เวลามีคนมาขอความช่วยเหลือจากเรา หรือขอให้เราช่วยทำบางสิ่งบางอย่างให้ บางครั้งเราก็เต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ก็มีหลายครั้งที่เรารู้สึกลำบากใจ ไม่สะดวกที่จะทำตามคำขอเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกเกรงใจที่จะปฏิเสธ หรือไม่กล้าพูดว่าไม่ ซึ่งการตกลงยอมรับปากทำตามคำขอไป ก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดและเป็นกังวลไม่น้อย ถ้าใครที่มักจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ละก็ ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW เรามีวิธีปฏิเสธคนอย่างนุ่มนวลมาฝากกัน รับรองว่าทำตามได้ และไม่สร้างความลำบากใจให้กับทั้งเขาและเราด้วยค่ะ
เซย์โน ไม่เป็น ทำยังไงดี ? ชวนดู วิธีปฏิเสธคน ที่ไม่ลำบากใจทั้งเขาและเรากัน !
การปฏิเสธคน ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเวลาที่เราไม่อยากทำร้ายความรู้สึกใคร หรือกลัวว่าจะเสียความสัมพันธ์ไป แต่จริงๆ แล้วการปฏิเสธเป็นทักษะที่ทุกคนฝึกได้ ถ้าเราเข้าใจจังหวะ น้ำเสียง และเลือกใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม เราจะสามารถปฏิเสธได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่ทำร้ายใจตัวเอง และไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ มาเรียนรู้วิธีเซย์โนอย่างเป็นธรรมชาติและจริงใจไปด้วยกัน เพราะบางครั้งการ “ปฏิเสธ” อย่างอ่อนโยน ก็คืออีกทางหนึ่งของการเคารพทั้งตัวเองและคนที่เรารักนั่นเอง
หนังสือ แค่กล้าพูดออกไปว่าไม่โอเค
ทำไมเราถึงไม่ค่อยกล้าที่จะปฏิเสธคนอื่นกันนะ ?
Image Credit : pexels.com
ก่อนจะไปดูวิธีปฏิเสธอย่างนุ่มนวล มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมหลายคนถึงรู้สึกติดขัด เวลาต้องพูดคำว่า “ไม่” ไม่ว่าจะเป็นการขอความช่วยเหลือ ขอให้ทำบางอย่างแทน หรือแม้กระทั่งการขอยืมเงิน หลายครั้งเราก็พยายามหาวิธีเลี่ยงหรือปฏิเสธแบบอ้อมๆ จนวุ่นวายไปหมด ลองมาดูกันว่าต้นเหตุของความไม่กล้าปฏิเสธมีอะไรบ้าง
- ไม่อยากทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ : การปฏิเสธอาจทำให้ใครบางคนผิดหวัง เสียใจ หรือรู้สึกไม่ดี และเพราะเราไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของเขา เราจึงเลือกที่จะรับปากไว้ก่อน แม้ในใจจะไม่พร้อมก็ตาม
- ไม่อยากรู้สึกผิดหรือคิดมาก : หลายครั้งหลังจากปฏิเสธไป เรากลับมานั่งโทษตัวเองว่าทำไมถึงไม่ช่วย ทั้งที่จริงๆ แล้วเราไม่มีความพร้อมเลยด้วยซ้ำ ความรู้สึกผิดนี้ทำให้หลายคนเลือกที่จะตอบตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกแย่ที่ตามมา
- คิดว่าตัวเองสามารถรับมือได้ : ถึงแม้จะมีภาระอยู่แล้ว แต่บางคนก็ยังคิดว่า “ช่วยอีกนิดคงไม่เป็นไร” สุดท้ายจึงแบกรับภาระงานหรือความคาดหวังของคนอื่นมากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อตัวเอง
- เป็นคนประเภท People Pleaser : คนที่ชอบทำให้คนอื่นพอใจ มักเอาความต้องการของคนอื่นมาก่อนตัวเอง และยอมทำตามคำขอของคนอื่นเสมอ แม้ในใจจะไม่อยากทำก็ตาม
- กลัวเสียความสัมพันธ์ : การกลัวว่าคนที่เราปฏิเสธจะไม่พอใจ ห่างเหิน หรือมองเราในแง่ลบ ทำให้หลายคนเลือกที่จะยอมตามคำขอ แม้จะขัดกับความต้องการของตัวเองก็ตาม
สาเหตุเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่อยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้ แต่การไม่กล้าปฏิเสธตลอดเวลา ก็อาจทำให้เราเหนื่อยล้าและละเลยตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น มาลองเรียนรู้วิธีปฏิเสธอย่างนุ่มนวลและจริงใจกัน เพื่อดูแลทั้งตัวเองและความสัมพันธ์ไปพร้อมๆ กัน
เริ่มจากทำความเข้าใจตัวเอง เพื่อกล้าที่จะปฏิเสธอย่างมั่นใจ
Image Credit : pexels.com
ก่อนจะไปถึงวิธีการปฏิเสธอย่างนุ่มนวล สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจให้ได้ก่อน คือ “ตัวเราเอง” เพราะถ้าเรายังไม่ชัดเจนว่าความต้องการของตัวเองคืออะไร หรือยังลังเลในใจทุกครั้งที่มีคนร้องขอ เราก็จะยิ่งรู้สึกยากเวลาต้องพูดคำว่า “ไม่” ลองมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันนะคะ
- เราไม่จำเป็นต้องตอบรับทุกเรื่อง : ไม่ใช่ทุกคำขอที่ต้องรีบตอบตกลง เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าสิ่งไหนเหมาะสมกับตัวเอง สิ่งไหนเกินขีดจำกัด และอะไรที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายหรือคุณค่าของเรา
- การปฏิเสธไม่ใช่เรื่องผิด : หลายคนกลัวว่าถ้าปฏิเสธจะถูกมองว่าใจร้าย หรือไม่เอาใจใส่ แต่จริงๆ แล้ว การปฏิเสธอย่างจริงใจและสุภาพ เป็นการแสดงออกถึงความชัดเจน และเป็นการให้เกียรติทั้งตัวเองและคนที่เราต้องปฏิเสธ
- การไม่ปฏิเสธในเวลาที่ควร อาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง : การฝืนรับทุกอย่าง ทั้งที่ตัวเองไม่ไหว อาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อย ล้า และหมดพลังโดยไม่รู้ตัว การดูแลตัวเองให้ดี คือจุดเริ่มต้นของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวเช่นกัน
- เคารพความต้องการของตัวเอง ไม่ได้แปลว่าเห็นแก่ตัว : การฟังเสียงหัวใจตัวเอง และกล้าพูดปฏิเสธในเวลาที่จำเป็น คือการแสดงความเคารพต่อตัวเองอย่างแท้จริง และคนที่เคารพเราจริงๆ จะเข้าใจและยอมรับขอบเขตที่เราวางไว้อย่างสบายใจ
เมื่อเราเริ่มทำความเข้าใจตัวเองได้ชัดเจนมากขึ้น การปฏิเสธก็จะไม่ใช่เรื่องน่าอึดอัดอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลใจตัวเองอย่างนุ่มนวลและมั่นคง
เช็ก วิธีฝึกปฏิเสธยังไง ? ให้จริงใจ และ นุ่มนวล
Image Credit : pexels.com
นี่คือหนึ่งใน Soft Skill คือ มีวิธีการสื่อสารที่ดีและมีทักษะด้านอารมณ์ที่ไม่ว่าใครก็ควรฝึก การปฏิเสธไม่จำเป็นต้องทำให้ใครรู้สึกแย่ ถ้าเรารู้วิธีสื่อสารอย่างเหมาะสม ทั้งน้ำเสียง ท่าที และการเลือกใช้คำพูดที่จริงใจ มาลองฝึกวิธีปฏิเสธอย่างนุ่มนวลไปด้วยกัน
1. พูดตรง แต่สุภาพ
เลือกใช้คำพูดที่ตรงไปตรงมาแต่ยังนุ่มนวล เช่น “ขอบคุณที่คิดถึงเรานะ แต่ครั้งนี้ขออนุญาตปฏิเสธ” หรือ “ตอนนี้ยังไม่สะดวกจริงๆ ต้องขอผ่านก่อน” การพูดชัดเจนจะลดความสับสนและไม่สร้างความคาดหวังผิดๆ
2. ใช้น้ำเสียงและท่าทางที่เป็นมิตร
น้ำเสียงนุ่มๆ รอยยิ้มบางๆ และการสบตาอย่างมั่นใจ สามารถทำให้การปฏิเสธดูอบอุ่น ไม่แข็งกระด้าง และไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา ลองอ่านเรื่องภาษากายที่ทำให้เราเข้าใจฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นได้อีกนะคะ
3. เริ่มต้นด้วยการขอบคุณ
