เคยรู้สึกไหมว่าโลกการทำงานที่เราคุ้นเคยกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ? จากการต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน สู่การทำงานจากที่ไหนก็ได้ การประชุมที่เคยต้องเจอหน้ากันกลายเป็นห้องประชุมเสมือนจริงในทันที และในวันนี้ ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ได้กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดในการพลิกโฉมตลาดแรงงาน ธุรกิจต่างๆ เริ่มนำระบบอัตโนมัติ (Automation) และ AI เข้ามาใช้มากขึ้นในงานที่ต้องทำซ้ำๆ และงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมหาศาล ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “อาชีพของเราจะยังอยู่รอดในอนาคตหรือไม่ ?” ในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จึงตั้งใจนำทักษะเพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัวฝึกให้รับกับอาชีพที่ต้องการในอนาคตกันค่ะ
โลกกำลังหมุนเร็วขึ้น อาชีพที่ต้องการในอนาคต ก็เปลี่ยนไป พร้อมแล้วหรือยังที่จะพัฒนาตัวเองไปพร้อมกัน ?
ความเปลี่ยนแปลงเรื่องการงานอาชีพนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่หลายคนคิด ซึ่งรายงานจาก World Economic Forum ที่อ้างอิงข้อมูลจาก Future of Jobs Report 2023 ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าตกใจว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ทักษะถึง 44% ที่แรงงานมีอยู่ในปัจจุบันจะ “ไม่เป็นที่ต้องการ” อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น นายจ้างยังคาดการณ์ว่าจะมีการเลิกจ้างงานถึง 23% ในเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะในธุรกิจที่พึ่งพางานที่ซ้ำซากจำเจอย่างกลุ่ม Supply Chain, การคมนาคม, สื่อ, และความบันเทิง ซึ่งสถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ซึ่งนักวิเคราะห์เรียกว่า “ช่องว่างระหว่างความเชื่อมั่นและความพร้อม” (The Confidence-Readiness Gap) นั่นก็คือ ในขณะที่บริษัทต่างๆ มีความมั่นใจในแผนการพัฒนาทักษะของตนเองเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ค่อยมั่นใจในความพร้อมของพนักงานที่จะปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทัน และการที่ช่องว่างนี้เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าบริษัทหรือพนักงานไม่เห็นความสำคัญของการพัฒนาตัวเอง แต่กำลังบอกเราว่าการเข้าถึงโอกาสในการฝึกอบรมยังไม่ทั่วถึงเพียงพอ เพราะมีแรงงานเพียง 50% เท่านั้นที่เข้าถึงโอกาสในการฝึกอบรมที่จำเป็นได้ทันท่วงที ดังนั้น การเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตจึงไม่ใช่เรื่องที่ฝากไว้กับองค์กรเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลที่สำคัญยิ่ง ผู้ที่เริ่มลงมือเรียนรู้และพัฒนาตัวเองก่อนจะมีแต้มต่อเหนือกว่าอย่างมหาศาล บทความนี้จึงเปรียบเสมือนคู่มือที่จะพาคุณไปสำรวจพิมพ์เขียวของทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต เพื่อให้คุณมองเห็นทิศทางและเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายของอาชีพที่ต้องการในอนาคตที่กำลังจะมาถึง มาเปิดใจ ปรับตัว เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกกันนะคะ
ปรับนิสัยชีวิตยุ่งๆ ให้เป็นระเบียบในพริบตา !
