เทคโนโลยี AI คือ ศาสตร์ของการที่ทำให้เครื่องจักรมีความฉลาดเหมือนมนุษย์ หรือ ทำยังไงให้เครื่องจักรสามารถคิดแล้วก็ทำได้เหมือนมนุษย์ แค่นั้นเอง จริงๆ มันย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของ AI ที่มีมาตั้งแต่ประมาณปี 1956 แต่ ตอนนั้น AI ยังไม่ดัง มันยังไม่ได้ฉลาดมาก คนก็เลยยังไม่ได้พูดถึง จริงๆ คอนเซปต์มันก็เริ่มมาจากคนยุคสมัยนั้น เขาเริ่มมีเครื่องจักรใช้แล้ว ส่วนใหญ่อาจจะเป็นเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม แล้วเขาก็คิดขึ้นมาว่า เป็นไปได้ไหมว่าเครื่องจักรจะคิดได้เหมือนมนุษย์ จะฉลาดได้เหมือนมนุษย์ แล้วมันก็มีการสร้างการทดสอบต่อมาว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าหากเรา Interact กับสิ่งๆหนึ่ง เราจะไม่สามารถแยกได้ว่านี่คือเครื่องจักร หรือคน ซึ่งอันนี้คือคอนเซ็ปต์ในการคิดพัฒนา แต่ด้วยในยุคนั้นยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะมาสอน AI ให้ฉลาดขึ้นได้เหมือนทุกวันนี้ มันก็เลยยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หรือ มีคนรู้จักก็เฉพาะกลุ่มเช่น นักวิทยาศาสตร์ หรือพวก Computer Engineering แต่ทุกวันนี้ AI มันใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นก็ทำให้คนทั่วไปรู้จัก เทคโนโลยี AI คืออะไร มากขึ้น
อยากให้อาจารย์ แนะนำการทำงาน ความสำคัญ และแนวโน้มของเทคโนโลยี AI ที่จะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยในยุคปัจจุบัน กับบุคคลทั่วไปที่อาจจะไม่เข้าใจ หรือไม่รู้จัก AI มาก่อนเลย
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เทคโนโลยี AI มีอะไรบ้าง แต่ง่ายๆ เลยใกล้ตัว คือถ้าใครใช้ไอโฟนอยู่ มันจะมี Personal Assistant ที่ชื่อ Siri ที่เราสามารถออกคำสั่ง Siri เปิดเว็บให้หน่อย Siri หาข้อมูลให้หน่อย Siri นั้นคือ AI ที่ทุกคนใช้อยู่ แต่เราอาจจะไม่ได้รู้ว่ามันคือ AI อีกตัวอย่างนึงก็เช่น Chat bot บางบริษัทให้ Add Line OA หรือ การตอบข้อความใน Messenger ของบริษัทที่มีเพจ แล้วให้ลูกค้าติดต่อมาทาง Chat อย่างนั้นก็ใช่ค่ะ คือ เรา Chat ไป แต่เค้าใช้ Chat bot มาคุยกับเราก่อน โดย Chat bot หรือ AI นี้ จะช่วยตอบคำถามง่ายๆ กับเราก่อนแล้วมันจะ process ไปคิดก่อนว่า ควรจะตอบเราว่าอย่างไร แล้วมันก็จะพยายามตอบเราออกมา จากสิ่งที่มันเคยเรียนรู้ว่าคำถามแบบนี้ควรจะตอบแบบนี้ แต่ถ้าตอบกันไม่รู้เรื่อง ถึงจะส่งต่อไปให้คนจริงๆ พนักงานจริงๆ หรืออีกตัวอย่างคือ เวลาเราโทรศัพท์ไปยัง Customer Service แต่ละบริษัท เค้าก็ตั้งชื่อให้ ระบบตอบรับอัตโนมัติ เป็นชื่อน้องคนนั้น น้องคนนี้ แล้วน้องคนนี้ก็จะพูดตามแพทเทิร์นว่า ช่วยบอกดิฉันทีได้ไหมคะว่าต้องการติดต่อเรื่องอะไร แล้วพอเราตอบหรือบอกปัญหาออกไป เค้าก็เหมือนพยายามไปคิดแป๊บนึง แล้วก็พยายามตอบกลับมาว่า อ่อ!!ถ้าโทรศัพท์เสียให้ทำแบบนี้ๆ นะคะ ถ้าสุดท้ายแล้วคุยกันไม่รู้เรื่องเค้าถึงจะถามว่า ต้องการจะคุยกับคนไหม พวกนี้ ก็คือ AI ที่อยู่ในชีวิตประจำวันเรา ณ ปัจจุบันเลยค่ะ
นอกจากนั้นก็มี AI ที่ใช้แปลภาษา เช่น Google Translate เดี๋ยวนี้เค้ามีให้กดอัดเสียงเข้าไป พูดคำว่าอะไร แล้วระบบก็จะพยายาม ประมวลผลเสียงนั้น และแปลกลับมาว่าคำนั้นแปลว่าอะไร หรืออีกตัวอย่างก็คือ Facial Recognition ใน Facebook บางที่เวลาเราลงรูปเรากับรูปเพื่อน มันจะ Tag หน้าเพื่อนให้อัตโนมัติ อันนั้นก็ AI แต่รู้สึกว่า Facebook จะเลิกฟีเจอร์นี้ไปแล้วเพราะมันเหมือนเป็นเรื่อง Invading Privacy หรืออีกตัวอย่างก็พวก Security Camera กล้องวงจรปิด หรือกล้อง CCTV ตามถนนที่ใช้ จะมีการเอามาประมวลผล ว่าภาพที่กล้องถ่ายมาเป็นคนที่ตามหาหรือไม่
