เต้าเจี้ยว 6 ช้อนโต๊ะ
13. กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
14. ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
15. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
16. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
17. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
18. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
19. น้ำสต็อกหมู 8 ถ้วย
20. พริกไทยเล็กน้อยเพื่อปรุงรส
21. น้ำมันสำหรับผัด
22. รากผักชี 5 ราก (สำหรับสูตรที่ 2)

วิธีทำจับฉ่ายให้อร่อย แบบไม่เจ (สูตรที่ 1 ไม่ใส่รากผักชี) :

1. ตั้งน้ำซุปเปิดไฟให้เดือด ใส่เนื้อสัตว์ลงไป ตามด้วย น้ำปลา ซีอิ๊วดำ ซอสปรุงรส น้ำตาลปี๊บ และต้มจนเนื้อสุกดี
2. ใส่ผักทั้งหมดลงไป ตามด้วยเต้าหู้ ต้มจนผักสุก
3. จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดเต้าเจี้ยวจนหอม ใส่กระเทียม และขิงตามลงไป สำหรับสูตรนี้จะใช้เต้าเจี้ยวเป็นหนึ่งในวิธีต้มจับฉ่ายให้อร่อยที่หลายบ้านนิยมค่ะ
4. นำส่วนผสมที่ผัดใส่ลงไปในหม้อซุป ชิมรสและเติมน้ำปลาและพริกไทยเพิ่มตามความชอบ
5. หรี่ไฟลงเล็กน้อยแล้วเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 30 นาที จนผักนิ่ม พร้อมเสิร์ฟได้

วิธีที่ 2 (สูตรที่ 1 แบบใส่รากผักชี) :

1. นำรากผักชี กระเทียม และพริกไทย มาโขลกรวมกันจนละเอียด
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน ผัดส่วนผสมทั้งหมดก่อนนำไปต้ม เป็นอีกสูตรที่อร่อยไม่แพ้กัน
3. ใส่เนื้อสัตว์ตามลงไปและผัดจนสุกดี ตามด้วยใส่เห็ดหอม เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย และผัดจนส่วนผสมสุกเข้ากัน
4. ใส่ผักทั้งหมดตามลงไปในกระทะ แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วดำ ซอสปรุงรส น้ำตาลปี๊บ ผัดให้เข้ากันจนผักสุกดี จากนั้นตักพักไว้
5. ตั้งน้ำซุปเปิดไฟอ่อน แล้วใส่ส่วนผสมที่ผัดไว้ทั้งหมดลงไปในหม้อ ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำปลา แล้วเคี่ยวส่วนผสมไปเรื่อยๆ จนผักเปื่อยนิ่ม พร้อมเสิร์ฟได้

[ ไม่เจ สูตรที่ 2 ]

สูตรนี้จะลองทำแบบใช้วัตถุดิบเป็นอาหารทะเลกันบ้างนะคะ ใครยังไม่เคยใส่กุ้ง หมึก ลองดูนะคะ

วัตถุดิบ :

1. เนื้อหมูสามชั้น 200 กรัม
2. กุ้งสด 200 กรัม
3. ปลาหมึกสด 200 กรัม
4. วุ้นเส้น 1 ห่อ
5. ผักกาดขาว 1 หัว
6. แครอท 1 หัว
7. เห็ดหอม 5-6 ดอก
8. ข้าวโพดอ่อน 1 ฝัก
9. ถั่วลันเตา 1 ถ้วย
10. กะหล่ำปลี 1/4 หัว
11. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
12. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
13. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
14. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
15. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
16. เกลือ 1/2 ช้อนชา
17. น้ำสต๊อกหมู หรือไก่

วิธีทำจับฉ่ายสูตรเจ สูตรที่ 2 :