Part 1 : 10 ทักษะที่ต้องมีในอีก 5 ปีข้างหน้า
ในอีก 5 ปีข้างหน้า (หรือช่วงปี 2025-2029) ทักษะที่ตลาดแรงงานในประเทศไทยกำลังต้องการอย่างเร่งด่วนส่วนใหญ่มีความเกี่ยวพันอย่างมากกับเทคโนโลยีและโลกดิจิทัล ซึ่งจากข้อมูลจากสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ระบุว่าอุตสาหกรรมดิจิทัลเป็นหนึ่งในสามอุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานสูงสุดในอนาคตอันใกล้ การพัฒนาทักษะเหล่านี้ในวันนี้จึงเป็นการติดอาวุธที่ตรงจุดและสามารถสร้างโอกาสในอาชีพได้อย่างรวดเร็ว
1. ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล และ AI (Data & AI Literacy)
ทำไมถึงสำคัญ : ข้อมูลคือขุมทรัพย์ใหม่ของทุกธุรกิจ และ AI คือเครื่องมือในการแปลงข้อมูลนั้นให้เป็นประโยชน์ การที่องค์กรต่างๆ กำลังเปลี่ยนไปสู่การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven organization) ทำให้ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นที่ต้องการสูงในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอีคอมเมิร์ซ, การเงิน, และสุขภาพ โดยข้อมูลจาก NXPO คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมดิจิทัลมีความต้องการบุคลากรสูงถึง 87,568 คนในช่วงปี 2025-2029
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) การใช้ภาษาโปรแกรมอย่าง Python และ R (R programming language) เพื่อจัดการและประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก รวมถึงความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการแสดงผลข้อมูล (Data Visualization)
เริ่มฝึกยังไงดี ? : การเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องยาก มีคอร์สออนไลน์มากมายที่เข้าถึงง่าย เช่น Coursera หรือ Google Data Analyticsรวมถึงคอร์สภาษาไทยจาก Chula MOOC และ FutureSkill ก็มีคอร์สเรียน Python & Data Science แบบครบวงจร
2. ความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity)
ทำไมถึงสำคัญ : ยิ่งโลกออนไลน์มากขึ้นเท่าไหร่ ความเสี่ยงทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย องค์กรจึงต้องลงทุนเพื่อสร้างระบบป้องกันภัยที่แข็งแกร่ง และนั่นทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ ที่มุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัย เช่น นักวิเคราะห์ความปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity Analyst) และผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและป้องกันการโจรกรรมข้อมูล (Digital Forensics)
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความสามารถในการป้องกันภัยคุกคาม, การจัดการความเสี่ยง, การเขียนโค้ดเพื่อความปลอดภัย, และความเข้าใจในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เริ่มฝึกยังไงดี ? : มี bootcamp เฉพาะทางด้าน Cybersecurity ในประเทศไทยที่เน้นการฝึกปฏิบัติจริง หรือคอร์สออนไลน์ฟรีจาก Chula MOOC ในหัวข้อ “ความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับทุกคน”
3. ทักษะการทำงานบนคลาวด์ (Cloud Computing)
ทำไมถึงสำคัญ : องค์กรจำนวนมากกำลังย้ายระบบการทำงานและข้อมูลไปสู่ระบบคลาวด์ เช่น AWS, Google Cloud หรือ Azure เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและลดต้นทุนซึ่งทำให้ความรู้ด้าน Cloud Computing เป็นที่ต้องการสูงนั่นเองซึ่งข้อมูลระบุว่าอาชีพอย่าง Cloud Architect กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในประเทศไทย โดยมีค่าตอบแทนเฉลี่ยสูงถึงกว่า 1 ล้านบาทต่อปี
ทักษะย่อยที่ต้องมี : การออกแบบสถาปัตยกรรมระบบคลาวด์, การจัดการระบบ, การวางแผนการสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และการใช้ DevSecOps
เริ่มฝึกยังไงดี ? : มีคอร์สเฉพาะทางที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท IT ยักษ์ใหญ่ หรือ bootcamps ที่มุ่งเน้นการฝึกทักษะ Cloud Computing โดยตรง
4. การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ Full-Stack (Full-Stack Development)
ทำไมถึงสำคัญ : ยังคงเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงในยุคดิจิทัล เพราะทุกธุรกิจต้องมีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ถึง 50,000 คน ทำให้ตำแหน่งนี้มีค่าตอบแทนสูง โดยมีช่วงเงินเดือนที่หลากหลายตั้งแต่ 35,000 บาท สำหรับนักศึกษาจบใหม่ไปจนถึง 150,000 บาทสำหรับผู้มีประสบการณ์
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ครอบคลุมทั้ง Front-end (React, TypeScript) และ Back-end (Node.js) รวมถึงการทำงานร่วมกับฐานข้อมูลและ API