ก่อนปฏิเสธ ควรแสดงความขอบคุณ เช่น “ขอบคุณที่นึกถึงกันนะ” หรือ “ขอบคุณที่ไว้วางใจ” เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี และทำให้อีกฝ่ายรู้สึกได้รับการยอมรับ แม้เราจะไม่ได้ตอบตกลงก็ตาม
4. อธิบายสั้นๆ แต่ไม่ต้องขยายความเยอะ
ถ้าจำเป็นต้องให้เหตุผล ควรอธิบายสั้นๆ กระชับ เช่น “ช่วงนี้มีงานที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่างเลยขออนุญาตไม่รับเพิ่มนะ” เพราะการขยายความเยอะเกินไป อาจทำให้อีกฝ่ายหาช่องทางตื๊อได้ง่ายขึ้น
หนังสือ I Decided to Live as Myself ฉันจะมีชีวิตในแบบของตัวเอง
5. เสนอทางเลือกอื่นอย่างเหมาะสม
หากสามารถช่วยในรูปแบบอื่นได้ เช่น แนะนำคนที่เหมาะสม หรือให้ข้อมูลเบื้องต้น ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดแรงกระแทกของการปฏิเสธ และยังทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราไม่ได้ปัดเขาออกไปเฉยๆ
6. ฝึกปฏิเสธในเรื่องเล็กๆ ก่อน
เริ่มจากสถานการณ์เล็กๆ เช่น ปฏิเสธการซื้อของจากเซลส์ หรือปฏิเสธการนัดหมายที่ไม่สะดวก เพื่อสร้างความคุ้นเคย และค่อยๆ เพิ่มความมั่นใจในสถานการณ์ที่ยากขึ้นเรื่อยๆ
7. ตั้งขอบเขตที่ชัดเจนในใจตัวเอง
รู้ว่าตัวเองโอเคกับอะไร และไม่โอเคกับอะไร เช่น ถ้ามีเวลาว่างแค่ช่วงวันเสาร์ การรับงานเพิ่มวันธรรมดาควรปฏิเสธชัดเจน การมีขอบเขตที่ชัดเจนจะทำให้เรากล้าปฏิเสธโดยไม่รู้สึกผิด
การฝึกปฏิเสธอย่างนุ่มนวลและจริงใจ นอกจากจะไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์แล้ว ยังช่วยให้เรารักษาความสัมพันธ์แบบที่ทั้งสองฝ่ายสบายใจ และเคารพกันและกันมากขึ้นด้วย เห็นด้วยมั้ยคะ ?
ลองดูตัวอย่างประโยคปฏิเสธที่ใช้ได้จริงกัน !
การมีประโยคในใจที่พร้อมใช้งาน จะช่วยให้การปฏิเสธเป็นเรื่องง่ายขึ้น และทำให้เราสื่อสารได้อย่างนุ่มนวลโดยไม่รู้สึกผิด ลองเลือกประโยคที่เหมาะกับสถานการณ์แล้วปรับใช้ดูได้เลย
- ขอบคุณที่ชวนเรานะ แต่ตอนนี้ยังไม่สะดวกจริงๆ ขอผ่านก่อนนะ (ใช้เวลามีคนชวนไปทำกิจกรรม แต่เราไม่สะดวกหรือไม่อยากไป)
- รู้สึกดีมากเลยที่นึกถึงเรา แต่ขออนุญาตปฏิเสธครั้งนี้นะ (ลองใช้เวลามีคนเสนออะไรให้ เช่น ขอให้ช่วยงาน หรือเชิญเข้าร่วมโปรเจกต์)
- ตอนนี้มีภาระหลายอย่างที่ต้องดูแล ขออนุญาตโฟกัสตรงนี้ก่อนนะคะ (ใช้เมื่อต้องปฏิเสธการรับงานเพิ่ม หรืองานอาสาต่างๆ)
- ขอบคุณที่ไว้ใจนะ แต่เราขอไม่รับตรงนี้ดีกว่า อยากให้ได้คนที่เหมาะสมกว่านี้ช่วยมากกว่า (ใช้เมื่อต้องปฏิเสธงานที่ไม่ถนัด หรือไม่พร้อม)
- ขอบคุณนะ แต่เรื่องการเงินเป็นเรื่องที่เราเซนซิทีฟนิดนึง ต้องขอปฏิเสธจริงๆ (ใช้กับการปฏิเสธการขอยืมเงิน หรือการเกี่ยวข้องกับเงินทองที่เราไม่สะดวกใจ)
- น่ารักมากเลยที่คิดถึงกัน แต่ขอพักก่อนนะ ยังไม่สะดวกรับนัดใหม่ช่วงนี้ (ใช้ปฏิเสธนัดเจอ หรือการเข้าสังคมช่วงที่เราอยากพัก)
- ตอนนี้มีหลายอย่างที่ต้องโฟกัส ขออนุญาตดูแลตัวเองก่อนนะ (ใช้ปฏิเสธแบบอบอุ่น โดยเน้นการดูแลตัวเอง ไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าถูกปฏิเสธโดยตรง)
เลือกประโยคที่ฟังดูเป็นตัวเรา และปรับโทนน้ำเสียงให้จริงใจ นุ่มนวล จะทำให้การปฏิเสธฟังดูไม่แข็งกร้าว และยังรักษาความสัมพันธ์ได้อย่างสวยงามด้วย
ถ้าโดนกดดันให้ “รับปาก” อยู่ดี ควรทำยังไงดี ?
