perfectionism คือ, perfectionist คือ

Perfectionism คือ อะไร ? ไม่ดีจริงมั้ย ? ทำยังไง ไม่ให้ติดกำดักความสมบูรณ์แบบ ?!

ไม่ว่าใครก็ต้องการเป็นคนที่ทำงานเก่ง ทำงานออกมามีคุณภาพ และมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด หรือพยายามที่จะจัดการทุกอย่างในชีวิตให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่มุ่งมั่นพยายามทำให้ทุกอย่างให้ออกมาดีเลิศ และไม่ใช่แค่ดีเลิศเท่านั้น แต่จะต้องใกล้เคียงกับ “ความสมบูรณ์แบบ” มากที่สุด เรากำลังพูดถึงคนที่มีความเป็น Perfectionism คือ คนที่นิยมในความสมบูรณ์แบบนั่นเอง และในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะมานำเสนอเรื่องของความคลั่งไคล้ในความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการทำงาน หรือในชีวิตส่วนตัวก็ตาม ใครอยากจะรู้ว่าการติดกับดักของความสมบูรณ์แบบแล้วจะเป็นยังไง เราลองไปทำความเข้าใจกันค่ะ

รู้จัก Perfectionism คือ อะไร ? ฉันกำลังเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า ?!

perfectionism คือ, perfectionist คือ
Image Credit : freepik.com

แม้คำว่า Perfectionist หรือการเป็น Perfectionism จะมีมานาน และหลายคนก็ทราบแล้วว่าคืออะไร แต่ในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนมักจะต้องแข่งขันกันในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการทำงาน หรือรูปแบบการใช้ชีวิตที่มีสื่อโซเชียลเป็นตัวตัดสินผ่านยอดไลก์ ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบกันในทุกๆ ด้าน และมุ่งมั่นที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นเรื่อยๆ เก่งขึ้นเรื่อยๆ ได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ แม้มันจะเป็นการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นก็จริง แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ก่อให้เกิดความเครียดความกดดันในจิตใจ ซึ่งถ้าหากมุ่งมั่นที่จะสมบูรณ์แบบมากเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดความทุกข์ได้เช่นกัน

หนังสือ แค่กล้าพูดออกไปว่า “ไม่โอเค”

อะไรคือ Perfectionism ?

Perfectionism คือ ผู้ที่นิยมในความสมบรูณ์แบบ หรือต้องการจะบรรลุถึงความดีเลิศในอุดมคติ ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างไร้ที่ติ ไร้ข้อผิดพลาด และไม่ยอมรับข้อผิดพลาดใดๆ ที่เกิดขึ้นอันนอกเหนือไปจากกฎเกณฑ์มาตรฐานที่ตนได้ตั้งไว้ เช่น ทำงานก็ต้องละเอียดที่สุด เป๊ะที่สุด เนี้ยบที่สุด อยู่ในกรอบความดีเลิศที่ตัวเองกำหนดทุกประการ ทำงานหนัก มุ่งมั่นทุ่มเท ใส่ใจรายละเอียดทุกจุด เพื่อที่จะให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ซึ่งการเป็น Perfectionism ถูกมองว่าเป็นคุณลักษณะที่ดีที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ หรือบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในแง่การทำงาน ผู้ที่เป็น Perfectionist คือคนที่ทำงานดีมาก และได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพสูงมาก แต่ในอีกแง่หนึ่ง ความรักในการสมบูรณ์แบบนั้น บางครั้งก็นำไปสู่ความคิดและพฤติกรรมที่มุ่งมั่นเอาชนะตัวเองหรือทำให้ดีกว่ามาตรฐานตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้ก่อให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล ทำให้เกิดความกดดันอย่างหนักหน่วง และอาจบั่นทอนความสุขในชีวิตได้