เริ่มฝึกยังไงดี ? : เข้าเรียน Coding Bootcamp หรือคอร์สออนไลน์แบบครบวงจรเป็นทางลัดสู่การเป็น Full-Stack Developer
5. การตลาดดิจิทัล และสร้างคอนเทนต์ (Digital Marketing & Content Creation)
ทำไมถึงสำคัญ : การที่ธุรกิจส่วนใหญ่ย้ายเข้าสู่โลกออนไลน์ทำให้ความต้องการนักการตลาดที่เข้าใจแพลตฟอร์มดิจิทัลสูงขึ้นมาก ดังนั้นอาชีพนักสร้างคอนเทนต์จึงได้รับความนิยมและยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน เพราะทุกธุรกิจต้องการการเล่าเรื่องที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้านั่นเองค่ะ
ทักษะย่อยที่ต้องมี : การทำ SEO (Search Engine Optimization), การทำโฆษณาออนไลน์, การสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดใจ, และการเล่าเรื่องที่เชื่อมโยงกับผู้คน
เริ่มฝึกยังไงดี ? : ศึกษาจากคอร์สออนไลน์ฟรีและเสียเงิน, ลองสร้างเพจหรือเว็บไซต์ของตัวเอง, หรือเริ่มทำคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กำลังเป็นที่นิยม หากใครที่กำลังมองหาที่เรียนอยู่ ลองเข้าไปดูเพิ่มเติมที่ DIYCONTENT เราถนัดเรื่องการทำคอนเทนต์ โดยเฉพาะ SEO Content (อย่างเช่นเว็บ DIYINSPIRENOW ที่คุณกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็เป็นผลงานของเราค่ะ)
Image Credit : canva.com-pro
6. การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และโลจิสติกส์ (Logistics & Supply Chain Management)
ทำไมถึงสำคัญ : การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และความซับซ้อนของเศรษฐกิจโลกทำให้การจัดการโลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญมากขึ้น ข้อมูลจาก NXPO ชี้ว่าอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์มีความต้องการบุคลากรสูงถึง 440,573 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า
ทักษะย่อยที่ต้องมี : การจัดการระบบ, การลดต้นทุน, การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย หรือการออกแบบการจัดส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
7. ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานแบบ Work from Home (WFH Facilitator)
ทำไมถึงสำคัญ : การทำงานแบบไฮบริดและรีโมทกลายเป็นเรื่องปกติตั้งแต่ยุคโควิดเป็นต้นมาดังนั้นองค์กรจึงต้องการผู้เชี่ยวชาญที่สามารถดูแลระบบไอทีและซัพพอร์ตการทำงานจากระยะไกลได้อย่างราบรื่น เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเสถียรและราบรื่นนั่นเอง
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ทักษะด้าน IT Support, การจัดการแพลตฟอร์มการสื่อสาร และการออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานแบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ
8. ทักษะด้าน UX/UI Design
ทำไมถึงสำคัญ : ในยุคที่ทุกธุรกิจต้องมีแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ และประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้คือกุญแจสู่ความสำเร็จ ดังนั้นการสร้างการออกแบบให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายและน่าพึงพอใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นนั่นเองค่ะ
ทักษะย่อยที่ต้องมี : การทำความรู้จักผู้ใช้งาน (ลองอ่านเรื่อง Empathy Map เพื่อทำความรู้จักผู้ใช้งานให้มากขึ้นก่อนออกแบบก็ช่วยได้เยอะเลยนะคะ ), การสร้าง Wireframe, การออกแบบหน้าตา (UI) และการทดสอบระบบ ซึ่งใครกำลังอยากปรับเว็บไซต์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับ User ติดต่อมาที่ DIYCONTENT ได้เลยนะคะ เรายินดีตรวจสุขภาพเว็บ และให้คำปรึกษาฟรีค่ะ
9. ผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางการเงิน (Financial Wellness Coach)
ทำไมถึงสำคัญ : ผู้คนต้องการความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น การให้คำปรึกษาด้านนี้จึงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการวางแผนชีวิตและเกษียณอายุมากขึ้น
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความรู้ด้านการเงินส่วนบุคคล, การวางแผนการลงทุน, และทักษะการสื่อสารเพื่อแนะนำผู้อื่น
10. ผู้เชี่ยวชาญด้าน E-commerce
ทำไมถึงสำคัญ : การค้าปลีกในโลกออนไลน์ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้เกิดความต้องการผู้เชี่ยวชาญที่บริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาด การจัดการสินค้า และการวิเคราะห์ยอดขาย
ทักษะย่อยที่ต้องมี : การจัดการแพลตฟอร์มออนไลน์, การตลาดดิจิทัล, Supply Chain Management หรือการบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลยอดขาย เป็นต้น
เก็บเงินให้ดี มีใช้ในระยะยาว เก็บเงินกับช่องทางที่น่าเชื่อถือกัน !