Image Credit : pexels.com
บางครั้งแม้เราจะปฏิเสธอย่างสุภาพไปแล้ว แต่บางคนก็ยังพยายามกดดันให้เราตอบตกลงให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยการตื๊อ เกลี้ยกล่อม หรือทำให้รู้สึกผิด เพื่อไม่ให้เราหลุดกลับไปตอบตกลงเพราะเกรงใจ ถ้าใครเจอแบบนั้นลองใช้วิธีเหล่านี้ดูนะคะ
- ยืนยันคำตอบเดิมอย่างมั่นคง : ถ้าอีกฝ่ายยังตื๊อ ให้ยืนยันคำตอบเดิมด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่นิ่ง เช่น “ขออนุญาตยืนยันคำตอบเดิมนะคะ” หรือ “ครั้งนี้ต้องขอไม่รับจริงๆ ค่ะ” การพูดสั้นๆ ตรงประเด็น ช่วยลดช่องว่างในการโดนกดดันต่อ
- อย่าอธิบายเพิ่มโดยไม่จำเป็น : ยิ่งอธิบายเยอะ ยิ่งเปิดช่องให้อีกฝ่ายพยายามโน้มน้าวเราได้ง่ายขึ้น เพราะเขาอาจหยิบเหตุผลของเราไปโต้แย้งได้ ให้พูดสั้น กระชับ และปิดประโยคเลย
- ตั้งขอบเขตด้วยความชัดเจน : ถ้าอีกฝ่ายยังไม่หยุด อาจต้องตั้งขอบเขตอย่างนุ่มนวลแต่ชัดเจน เช่น “ขออนุญาตไม่คุยเรื่องนี้ต่อนะคะ” เพื่อให้เขารับรู้ว่าคำขอของเขากำลังข้ามเส้นความสบายใจของเรา
- อย่าโกรธ แต่ให้ใจแข็ง : การใจเย็นสำคัญมาก อย่าเผลอแสดงอารมณ์หงุดหงิด เพราะจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดโดยไม่จำเป็น แค่ยืนยันอย่างนุ่มนวล แต่หนักแน่น ก็เพียงพอแล้ว
- เตรียมใจรับความไม่พอใจของอีกฝ่าย : ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราปฏิเสธแล้วทุกอย่างจะราบรื่น บางคนอาจไม่พอใจ แต่จำไว้ว่าการตัดสินใจของเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคนอื่น การปกป้องตัวเองในจังหวะที่ควร คือสิ่งที่สำคัญกว่า
อย่าโทษตัวเองเมื่อจำเป็นต้องปฏิเสธ และอย่ากลัวว่าการพูด “ไม่” จะทำให้เราเสียคุณค่าในสายตาใคร เพราะคนที่เข้าใจเราอย่างแท้จริง จะเคารพการตัดสินใจของเรา และนั่นคือความสัมพันธ์ที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ที่สุด
หนังสือ ขอบคุณนะที่พูดแบบนั้น
| Inspire Now ! : การปฏิเสธไม่ได้ทำให้เราเป็นคนไม่ดี และไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์เสมอไป ตรงกันข้าม การกล้าพูด “ไม่” อย่างจริงใจและนุ่มนวล เป็นการแสดงออกถึงการเคารพตัวเอง และให้เกียรติคนอื่นในเวลาเดียวกัน ในชีวิตจริง เราไม่สามารถตอบรับทุกคำขอได้ตลอดเวลา เพราะเราก็มีขอบเขตของพลังใจ พลังงาน และเวลาที่ต้องดูแลเหมือนกัน การปฏิเสธในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับตัวเอง จึงเป็นการปกป้องพื้นที่สำคัญในชีวิต และทำให้เรามีพลังสำหรับสิ่งที่มีคุณค่ากับเราจริงๆ นั่นเอง |
|---|
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? แต่ละคนมีวิธีปฏิเสธคนยังไงบ้าง ? ปกติใช้วิธีแบบไหน มาคอมเมนต์บอกกันบ้างนะคะ ♡