ทำไมต้องสมบูรณ์แบบไปเสียหมด ? ชวนรู้สาเหตุของการเป็น Perfectionism

perfectionism คือ, perfectionist คือ
Image Credit : freepik.com

อย่างที่ทราบกันว่า ชาว Perfectionist คือผู้ที่รักในความสมบูรณ์แบบ มาตรฐานสูง และดูเป็นคนเก่งไร้ที่ติในสายตาคนรอบข้าง แท้จริงแล้ว ถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ทั้งกลัวการถูกตัดสิน กลัวไม่ดีพอ กลัวว่าจะไม่ถูกยอมรับจากที่ทำงาน จากครอบครัว หรือจากสังคม กลัวการถูกปฏิเสธ กลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือทำให้อับอาย กลัวว่าตัวเองจะผิดพลาด เนื่องจากมักยึดติดกับความผิดพลาดในอดีต เป็นสิ่งที่ฝังใจ จึงมักพยายามหลีกเลี่ยงความผิดพลาดทั้งหมด อีกทั้งลึกๆ แล้ว อาจเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองหรือมี Self – doubt คือสงสัยและไม่แน่ใจในความสามารถของตัวเอง สงสัยว่าตัวเองดีพอหรือไม่ มีคุณค่าหรือไม่ และมักจะวัดคุณค่าในตัวเองจากความสำเร็จในงานหรือสิ่งที่ตั้งเป้าเอาไว้ ทำให้เป็นแรงขับที่จะต้องทำอะไรสมบูรณ์แบบไร้ที่ติไปเสียหมดนั่นเอง ลองมาทำความเข้าใจสาเหตุให้มากขึ้นกันต่อค่ะ

  1. การเลี้ยงดูในวัยเด็ก : พ่อแม่ที่มีความคาดหวังสูงหรือวิพากษ์วิจารณ์บ่อย ทำให้เด็กพัฒนานิสัยต้องทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบเพื่อได้รับการยอมรับ
  2. ประสบการณ์ในโรงเรียน : ระบบการศึกษาที่เน้นการแข่งขัน และผลการเรียนสูง ส่งเสริมให้นักเรียนพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเสมอ
  3. บุคลิกภาพ และพันธุกรรม : บางคนอาจมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล หรือมีบุคลิกภาพที่ชอบควบคุมสถานการณ์
  4. สังคมและวัฒนธรรม : ค่านิยมสังคมและสื่อที่เน้นความสำเร็จและภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ กดดันให้คนพยายามทำตามมาตรฐานนั้น
  5. ประสบการณ์ชีวิตที่ท้าทาย : การเผชิญกับความล้มเหลวหรือการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง อาจทำให้บางคนพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์เพื่อหลีกเลี่ยงประสบการณ์เหล่านั้น
  6. กลไกการป้องกันตัว : การใช้ความสมบูรณ์แบบเป็นเกราะป้องกันตัวเองจากการถูกวิจารณ์หรือเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตนเอง
  7. โรคทางจิตเวช : Perfectionism อาจเป็นส่วนหนึ่งของอาการของโรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือโรคย้ำคิดย้ำทำ
  8. การเรียนรู้ทางสังคม : การเลียนแบบพฤติกรรมของคนรอบข้างที่มีลักษณะ perfectionism ทำให้พัฒนานิสัยนี้ขึ้นมาได้เหมือนกัน

ประเภทของ Perfectionism มีอะไรบ้าง ?

perfectionism คือ, perfectionist คือ
Image Credit : freepik.com

ผู้ที่มีความเป็น  Perfectionism สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ

1. Self – Oriented Perfectionism

จะเป็นกลุ่ม Perfectionism ที่ตั้งมาตรฐานความสมบูรณ์แบบให้กับตัวเอง และคาดหวังว่าตัวเองจะต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด สมบูรณ์แบบมากที่สุด เป๊ะปังอลังการที่สุด แต่เป็นการตั้งมาตรฐานเงียบๆ กับตัวเอง ไม่ได้ใช้ความสมบูรณ์แบบไปกดดันคนอื่นให้ทำตามมาตรฐานของตัวเอง

2. Socially Prescribed Perfectionism

เป็นกลุ่มที่เชื่อว่า ถ้าตัวเองเป็นคนที่สมบูรณ์แบบตามความคาดหวังของคนรอบข้าง จะได้รับการยอมรับ จึงพยายามทำให้ตัวเองมีความเป็น Perfectionist มากที่สุด

3. Other – Oriented Perfectionism

คือคนที่ทำตัวเป็นไม้บรรทัด ตั้งมาตรฐานให้กับคนอื่นๆ ว่าจะต้องเป็นอย่างไร และคาดหวังว่าคนรอบข้างจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนี้จะทำให้คนรอบข้างรู้สึกเครียดและถูกกดดัน และมีปัญหาด้านความสัมพันธ์ได้