Part 2 : 10 ทักษะแห่งโลกอนาคต (อีก 10 ปีข้างหน้า) ที่ต้องจับตา
การมองไปข้างหน้าอีก 10 ปี นั้น เราจะเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงที่กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่การปรับปรุงเทคโนโลยีที่มีอยู่ แต่เป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาทั้งหมด และหนึ่งในแนวโน้มที่คิดว่าชัดเจนที่สุดคือการมาถึงของ Green Jobs นั่นเองค่ะ (ลองดูรายชื่องาน Green Jobs เป็นไอเดียเพิ่มเติมได้นะคะ) เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไม่ใช่แค่ปัญหาในอนาคต แต่เป็นความจริงในปัจจุบันที่กำลังพลิกโฉมตลาดแรงงานไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งการเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ได้สร้างเพียงแค่อาชีพใหม่ๆ เช่น วิศวกรพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ยังทำให้ทักษะด้านความยั่งยืนแทรกซึมเข้าไปในแทบทุกสาขาอาชีพที่มีอยู่แล้ว เช่น ผู้จัดการโลจิสติกส์ที่ต้องออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่นักการเงินที่ต้องมีความรู้เรื่อง ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าทักษะด้านความยั่งยืนไม่ได้เป็นแค่ “ความดีงาม” แต่เป็น “ความจำเป็นทางธุรกิจ” ที่จะกำหนดว่าธุรกิจใดจะสามารถเติบโตและดึงดูดนักลงทุนได้ในอนาคต เอาหล่ะ ลองมาดูสกิลที่เราควรฝึกเพื่ออาชีพที่ต้องการในอนาคตสำหรับ 10 ปี ข้างหน้ากันต่อดีกว่าค่ะ
1. ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาด และความยั่งยืน (Green Technology & Sustainability)
ทำไมถึงสำคัญ : โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ดังนั้นอาชีพอย่างเช่น วิศวกรพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Engineer) หรือนักวิเคราะห์ความยั่งยืน (Sustainability Analyst) จึงเป็นที่ต้องการสูงในอนาคตค่ะ
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change), การออกแบบอย่างยั่งยืน และการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2. วิศวกรยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Engineers)
ทำไมถึงสำคัญ : อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกและในไทยกำลังมุ่งสู่ยุค EV อย่างเต็มตัว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต EV ในอนาคต
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความรู้ด้านวิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้า, กลไกยานยนต์ รวมถึงการพัฒนาแบตเตอรี่
3. วิศวกรหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ (Robotics & Automation)
ทำไมถึงสำคัญ : หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะเข้ามาในทุกวงการ ตั้งแต่โรงงานผลิตไปจนถึงการแพทย์ แต่แม้หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่ได้ในบางงาน แต่ในทางปฏิบัติก็ยังต้องการมนุษย์มาออกแบบ สร้าง และบริหารจัดการระบบเหล่านี้อยู่ดี
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความรู้ด้านวิศวกรรมหุ่นยนต์, การเขียนโปรแกรมสำหรับระบบอัตโนมัติ และความเข้าใจในกระบวนการผลิต
4. ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต และ Wellness (Mental Health Professional)
ทำไมถึงสำคัญ : องค์กรให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance และสุขภาพจิตของพนักงานจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาชีพอย่างนักให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตจึงสำคัญไม่แพ้แพทย์เลยหล่ะค่ะ เพราะผู้คนในยุคนี้มีต้องการในการรับมือกับความเครียด และความไม่แน่นอนของโลกที่เปลี่ยนไปมากขึ้นนั่นเอง (ใครอยากฮีลใจ อยากมีความสุขอย่างยั่งยืน แนะนำให้เริ่มจากการยอมรับก่อน และพัฒนาวิธีคิดอย่าง Outward Mindset กันก่อนนะคะ )
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) , การฟังอย่างตั้งใจ และความรู้ด้านจิตวิทยา (ใครกำลังหาคอนเทนต์พัฒนาวิธีคิด, จิตใจอื่นๆ เข้ามาฮีลใจได้ที่ Tiktok ของ DIYINSPIRENOW ได้เลยค่ะ)
5. นักออกแบบการเรียนรู้ (Learning Designer)
