Mindfulness คือ อะไร ? ชวนรู้จักศาสตร์แห่งการฝึกสติ เพื่อการมีชีวิตที่ดีขึ้นแบบองค์รวม
Mindfulness คือ อะไร รู้จักการฝึกสติเพื่อบริหารความคิด อารมณ์จิตใจ ให้มีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดีขึ้น ชวนมาเข้าใจ และฝึกไปพร้อมๆ กัน
ถ้าใครรู้จัก Thomas Alva Edison หรือ โทมัส อัลวา เอดิสัน จะรู้ว่า เป็นนักประดิษฐ์ที่สามารถประดิษฐ์หลอดไฟได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลก แม้จะไม่ใช่ผู้ที่คิดค้นประดิษฐ์หลอดไฟเป็นคนแรก แต่เอดิสันเป็นคนที่ปรับปรุงและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์หลอดไฟให้ใช้งานได้สำเร็จในที่สุด ซึ่งเอดิสันบอกว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้ล้มเหลว ข้าพเจ้าแค่ค้นพบหนึ่งหมื่นวิธีที่ไม่ได้ผล” อาจกล่าวได้ว่า เอดิสันเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ และสามารถเริ่มต้นได้ใหม่ทุกครั้ง แม้จะล้มเหลวเป็นหมื่นๆ ครั้งก็ตาม ซึ่งการมีวิธีคิดแบบนี้ เรียกว่า Resilience Mindset หรือวิธีคิดแบบ ล้มแล้วลุก ขึ้นได้เสมอ แม้จะต้องเจอกับความผิดหวัง หรือจะต้องผิดพลาดอีกกี่ครั้งก็ตาม วิธีคิดแบบนี้ จำเป็นมากในยุคปัจจุบัน ที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้งและความไมแน่นอนสามารถเกิดขึ้นอยู่เสมอ มาทำความรู้จักกับ Resilience Mindset กันให้มากขึ้น ผ่านบทความนี้กันค่ะ
หากจะแปลอย่างตรงตัว Resilience แปลว่า ความยืดหยุ่น ความสามารถในการกลับสู่สภาพเดิม หรือความสามารถในการฟื้นตัว หากจะพูดให้เห็นภาพ ก็เปรียบเหมือนกับตุ๊กตาล้มลุกที่โดนผลักให้ล้มลงแล้วก็สามารถลุกขึ้นได้ คนที่มีทักษะ Resilience คือ คนที่มีความยืดหยุ่นในตัวเองสูง ไม่ยึดติดกับความผิดพลาดหรือความล้มเหลวของตนเอง และเป็นคนที่สามารถปรับตัวและฟื้นตัวหลังจากการเผชิญกับความผิดหวัง หรือหลังผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากมาได้ หรือเรียกว่าล้มแล้วลุกได้นั่นเอง
ความยืดหยุ่น เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคและดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ซึ่งคนที่ล้มแล้วสามารถลุกขึ้นได้และไม่จมอยู่กับความทุกข์นาน มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ยึดติดกับความผิดพลาด แม้แต่คนดังระดับโลกอย่าง Nelson Mandela รัฐบุรุษหนึ่งผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ก็ได้กล่าวไว้ว่า “อย่าตัดสินผมจากความสำเร็จ แต่ให้ดูจากจำนวนครั้งที่ผมล้มเหลวและลุกขึ้นมาอีกครั้ง” แสดงให้เห็นว่า ความสามารถในการฟื้นตัวหรือลุกขึ้นได้ใหม่นั้น จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตจริงๆ มาดูกันว่า คนที่มีความยืดหยุ่นจะมีลักษณะอย่างไร และสามารถฝึกทักษะนี้ได้อย่างไรบ้าง
[affegg id=4427]
คนที่มี Resilience Mindset หรือมีวิธีคิดแบบล้มแล้วลุกได้ จะมีลักษณะดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ตาม ทักษะความยืดหยุ่นหรือทัศนคติล้มแล้วลุกได้ เป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับทัศนคติและการมองโลกโดยรวมของคนนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร คนที่มองโลกในแง่บวกและสามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ก็จะมี Resilience Mindset มากกว่าคนที่มองโลกในแง่ลบและมีแนวโน้มว่าจะเครียดง่ายหรือวิตกกังวลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งนี้ ความยืดหยุ่นในตัวบุคคลสามารถเรียนรู้และปรับกันได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ เป็นสำคัญ