หนังสือ อย่าเป็นคนเก่งที่คุยไม่เป็น

สัญญาณที่บ่งบอกว่า เราคือ Perfectionism คืออะไร ?

perfectionism คือ, perfectionist คือ
Image Credit : freepik.com

มาดูกันค่ะว่า ลักษณะของคนที่เป็น Perfectionism คือคนที่เป็บแบบไหน จะได้สังเกตตัวเอง หรือสังเกตคนรอบข้างไปด้วยว่า เป็นผู้ที่รักความสมบูรณ์แบบอยู่หรือเปล่า

  1. ไม่มีที่ให้ความผิดพลาด ไม่ยอมให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น จะต้องเข้าไปแก้ไขในทันที 
  2. เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว มีมาตรฐานที่ชัดเจน จนทำให้ในหลายๆ ครั้งเพื่อนร่วมงานไม่สามารถทำงานร่วมกับคุณได้เนื่องจากคุณไม่พอใจที่เพื่อนร่วมงานไม่ทำงานตามแนวทางหรือตามมาตรฐานของตัวคุณเอง และเป็นเรื่องที่ยากมากในการหาเพื่อนร่วมงานที่สามารถทำงานด้วยกันได้ 
  3. มักจะมองเห็นข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่คนอื่นมองไม่เห็นอยู่เสมอ แม้จะแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่มีความละเอียดรอบคอบมาก แต่อาจถูกมองว่าเป็นพวกชอบจับผิดได้เช่นกัน
  4. Perfectionism คือคนที่ไม่มีตรงกลาง ถ้าจะทำอะไรสักอย่าง จะต้องทำให้ดีที่สุด หรือไม่ก็ไม่ทำเลย
  5. ให้ความสำคัญกับผลสำเร็จเป็นหลัก โดยที่ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง หรือจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ขอแค่บรรลุสิ่งที่ต้องการก็เท่านั้น แม้ว่าจะต้องอดหลับอดนอน ไม่มีเวลาส่วนตัว หรือต้องละเลยสุขภาพ เพียงเพื่อให้งานหรือสิ่งที่ทำอยู่ออกมาเพอร์เฟกต์มากที่สุด
  6. เข้มงวดกับตัวเองมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอะไรผิดพลาด จะกล่าวโทษตัวเองหรือเฆี่ยนตีตัวเองอยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะเป็นความผิดของตัวเองจริงๆ หรือไม่ก็ตาม และจะจมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดจากความผิดพลาดเป็นเวลานาน
  7. คนที่เป็น Perfectionism คือคนที่มีมาตรฐานสูงมาก ตั้งเป้าหมายสูง และบางครั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ก็ทำให้เครียดไม่รู้จบ และทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจจนแทบจะสิ้นชีพ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น 
  8. ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ไม่เคยพอสำหรับคุณ แม้ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม จะต้องตั้งเป้าให้สูงกว่าเดิมอยู่เสมอ เช่น ถ้าทำได้ 100% คราวหน้าต้องทำให้ได้ 200% และถ้าทำได้ 200% แล้ว ครั้งต่อไปต้อง 400% อะไรแบบนี้ และจะรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่ค่อยพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่และต้องการเห็นสิ่งต่างๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
  9. มักจะผัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งเป็นนิสัยหนึ่งของชาว Perfectionist คือการประวิงเวลาหรือผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ เพื่อทำบางสิ่งในเวลาที่ “ถูกต้อง” หรือเมื่อพร้อมเท่านั้น กล่าวคือ พร้อมที่จะส่งมอบงานคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับหัวหน้างาน แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ต้องการให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด ก็เลยไม่ลงมือทำเสียที แล้วผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ นั่นเอง