ทำไมถึงสำคัญ : เมื่อทักษะเก่าล้าสมัย องค์กรและบุคคลจึงต้องการ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต ” มากขึ้น อาชีพนี้มีหน้าที่ออกแบบหลักสูตรที่ช่วยให้คนเปลี่ยนสายงานหรือเพิ่มทักษะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเองค่ะ
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้, การออกแบบหลักสูตร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการศึกษา (Edtech)
Image Credit : canva.com-pro
6. ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology Specialist)
ทำไมถึงสำคัญ : Sam Altman ผู้เป็น CEO ของ OpenAI คาดการณ์ว่าการสำรวจอวกาศจะกลายเป็นอาชีพที่ทำเงินสูงสำหรับบัณฑิตในปี 2035 เขาเชื่อว่า AI จะช่วยลดความซับซ้อนของงาน ทำให้ไม่จำเป็นต้องเป็นนักบินอวกาศเท่านั้นที่ทำงานในวงการนี้ได้ แต่รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ เช่น วิศวกรการออกแบบยานอวกาศ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ในอวกาศด้วย
ทักษะย่อยที่ต้องมี : วิศวกรรมการบินและอวกาศ, วิทยาการหุ่นยนต์ และการจัดการโครงการขนาดใหญ่
7. ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI & Ethics
ทำไมถึงสำคัญ : ถึงแม้ AI จะฉลาดขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องความลำเอียง (Bias) ที่อาจเกิดขึ้นจากข้อมูลที่ใช้ฝึกสอน และการขาดสามัญสำนึก ดังนั้นองค์กรจึงต้องการผู้เชี่ยวชาญที่สามารถดูแลให้การใช้ AI เป็นไปอย่างปลอดภัย และถูกต้องตามหลักจริยธรรมมากขึ้น
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความเข้าใจใน AI และ Machine Learning, ความรู้ด้านจริยธรรม และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
8. ผู้เชี่ยวชาญด้าน Gig Economy
ทำไมถึงสำคัญ : รูปแบบการทำงานแบบฟรีแลนซ์ และรับงานเป็นโปรเจกต์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Multi-Gig Economy ) ทำให้งานเต็มเวลาลดลง ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จะช่วยให้องค์กรและคนทำงานสามารถปรับตัวกับรูปแบบการจ้างงานที่ยืดหยุ่นนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความยืดหยุ่นในการทำงาน, ทักษะผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Mindset) และความสามารถในการทำงานข้ามอุตสาหกรรม
9. ผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Privacy & Governance
ทำไมถึงสำคัญ : เมื่อข้อมูลกลายเป็นสิ่งสำคัญ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลองค์กรจึงจำเป็นมากขึ้น อาชีพนี้จะเข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยเฉพาะในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันหมด
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความเข้าใจในกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล, การจัดการความเสี่ยง และระบบความปลอดภัยของข้อมูล
10. นักชีวสารสนเทศศาสตร์ (Bioinformatics)
ทำไมถึงสำคัญ : อาชีพนี้เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และวิทยาการข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางชีวภาพจำนวนมหาศาล ซึ่งมีความสำคัญในอุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในการรักษาและป้องกันโรค
ทักษะย่อยที่ต้องมี : ความรู้ด้านชีววิทยา, วิทยาการคอมพิวเตอร์ และการวิเคราะห์ข้อมูล
หนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก
Part 3 : ทักษะอมตะที่ AI ก็ทำแทนไม่ได้ (ไม่ว่าจะกี่ปีก็ยังจำเป็น)
หากว่า Part 1 และ Part 2 เป็นเรื่องของ “ทักษะงาน” ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย Part ที่ 3 นี้ก็คือหัวใจสำคัญของการอยู่รอดอย่างยั่งยืน นั่นคือ “ทักษะมนุษย์” ที่ไม่มีวันตาย ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกลแค่ไหนก็ตามค่ะ
ซึ่งการวิเคราะห์หลายฉบับชี้ตรงกันว่า AI ทำงานที่ต้องอาศัยการคิดคำนวณและทำซ้ำๆ ได้ดีกว่ามนุษย์ แต่กลับไม่สามารถทดแทนทักษะที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์, สามัญสำนึก, และความฉลาดทางอารมณ์ได้เลย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้คุณค่าของแรงงานในอนาคตไม่ได้อยู่ที่ “ความสามารถในการทำตามคำสั่ง” แต่อยู่ที่ “ความสามารถในการตั้งคำถาม” และ “ความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่” ที่เครื่องจักรคิดไม่ได้
นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบว่าทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence: EQ) คือตัวทำนายประสิทธิภาพการทำงานที่แข็งแกร่งที่สุด จากการศึกษาผู้ที่มี EQ สูงถึง 90% เป็นกลุ่มนักแสดงชั้นนำ และยังพบว่าคนที่มี EQ สูงมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 29,000 เหรียญสหรัฐต่อปีเมื่อเทียบกับคนที่มี EQ ต่ำ ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นว่าทักษะเหล่านี้คือ “ทักษะแกนกลาง” ที่จะกำหนดความสำเร็จในทุกอาชีพในอนาคต ทำให้คนที่มีทักษะเหล่านี้มีความได้เปรียบมากกว่านั่นเอง มาดูกันค่ะว่าเราจะพัฒนาทักษะอะไรให้เหมาะกับอาชีพที่ต้องการในอนาคตแบบยั่งยืนกันบ้าง
1. การคิดเชิงวิพากษ์และแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน (Critical Thinking & Complex Problem-Solving)
ความสำคัญ : ทักษะนี้เป็นความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ, แจกแจงปัญหา และหาทางออกที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งแม้ AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้ แต่การตั้งคำถามและแก้ปัญหาที่ซับซ้อนอย่างรอบด้านต้องอาศัยมนุษย์ที่มีความสามารถในการคิดวิพากษ์
วิธีฝึกฝน : ฝึกตั้งคำถามกับข้อมูลที่ได้รับ และมองหาความเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบต่างๆ เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุและผลกระทบที่แท้จริง
2. ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity & Innovation)
ความสำคัญ : การคิดนอกกรอบและสร้างไอเดียใหม่ๆ คือสิ่งที่ AI ยังทำแทนไม่ได้ ซึ่งในยุคที่ข้อมูลมีอยู่ทั่วไปแบบยุคของเรานั้น การนำข้อมูลมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างจึงเป็นแต้มต่อสำคัญ
วิธีฝึกฝน : พยายามมองหามุมมองใหม่ๆ อยู่เสมอ และเปิดรับการเปลี่ยนแปลงพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
3. ความฉลาดทางอารมณ์และ Empathy (Emotional Intelligence & Empathy)
ความสำคัญ : ความสามารถในการเข้าใจ จัดการอารมณ์ของตนเอง และผู้อื่นนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้น และนำไปสู่ความสำเร็จในการทำงานและการใช้ชีวิตได้มากขึ้น
วิธีฝึกฝน : ฝึกฝนการฟังอย่างตั้งใจ , พยายามมองโลกในมุมของคนอื่น และเรียนรู้ที่จะจัดการอารมณ์ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง
Image Credit : canva.com-pro
4. การสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่น (Communication & Collaboration)
ความสำคัญ : การทำงานเป็นทีม, การสื่อสารที่ชัดเจนทั้งการพูดและเขียน และการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจะยิ่งสำคัญขึ้นในยุคที่การทำงานแบบรีโมทและแบบโปรเจกต์เติบโจมากขึ้น
วิธีฝึกฝน : ฝึกการมีส่วนร่วมในโปรเจกต์แบบกลุ่ม, ฝึกการสื่อสารผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม และเรียนรู้ที่จะให้และรับข้อเสนอแนะ หรือฟีดแบคอย่างสร้างสรรค์
5. ทักษะความเป็นผู้นำ และสร้างแรงบันดาลใจ (Leadership & Social Influence)
ความสำคัญ : ผู้นำในอนาคตไม่ได้หมายถึงการบริหารจัดการงานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีวิสัยทัศน์, กล้าท้าทายสิ่งใหม่ๆ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมได้ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนก็ตาม
วิธีฝึกฝน : ลองรับบทบาทผู้นำในโปรเจกต์เล็กๆ หรือฝึกทักษะการโน้มน้าวและเจรจาต่อรอง
6. การปรับตัว และเรียนรู้ตลอดชีวิต (Adaptability & Lifelong Learning)
ความสำคัญ : เมื่อเทคโนโลยีและตลาดงานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการปรับตัวให้ยืดหยุ่นและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลาจึงเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ตามก็มักจะสนับสนุนเรื่อง Lifelong Learning หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต เห็นด้วยมั้ยคะ ?
