ชวนส่อง อาหารมงคล ต้อนรับปีใหม่ทั่วโลก ! วันขึ้นปีใหม่ แต่ละประเทศเค้ากินอะไรรับโชคกันนะ ?!

ใกล้ช่วงปีใหม่ขึ้นมาทุกที นอกจากการเลือกซื้อของขวัญสำหรับการจับฉลากแลกของขวัญ การเลือกกิจกรรมทำระหว่างงานเลี้ยงอย่างการเล่นเกมปาร์ตี้ สิ่งหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือเรื่องอาหาร เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง! และถ้าพูดถึงการเฉลิมฉลองแล้ว จะขาดอาหารไปได้อย่างไร และในสำหรับบางประเทศแล้ว การรับประทานอาหารไม่ใช่เพื่อความอิ่มเท่านั้น แต่ยังเสริมในเรื่องความเป็นสิริมงคลและความโชคดีด้วยเช่นกัน เรามาดู อาหารมงคล แต่ละชนิดทั่วโลกกันดีกว่าค่ะ มาดูว่าหลายๆ ประเทศทั่วโลกนั้น เค้ากินอะไรกันเพื่อเสริมความโชคดีในช่วงปีใหม่นี้บ้าง เผื่อจะเป็นไอเดียสำหรับการจัดเมนูอาหารปาร์ตี้ปีใหม่ของเราก็ได้นะคะ

ชวนดู อาหารมงคล รับวันปีใหม่ทั่วโลก ! แต่ละประเทศเค้ากินอะไรกันในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ !

พูดถึงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ไม่พูดถึงอาหารก็คงจะเป็นไปไม่ได้ นอกจากเมนูคริสต์มาสที่เป็นประเพณีและวัฒนธรรมอันเกี่ยวข้องกับอาหารการกินแล้ว ก็ยังมีเมนูอาหารที่นิยมกินในวันขึ้นปีใหม่หรือเทศกาลปีใหม่เพื่อเสริมความโชคดีให้กับชีวิตอีกด้วย และวัฒนธรรมนี้ก็มีอยู่ทั่วโลก มีอยู่ในหลายๆ ประเทศด้วยกัน เรามาดูกันดีกว่าว่า แต่ละประเทศนั้น อาหารชนิดใดบ้างที่เป็นมงคล กินในช่วงปีใหม่แล้วจะโชคดี ชีวิตมั่งมีศรีสุข ซึ่งเราได้หยิบยกเอามา 9 ชนิด เป็นอาหารมงคล 9 อย่างที่นิยมกินในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ค่ะ

1. องุ่น

ก่อนที่นาฬิกาจะบอกเวลาเที่ยงคืนในวันที่ 31 ธันวาคม ผู้คนในประเทศสเปนและประเทศอื่นๆ ที่พูดภาษาสเปนทั่วโลกจะมีประเพณีที่เรียกว่า las doce uvas de la suerte ซึ่งเป็นการกินองุ่นนำโชค 12 ลูกให้ครบก่อนเที่ยงคืน เพื่อให้โชคดีในวันขึ้นปีใหม่ นอกจากนี้ ยังมีเมนูอาหารชนิดอื่นๆ ที่เอาไว้สำหรับรับประทานในวันเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วย เช่น องุ่นย่าง ซุปถั่วลันเตากับองุ่น แยมองุ่น ทาร์ตขิงและองุ่น เป็นต้น

2. Kransekage

เค้กรูปทรงคล้ายหอคอยประเภทนี้ เป็นเค้กรูปทรงวงกลมมีรูวางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นของหวานตามประเพณีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของนอร์เวย์และเดนมาร์ก โดยตัวเค้กจะทำจาก marzipan อัลมอนบดรสหวาน และมักจะเอาไปวางซ้อนกันรอบๆ ขวดไวน์หรืออควาวิต (เครื่องดื่มสมุนไพรของชาวยุโรปเหนือ) แม้จะเป็นที่นิยมในเทศกาลปีใหม่ แต่ก็สามารถนำเค้กชนิดนี้มาตกแต่งโต๊ะอาหารเนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ ได้