อยากให้ช่วยเล่าหรือยกตัวอย่าง ถึง 3 วงการ หรือ ธุรกิจ หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI มากที่สุดในประเทศไทยให้เห็นภาพเพิ่มเติมอีกหน่อย
ไม่อยากไปสรุปว่าอาชีพหนึ่งอาชีพใดโดยเฉพาะ แต่ขอตอบให้เห็นภาพรวมว่างานที่ AI สามารถเข้ามาแทนที่ได้ง่ายที่สุด และจะได้รับผลกระทบก่อนเลย คือ งานที่ค่อนข้าง Routine เป็นกิจวัตรประจำวัน ใช้ความคิดน้อย ไม่ต้องใช้ Human Interaction หรืองานที่ไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ งานประเภทเหล่านี้ไม่ว่าจะอยู่ใน Industry ไหน โดนผลกระทบก่อนแน่นอน พวกสายงานการผลิต เช่น Assembly line การผลิตต่างๆ ที่ Routine ก็สามารถใช้เครื่องจักรทำแทนได้เลย โดยไม่ต้องใช้คน เพราะเป็นการผลิตซ้ำๆ ย้ำๆ หรืองานบริการบางประเภท อย่างเช่น Call Center ที่เราได้คุยกับ Chat bot ก่อน จากที่แต่ก่อนคนจะต้องมาคอยรับโทรศัพท์ทุกครั้ง แต่ตอนนี้ก็ให้ AI มารับและตอบก่อน จนกว่า AI จะตอบไม่ได้ แล้วค่อยส่งต่อไปที่พนักงานที่เป็นคน
เพราะฉะนั้นเทคโนโลยี AI คือสิ่งที่จะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาไปในทุกภาคอุตสาหกรรมแน่นอนค่ะ เพียงแต่ว่ามันจะมาเร็วหรือมาช้า หรือมันมาช่วยตรงไหน ลดการทำงานของคนได้ตรงไหนก่อน หรือ เอาจริงๆ แม้แต่ Industry ที่ต้องใช้ความรู้ ใช้ความคิดมากๆ อย่างคุณหมอเนี่ย ก็ยังมี AI tools บางอย่างที่มาช่วยทุ่นแรงคุณหมอได้ เช่น แต่ก่อนจะดูฟิล์มอะไรบางอย่าง ฟิล์ม MRI หรือดูภาพถ่าย Retina ดวงตาอะไรแบบนั้น อาจจะต้องเป็นคุณหมอมาดูฟิล์มเอง อ่านค่าเองทั้งหมด ตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้ เราสามารถใช้เทคโนโลยี AI ให้ AI อ่านค่า และประมวลผลมาก่อนเบื้องต้น แต่ก็ยังอย่าพึ่งเชื่อ AI 100 เปอร์เซ็นต์นะคะ คือให้ AI ดูมาก่อนได้ แต่ก็ยังต้องให้คุณหมอดูอีกที เพราะ AI อาจจะอ่านค่าไม่ถูกต้องทั้งหมดก็ได้ เทคโนโลยี AI คือสิ่งที่มาช่วยลดทอนงานบ้างอย่างได้ แต่ไม่ทั้งหมด เพราะงานบางอย่างมันยังต้องมีคนอยู่ ที่จะต้องตัดสินใจ ในเรื่องสุดท้ายหรือเรื่องสำคัญ ๆ แต่ AI มันลดแรงงานคนช่วงแรกๆ ได้ ที่เป็นงานที่ยังไม่ยากมาก
อย่างที่เริ่มรู้กันว่า AI จะสามารถทำงานหลายอย่างที่มนุษย์ทำได้และอาจจะทำได้ดีกว่ามนุษย์ด้วย อย่างนี้แล้วคนทั่วไป ควรปรับตัว เรียนรู้ ตั้งรับ หรือ ทำความเข้าใจ AI และใช้ประโยชน์ AI ให้เป็นเมื่อไหร่ อย่างไร
ยังมีแง่มุมไหน หรือ เรื่องไหนของเทคโนโลยี AI อะไรอีกบ้าง ที่ควรรู้และควรระมัดระวังในการใช้งาน
มีเรื่องพูดกันว่า บางครั้ง AI ก็ Bias เพราะอย่างที่บอกเบื้องต้นว่า AI มันเรียนรู้ หรือ สร้างความฉลาดจาก Data ข้อมูลที่ใช้สอนมันเข้าไป บางครั้งข้อมูลที่เคยใช้สอนมัน อาจจะเป็นข้อมูลเก่า ที่เกิดขึ้นในอดีต ที่อาจจะมีความ Bias มีความลำเอียง บางสิ่งบางอย่างอาจจะไม่ถูกต้องอะไรแบบนี้ ทำให้บางครั้ง AI จึงอาจจะไม่ได้มีความถูกต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นในเรื่องสำคัญๆ เราจะปล่อยให้ AI ทำแทนไปเลยไม่ได้ เพราะ AI อาจจะ Make Recommendation แต่สุดท้ายคนหรือมนุษย์ก็ยังอาจจะต้องมาดูว่าสิ่งนั้น Make Sence จริงไหม ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญๆ แล้วมันมีผลต่อคนค่อนข้างเยอะ เราก็อาจจะต้องใช้มนุษย์ตัดสินใจอยู่ดี