1. เตรียมวัตถุดิบโดยแช่วุ้นเส้นในน้ำอุ่นจนนิ่ม หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ แกะกุ้ง และผ่าหลังเอาเส้นดำออก หั่นปลาหมึกเป็นวงๆ ล้าง และหั่นผักทุกชนิดเป็นชิ้นพอดีคำ แช่เห็ดหอมให้นิ่มแล้วหั่นบางๆ
2. ผัดเครื่อง โดยตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดเนื้อหมูให้สุก ตามด้วยกุ้ง และปลาหมึก ใส่เห็ดหอม แครอท และข้าวโพดอ่อน ผัดให้หอม
3. ปรุงรส และใส่ผัก เติมซีอิ๊วดำ น้ำมันหอย น้ำตาลทราย พริกไทย และเกลือ คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่ผักที่เหลือทั้งหมด ผัดให้ผักสลดลงเล็กน้อย จากนั้นใส่วุ้นเส้น และปรุงรส ใส่วุ้นเส้นลงไป ผัดให้เข้ากับส่วนผสมทั้งหมด
4. ตั้งหม้อต้มน้ำสต๊อกหมู หรือไก่ จากนั้นใส่ผักที่ผัดลงไปในหม้อ ต้มต่อจนได้ความนิ่มที่ชอบ เสิร์ฟได้เลย

Inspire แนะนำ ! : ในสูตรไม่เจ คนจีนมักใส่ขิง และรากผักชีตำละเอียดลงไปด้วย เพราะจะช่วยลดกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ และช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น แถมเคล็ดลับนี้ยังทำให้รสละมุนขึ้นด้วยนะคะ

เทคนิคเคี่ยวจับฉ่ายให้นุ่ม และเก็บได้นาน

แม้จับฉ่ายจะเป็นเมนูง่ายๆ แต่หัวใจของความอร่อยอยู่ที่ “การเคี่ยว” ถ้าเคี่ยวพอดี ผักจะนุ่ม น้ำซุปจะหวาน และเก็บไว้กินได้นานโดยไม่เสียรสชาติ ลองทำตามเทคนิคนี้ดูค่ะ

1. เคี่ยวด้วยไฟอ่อนนาน 40–60 นาที

อย่าเร่งไฟแรงเกินไป เพราะผักจะเละก่อนที่รสจะเข้ากัน ใช้ไฟอ่อนให้น้ำซุปค่อยๆ เดือดจะได้ความหวานจากผักได้เต็มที่

2. เก็บในตู้เย็นได้ 3 วัน หรือในช่องฟรีซได้ 1 สัปดาห์

ควรแบ่งใส่กล่องเล็กๆ ก่อนเก็บ จะช่วยให้อุ่นกินง่าย และคงรสอร่อยเหมือนใหม่มากขึ้น

3. เวลาอุ่นให้เติมน้ำร้อนเล็กน้อยก่อน

ก่อนจะอุ่นจับฉ่ายที่แช่ตู้เย็นไว้ แนะนำให้ เติมน้ำร้อนเล็กน้อยลงในหม้อก่อน เพราะเวลาจับฉ่ายแช่เย็น น้ำซุปมักจะงวดลงและผักดูแห้ง ถ้าอุ่นเลยทันที ผักอาจเละหรือไหม้ก้นหม้อได้ ดังนั้นการเติมน้ำร้อนจะช่วยคืนความชุ่มฉ่ำให้ผัก น้ำซุปกลับมาขลุกขลิกพอดี และรสชาติก็จะกลมกล่อมเหมือนเพิ่งต้มใหม่อีกครั้งค่ะ

Inspire Now ! : การต้มจับฉ่ายไม่ใช่แค่เมนูผักรวมธรรมดาๆ แต่คือศิลปะแห่งความใส่ใจ ที่สอนให้เรารู้คุณค่าของ “ความเรียบง่าย” ในทุกวัน ยิ่งเคี่ยวนาน ยิ่งหอมหวาน เหมือนกับชีวิตที่เมื่อผ่านเวลาและความอดทน ก็ยิ่งกลมกล่อมมากขึ้น จับฉ่ายหม้อหนึ่งจึงไม่ใช่แค่ของกินในครัว แต่คือความสุขเล็กๆ ที่เราแบ่งปันให้คนที่เรารักได้ทุกครั้งที่ยกช้อนขึ้นนั่นเองค่ะ

DIYINSPIRENOW ให้ฉันตามเทรนด์อาหารสุขภาพได้ไม่ยากใช่ไหม ? ใครลองต้มจับฉ่ายแล้วเป็นยังไงบ้าง ชอบหรือเปล่า อร่อยจริงๆ หรือเปล่า มาคอมเมนต์แบ่งปันสูตรที่ชอบกันได้นะคะ ♡