3. Tamale

Tamale เป็นอาหารเม็กซิกันแบบดั้งเดิมที่ทำจากแป้งข้าวโพดสอดไส้เนื้อสัตว์ ชีส และอื่นๆ ตามที่ต้องการ แล้วห่อด้วยใบตองหรือใบข้าวโพด แม้ว่าเมนูอาหารชนิดนี้จะรับประทานได้ตลอดทั้งปีและนิยมรับประทานในโอกาสพิเศษต่างๆ ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารมงคลในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยครอบครัวจะมารวมตัวกันเพื่อทำอาหารชนิดนี้โดยเฉพาะ นอกจากจะมีเมนูคาวแล้ว ยังมีเมนูของหวานที่สอดไส้ด้วยข้าวโพด ถั่วดำ หรือสตรอว์เบอร์รี่ เป็น Tamale ชนิดหวานนั่นเอง

4. Oliebollen

Oliebollen เป็นขนมของชาวดัตช์ นิยมรับประทานในวันขึ้นปีใหม่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ทำจากแป้งทอดก้อนเล็กๆ คล้ายโดนัทและยัดไส้ด้วยลูกเกด และโรยด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Dutch Doughnuts นั่นเอง นอกจากนี้ ยังสามารถผสมวัตถุดิบอื่นๆ ลงในแป้งอย่างอบเชยหรือแอปเปิ้ลหั่นชิ้นก็ได้เช่นกัน เป็นของหวานที่มักจะรับประทานในวันส่งท้ายปีเก่าร่วมกับการดื่มแชมเปญเฉลิมฉลองค่ะ

5. เมนูเส้นต่างๆ

ในประเทศแถบเอเชียอย่างญี่ปุ่น จีน เกาหลี หรือแม้แต่ไทย เมนูเส้นถือเป็นอาหารมงคลที่ต้องกินในช่วงปีใหม่ เพราะเส้นบะหมี่หมายถึงการมีอายุยืนยาว คล้ายกับความยาวของเส้นบะหมี่นั่นเอง นอกจากเทศกาลปีใหม่แล้ว ในช่วงตรุษจีนก็นิยมรับประทานเมนูเส้นด้วยเช่นกัน และเมนูที่นิยมก็มีทั้งเมนูผัด เมนูก๋วยเตี๋ยว ราเมง และอื่นๆ อีกมากมาย

6. ทับทิม

หนึ่งในอาหารมงคล 9 อย่างจากทั่วโลกก็คือ ทับทิมค่ะ ทับทิมถือว่าเป็นผลไม้ที่เป็นตัวแทนของความโชคดีในประเทศตุรกีด้วยเหตุผลหลายประการ อย่างสีแดงเข้มหมายถึงหัวใจของเราซึ่งสื่อถึงชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ และสรรพคุณของทับทิมก็แสดงถึงการมีสุขภาพดี และเม็ดทับทิมที่มีรูปทรงสวยงามสมบูรณ์ก็แสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง และความหมายต่างๆ นั้นก็สอดคล้องกับเทศกาลปีใหม่อันสื่อถึงความหวังและการเริ่มต้นใหม่ด้วยประการทั้งปวง ทั้งนี้ ตามประเพณีของตุรกีและกรีกมีความเชื่อว่า ถ้าทุบผลทับทิมที่หน้าบ้านของตัวเองจะทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองในปีหน้าค่ะ

7. ผักสีเขียว

คาดไม่ถึงเลยใช่มั้ยคะว่า ผักสีเขียวก็เป็นอาหารมงคลด้วยเหมือนกัน คนที่ชอบกินผักจะต้องถูกใจ ในบริเวณทางชายฝั่งตอนใต้ของอเมริกาไปจนถึงแถบยุโรป ผู้คนนิยมรับประทานผักใบเขียว เช่น คะน้า กะหล่ำปลีในวันปีใหม่ เนื่องจากสีเขียวของผักนั้นคล้ายกับสีของธนบัตรเงินสดนั่นเอง และมีความเชื่อว่ายิ่งกินผักสีเขียวมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความมั่งคั่งมากขึ้นเท่านั้น! ทั้งยังสุขภาพดีมากขึ้นอีกด้วย