การมีวิธีคิดที่ยืดหยุ่นนั้น จะทำให้เราล้มแล้วสามารถลุกขึ้นได้ และเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น มาดูกันว่า สิ่งใดบ้างที่จะทำให้เรามีวิธีคิดแบบ Resilience เป็นคนที่ลุกไหวและไม่หวั่นแม้จะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
การได้รับการสนับสนุนจากผู้คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง คนรัก หรือใครก็ตามที่อยู่รายล้อมรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจ หรือให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ จะทำให้รู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว และมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป เพราะรู้ว่า สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้คนเหล่านี้ได้
การมี Self – Esteem หรือการตระหนักรู้คุณค่าในตัวเอง จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ด้อยค่าตัวเองเมื่อทำผิดพลาดหรือล้มเหลว เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถที่จะแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น และก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปได้ มีการศึกษาพบว่า Resilience และ Self – Esteem นั้น มีความสัมพันธ์กัน
การมีทักษะในการแก้ไขปัญหา จะทำให้มีมุมมองต่อปัญหาในเชิงบวกและเชื่อว่าตัวเองจะแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้ ทักษะการแก้ปัญหาจะทำให้เราวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงประเด็นและลงมือแก้ไขได้อย่างตรงจุด เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จะไม่วิตกกังวลหรือกระวนกระวายมากเกินไป และค้นหาทางออกหรือวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และถ้าหากมี Growth Mindset แปลว่า มีแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาเติบโตของตัวเอง ก็จะมองเห็นข้อดีของปัญหาว่า เป็นบทเรียนของชีวิต และนำมาปรับปรุงพัฒนาแก้ไขตัวเองต่อไป
การควบคุมอารมณ์ และตระหนักรู้ในอารมณ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้เราไม่จมดิ่งอยู่กับความทุกข์มากเกินไป การฝึกตัวเองให้ใจเย็นลง สูดลมหายใจลึกๆ แล้วตั้งสติ จะทำให้เรามองเห็นอะไรได้ชัดเจนมากขึ้นโดยที่ไม่มีอารมณ์มาครอบงำ เช่น มองเห็นว่าความผิดพลาดนี้เกิดจากอะไร และต้องแก้ไขที่ตรงไหน ควรจะทำอย่างไรต่อ เป็นต้น แต่ถ้าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้และพาตัวเองจมดิ่งไปกับความทุกข์ ความเสียใจ ก็จะทำให้เราลุกขึ้นยืนได้ยากมากขึ้น
[affegg id=4428]
คนที่รู้ว่าจะต้องรับมือกับความผิดหวังยังไงให้ตัวเองรู้สึกดีมากขึ้น คือคนที่ล้มแล้วลุกได้ไว เพราะเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับความล้มเหลวหรือความผิดพลาดของตัวเอง หรือไม่จมจ่อมอยู่กับความผิดหวังที่เกิดขึ้น และรู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรให้ตัวเองสามารถลุกขึ้นสู้และก้าวต่อไปข้างหน้าได้ และมีวิธีแก้ไขปัญหาในเชิงบวก กล่าวคือ สามารถแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลจริงโดยที่ไม่วิ่งหนีปัญหาหรือปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังต่อไป
ต้องบอกก่อนว่า การมี Resilience คือความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองหรือการมีความยืดหยุ่นในตัวเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราไม่รู้สึกผิดหวังหรือไม่รู้สึกทุกข์ แต่การมีแนวคิดแบบล้มแล้วลุกขึ้นได้ จะทำให้เรากล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone และเผชิญหน้ากับความท้าทายหรือปัญหาใหม่ๆ โดยที่ไม่กลัวว่าจะผิดหวังหรือทำผิดพลาด แต่เป็นความเชื่อในตัวเองว่า เมื่อเราผิดหวังหรือล้มลง เราจะสามารถยืนหยัดลุกขึ้นสู้ใหม่ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เรามีการเติบโตมากขึ้น และมีการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