วิธีฝึกฝน : เปิดรับการเปลี่ยนแปลง, ลองเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ จากคอร์สออนไลน์ และไม่กลัวที่จะก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซน
เส้นทางสู่การเป็น ‘Future-Ready’ อยู่ที่การลงมือทำตั้งแต่วันนี้ !
โลกของการทำงานในอนาคตคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่าง “เทคโนโลยี” และ “ความเป็นมนุษย์” ดังนั้นทักษะ Hard Skills จะเป็นประตูที่พาเราเข้าสู่อาชีพแห่งอนาคต แต่ Soft Skills จะเป็นพลังที่ทำให้เราอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะ soft skills คือแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ที่ AI ไม่อาจเลียนแบบ หรือเลียนแบบได้ยากนั่นเอง ซึ่งการเตรียมพร้อมไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะคะ แค่เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การลองเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี หรือการฝึกฝนทักษะ Soft Skills ในชีวิตประจำวัน (แวะมาที่ DIYINSPIRENOW ก็ได้) ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสายอาชีพไหน หรืออายุเท่าไหร่ การลงทุนในตัวเองด้วยการพัฒนาทักษะเหล่านี้คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุดแล้วหล่ะค่ะ
หากคุณพร้อมที่จะเริ่มต้นสร้าง “เส้นทางอาชีพ” ของตัวเองแล้ว ลองใช้ตารางสรุปนี้เป็นแผนที่นำทาง แล้วเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ไปด้วยกันเพื่ออาชีพที่ต้องการในอนาคตที่เรียกว่าตอบโจทย์เรามากที่สุดกันนะคะ
ประเภททักษะ
ทักษะที่จำเป็น
สำหรับอนาคต
ความสำคัญโดยย่อ
วิธีเริ่มต้น
Hard Skills
ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลและ AI
5 ปี
ข้อมูลคือขุมทรัพย์ใหม่ ทุกธุรกิจต้องการคนวิเคราะห์ข้อมูล
เรียนคอร์สออนไลน์จาก Coursera, Google Analytics หรือ Chula MOOC
ความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์
5 ปี
การที่ทุกอย่างออนไลน์ทำให้ความเสี่ยงทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น
เข้าคอร์ส Bootcamp หรืออบรมเฉพาะทาง
ทักษะการทำงานบนคลาวด์
5 ปี
องค์กรกำลังย้ายระบบสู่คลาวด์ ทำให้ตำแหน่งงานมีความต้องการสูง
ฝึกฝนกับแพลตฟอร์มคลาวด์ เช่น AWS, Google Cloud
การพัฒนาซอฟต์แวร์ Full-Stack
5 ปี
ทุกธุรกิจต้องมีแอปพลิเคชัน ทำให้ขาดแคลนบุคลากรด้านนี้สูง
เข้าเรียน Coding Bootcamp หรือคอร์สออนไลน์
การตลาดดิจิทัลและสร้างคอนเทนต์
5 ปี
การที่ธุรกิจเข้าสู่โลกออนไลน์ทำให้การตลาดดิจิทัลจำเป็นยิ่งขึ้น
ลองสร้างเพจหรือเว็บไซต์ของตัวเอง, เรียนคอร์สออนไลน์
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำและโลจิสติกส์
5 ปี
การเติบโตของ E-commerce ทำให้ความต้องการบุคลากรเพิ่มสูงที่สุด
ศึกษาจากหลักสูตรที่เกี่ยวข้องในสถาบันการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญด้าน Work from Home
5 ปี
การทำงานแบบรีโมทและไฮบริดกลายเป็นเรื่องปกติ
ศึกษาแพลตฟอร์มการทำงานระยะไกล และฝึกทักษะ IT support
ทักษะด้าน UX/UI Design
5 ปี
ประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้คือกุญแจสู่ความสำเร็จของแอปและเว็บไซต์
ศึกษาหลักการออกแบบและทดลองสร้าง Wireframe
ผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางการเงิน
5 ปี
ผู้คนต้องการความมั่นคงทางการเงินในยุคที่ทุกอย่างไม่แน่นอน
ศึกษาการเงินส่วนบุคคลและลองให้คำแนะนำคนใกล้ตัว
ผู้เชี่ยวชาญด้าน E-commerce
5 ปี
การค้าปลีกออนไลน์ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ศึกษาแพลตฟอร์ม E-commerce และการตลาดออนไลน์
ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน
10 ปี
โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว
ศึกษาความรู้ด้าน Climate Change และ Renewable Energy
วิศวกรยานยนต์ไฟฟ้า
10 ปี
อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกมุ่งสู่ยุค EV เต็มตัว
ศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
วิศวกรหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
10 ปี
หุ่นยนต์จะเข้ามาในทุกวงการ แต่ยังต้องการคนมาบริหารจัดการ
ศึกษาด้านวิศวกรรมหุ่นยนต์และเขียนโปรแกรมสำหรับระบบอัตโนมัติ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
10 ปี
สุขภาพจิตของพนักงานจะสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
ศึกษาด้านจิตวิทยาและฝึกทักษะ Empathy
นักออกแบบการเรียนรู้
10 ปี
เมื่อทักษะล้าสมัยเร็ว การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) จะจำเป็น
ศึกษาการออกแบบหลักสูตรและเทคโนโลยีการศึกษา
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอวกาศ
10 ปี
การสำรวจอวกาศจะกลายเป็นอาชีพที่ทำเงินสูงในอนาคต
ศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมการบินและอวกาศ
ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI & Ethics
10 ปี
เพื่อดูแลให้การใช้ AI เป็นไปอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามหลักจริยธรรม
ศึกษาความรู้พื้นฐานด้าน AI และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ผู้เชี่ยวชาญด้าน Gig Economy
10 ปี
รูปแบบการทำงานจะยืดหยุ่นมากขึ้น การทำงานประจำจะลดลง
ฝึกฝนทักษะผู้ประกอบการและเรียนรู้การทำงานแบบฟรีแลนซ์
ผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Privacy
10 ปี
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลองค์กรจะจำเป็นมากขึ้น
ศึกษาเรื่องกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลและระบบความปลอดภัยของข้อมูล
นักชีวสารสนเทศศาสตร์
10 ปี
เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางชีวภาพจำนวนมหาศาลสำหรับนวัตกรรมการแพทย์
ศึกษาการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ชีวภาพและวิทยาการข้อมูล
Soft Skills
การคิดเชิงวิพากษ์และแก้ไขปัญหา
อมตะ
AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลได้ แต่การตั้งคำถามและแก้ปัญหาที่ซับซ้อนต้องใช้มนุษย์
ฝึกตั้งคำถามกับข้อมูลและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
อมตะ
เป็นสิ่งที่ AI ยังทำแทนไม่ได้
พยายามมองหามุมมองใหม่ๆ อยู่เสมอ
ความฉลาดทางอารมณ์และ Empathy
อมตะ
เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จและความสัมพันธ์ที่ดี
ฝึกการฟังอย่างตั้งใจและมองโลกในมุมของคนอื่น
การสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่น
อมตะ
การทำงานเป็นทีมจะสำคัญยิ่งขึ้นในยุคที่ทำงานแบบรีโมท
มีส่วนร่วมในโปรเจกต์กลุ่มและฝึกสื่อสารให้ชัดเจน
ทักษะความเป็นผู้นำและสร้างแรงบันดาลใจ
อมตะ
ผู้นำในอนาคตต้องมีวิสัยทัศน์และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมได้
ลองรับบทบาทผู้นำในโปรเจกต์เล็กๆ
การปรับตัวและเรียนรู้ตลอดชีวิต
อมตะ
เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว ความสามารถในการเรียนรู้จึงขาดไม่ได้
เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
อุดหนุน ปฏิทิน Planner ของ DIYINSPIRENOW คลิกซื้อเลย !
Inspire Now ! : Hard Skills เป็นเรื่องที่สำคัญของคนทำงาน แต่ Soft Skills เป็นทักษะที่ควรฝึกฝน เพราะสามารถปรับใช้ได้ทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการใช้ชีวิต หากว่าคุณต้องการที่จะมีความสุขในชีวิตแบบยั่งยืน การเรียนรู้ เข้าใจ และฝึกฝน Soft Skills และฝึกการดูแลจิตใจในทุกวันนั้นก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะทักษะนี้ไม่มีศูนย์เปล่า สามารถใช้ได้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเลยหล่ะค่ะ
DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? ใครมีวิธีการฝึกพัฒนาตัวเองเพื่อให้ตอบรับกับอาชีพที่ต้องการในอนาคตของแต่ละองค์กรแบบไหนกันบ้าง มาคอมเมนต์แบ่งปันกันบ้างนะคะ ♡