8. ถั่วเลนทิล

ถั่วเลนทิล เป็นอาหารมงคลที่นิยมรับประทานสำหรับวันขึ้นปีใหม่ในประเทศอิตาลี เป็นอาหารยอดนิยมที่เรียกว่า Cotechino con Lenticchie ซึ่งประกอบไปด้วยถั่วเลนทิลสีเขียวกับไส้กรอก เนื่องจากมองว่าถั่วเลนทิลมีลักษณะคล้ายเหรียญ และเมื่อปรุงสุกแล้ว ถั่วเลนทิลจะเต็มไปด้วยน้ำ ซึ่งสื่อถึงความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ ถั่วเลนทิลยังถือว่าเป็นสิ่งนำโชคในประเทศฮังการีอีกด้วย ซึ่งมักจะรับประทานในรูปแบบซุปเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยในวันขึ้นปีใหม่

9. เนื้อหมู

ในบางประเทศอย่างประเทศคิวบา สเปน โปรตุเกส ฮังการี และออสเตรีย หมูเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้า อันเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่า สัตว์ชนิดนี้ไม่เคยขยับถอยหลัง จึงได้นำเอาเมนูจากเนื้อหมูทำเป็นอาหารมงคลด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเคบับหมู หมูย่าง ขนมปังหมูสับ พอร์คช็อป ก็ได้ทั้งหมด

และนี่ก็เป็นอาหารมงคล 9 อย่างจากทั่วโลกที่ในแต่ละประเทศนิยมรับประทานเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเท่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งแต่ละประเทศนั้นก็มีความเชื่อเรื่องอาหารที่ช่วยเสริมความโชคดีหรือทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองต้อนรับปีใหม่อยู่เหมือนกัน และสำหรับบ้านเรา นอกจากปาร์ตี้ชาบูหมูกระทะแล้ว จะลองกินอาหารเมนูจากชาติอื่นๆ เพื่อเสริมความโชคดีให้กับตัวเองก็ได้เหมือนกันนะคะ และถ้าใครมีแผนจะไปสวัสดีปีใหม่ผู้ใหญ่ที่เคารพรัก อย่าลืมเขียนการ์ดด้วยคำอวยพรปีใหม่ผู้ใหญ่ 2566 แนบไปกับของขวัญสวัสดีปีใหม่ให้ผู้ใหญ่ เพื่อให้ได้รับพรเสริมความเป็นศิริมงคลกันถ้วนหน้าด้วยนะ

Inspire Now ! : อาหารมงคลแต่ละชนิดนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาหารท้องถิ่นที่วัตถุดิบสามารถหาได้ง่ายและยังเป็นเป็นอาหารประจำชาติหรือเป็นอาหารที่นิยมรับประทานในช่วงปีใหม่ตามความเชื่อในแต่ละประเทศ นอกจากเทศกาลคริสต์มาสที่จะมีการเตรียมมื้ออาหารกันอย่างยิ่งใหญ่แล้ว เมนูอาหารปีใหม่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วงเวลาปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่สมาชืกในครอบครัวมารวมตัวกันและได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งดีๆ สำหรับการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยเหมือนกัน

DIY INSPIRE NOW เป็นแรงบันดาลใจของฉันใช่ไหม ? ได้รู้จักอาหารที่เสริมมงคล เสริมความโชคดีในหลายๆ ประเทศทั่วโลกแล้ว ถูกใจเมนูไหนกันบ้างคะ แล้วอยากลองชิมเมนูไหนกันบ้าง มาคอมเมนต์บอกกันได้นะ ♡

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : bhg.com, womansday.com

Featured Image Credit : unsplash.com/Rumman Amin