การวิจัยพบว่า คนที่มีวิธีคิดแบบยืดหยุ่น จะทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี เช่น เป็นคนมองโลกในแง่ดี มีความนับถือตนเอง มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่ยึดติดกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น และรับรู้ว่าตนเองมีความสามารถและมีศักยภาพ สามารถปรับตัวและฟื้นตัวหลังจากการเผชิญกับความผิดหวัง หรือหลังจากผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากมาได้ และยังเป็นการพัฒนาทักษะในด้านการเผชิญหน้ากับความเครียดหรือความท้าทายในชีวิตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การมี Resilience คือวิธีคิดที่จะต้องค่อยๆ ฝึกฝนตลอดชีวิต ไม่สามารถทำได้ในทันที เพราะเงื่อนไขในชีวิตของแต่ละคนนั้นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เจอ ลักษณะนิสัย การมองโลก หรือทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่างๆ แม้จะฟังดูไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พูดได้ว่า ยิ่งล้มเหลวมากเท่าไหร่ หรือยิ่งผิดหวังมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีจิตใจที่เข้มแข็ง และแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมีวิธีคิดที่ยืดหยุ่นและสามารถล้มแล้วลุกขึ้นได้ไวขนาดไหน ซึ่งความสามารถในการฟื้นตัวหรือฟื้นฟูจิตใจนั้นสามารถเรียนรู้และฝึกฝนกันได้ ผ่านการใช้ชีวิตและมีประสบการณ์ชีวิตนั่นเองค่ะ
[affegg id=4429]
Inspire Now ! : การที่เราล้มแล้วสามารถลุกขึ้นยืนได้ไว ก็จะทำให้เรามีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดเจนคือ สามารถมูฟออนและก้าวต่อไปข้างหน้าได้ โดยที่ไม่จมอยู่กับเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าในวันใดวันหนึ่ง ล้มแล้วยังลุกขึ้นไม่ไหว ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืนตัวเองเลย เพราะการที่เก็บกดความรู้สึกผิดหวังเสียใจเอาไว้ ไม่แสดงออกมา และแสร้งทำเป็นว่าเราเข้มแข็ง สามารถลุกขึ้นยืนได้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร การทำแบบนี้ จะทำให้เราเจ็บปวดและแหลกสลายอยู่ข้างใน และไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นเลย อย่างที่บอกว่า Resilience ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราไม่รู้สึกทุกข์หรือไม่ผิดหวัง แต่เป็นวิธีคิดที่ว่า แม้จะผิดหวังหรือเจอเรื่องราวร้ายๆ ท้ายที่สุดแล้ว เราก็จะลุกขึ้นสู้ได้ในสักวันหนึ่งค่ะ |
---|
DIY INSPIRE NOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? มาเริ่มฝึกให้ตัวเองมี Resilience Mindset จะได้ใช้ชีวิตแบบมีความสุขให้มากขึ้นกันเถอะ! ถึงแม้จะล้มก็ไม่เป็นไร ขอแค่ลุกขึ้นได้ก็พอ แต่ละคนมีวิธีคิดให้ตัวเองลุกขึ้นสู้ยังไง มาคอมเมนต์บอกกันได้นะ ♡
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : eciavic.org.au, everydayhealth.com, betterup.com
Featured Image Credit : freepik.com/jcomp
Mindfulness คือ อะไร รู้จักการฝึกสติเพื่อบริหารความคิด อารมณ์จิตใจ ให้มีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดีขึ้น ชวนมาเข้าใจ และฝึกไปพร้อมๆ กัน
ชวนทุกคนมาเรียนรู้ว่าการ รักตัวเองคือ อะไร มาฝึก และรู้จักความรักที่ดีที่สุดไปกับนักจิตวิทยาการปรึกษา มาเข้าใจตัวเอง และบอกรักตัวเองให้เก่งขึ้นกัน
Gratitude คืออะไร ความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณสิ่งรอบตัวทำให้ชีวิตเราดีขึ้นอย่างไร ชวนรู้จัก และฝึกเป็นหนึ่ง mindset ที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นอย่างยั่งยืนกัน