ถ้าใครเช็กถูกทุกข้อ หรือเช็กถูกเกินครึ่ง นั่นแปลว่าคุณอาจเป็น Perfectionism หรือผู้ที่นิยมความสมบูรณ์แบบอยู่ก็ได้ค่ะ จริงๆ แล้วความสมบูรณ์แบบก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีเสมอไป ตราบใดที่ใช้คุณสมบัติข้อนี้ของตัวเองอย่างเหมาะสม และทำไปเพื่อให้ผลงานออกมาดี เป็นที่พอใจกับทุกฝ่าย แต่ถ้ามีพฤติกรรมรักความสมบูรณ์แบบที่ทำให้ทั้งตัวเองและคนรอบกายเดือดร้อน เครียดและกดดันไปตามๆกัน แบบนั้นอาจจะต้องลดๆ ความเพอร์เฟกต์ลงดูบ้าง เพราะเป๊ะปังมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะดี เนื่องจากพฤติกรรมต่างๆ ข้างต้นที่กล่าวมานั้น ก็ทำให้เกิดผลเสียอยู่เหมือนกัน

ระวัง ! ติดกับดักความสมบูรณ์แบบ รู้เท่าทันผลกระทบจาก Perfectionism กัน !

perfectionism คือ, perfectionist คือ
Image Credit : freepik.com

มาดูกันค่ะว่า สมบูรณ์แบบมากเกินไป ยึดติดกับความ Perfectionist ไปหมด จะทำให้เกิดผลกระทบในด้านใดบ้าง

1. ด้านการทำงาน

หากเป็นในการทำงาน พบว่า บุคคลที่เป็นประเภท Perfectionism จะนิยมความสมบูรณ์แบบไปแทบทุกอย่าง ดังนั้นจึงมีความละเอียดกับการทำงานมาก และจริงจังเคร่งเครียดกับการทำงาน จากการศึกษาของนักจิตวิทยามหาวิทยาลัย Philipps University of Marburg พบว่า พนักงานที่เป็น Perfectionism ไม่ใช่กลุ่มคนที่เพื่อนร่วมงานอยากทำงานด้วยสักเท่าไหร่ เพราะถูกกดดันมากเกินไป และส่งผลต่อบรรยากาศการทำงาน ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่อยากทำงานกับคนที่มีความยืดหยุ่น มีตรงกลาง และอยู่กับความเป็นจริงได้มากกว่าคนที่เป็น Perfectionist ซึ่งในสายตาของเพื่อนร่วมงานแล้ว ผู้ที่นิยมความสมบูรณ์แบบถูกมองว่าเป็นคนเก่ง มีความสามารถ แต่ยากที่จะเข้าหา เพราะอาจมีนิสัยเย็นชาในบางครั้ง เนื่องจากเน้นผลสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าบรรยากาศในการทำงานที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้อาจจะทำงานด้วยกันยากกว่า

2. ด้านความสัมพันธ์

ในแง่ความสัมพันธ์ ถ้าคุณเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบกับตัวเองเงียบๆ คนเดียว คือ เป๊ะปังเฉพาะในการทำงานของตัวเองเท่านั้น ก็คงจะไม่เป็นอะไรมากนัก แต่ถ้าคุณเป็นประเภท Other – Oriented Perfectionism หรือเป็นไม้บรรทัดกับคนื่น ตัดสินคนอื่นจากมาตรฐานของตัวเอง ถ้าไม่เป็นไปตามใจหวังก็จะตำหนิ บ่น ต่อว่า หงุดหงิดใส่ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนรัก สามีภรรยา หรือลูกๆ ก็ถูกบ่นทุกคนเพราะความเนี้ยบของตัวคุณเอง แบบนี้ก็จะเกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ได้ เพราะคนรอบกายจะรู้สึกเครียดและอึดอัด ทั้งยังถูกตั้งความหวังมากเกินไป หรือในแง่การทำงาน ก็อาจจะทำให้เพื่อนร่วมงานพากันเบือนหน้าหนีหรือเกิดความขัดแย้งขึ้นได้

3. ด้านสุขภาพ

ผลกระทบอีกอย่างหนึ่งของการเป็น Perfectionism คือ ผลกระทบต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นปวดหัวเรื้อรัง เครียดเรื้อรัง ป่วยง่ายเพราะภูมิคุ้มกันต่ำเนื่องจากฮอร์โมน Cortisol หรือฮอร์โมนความเครียดหลั่งออกมามาก ส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง อาจมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ อีกเช่น โรคกระเพาะอาหาร มีปัญหาด้านการนอนหลับ เป็นต้น

นอกจากนี้ การเป็นคนที่รักความสมบูรณ์แบบอาจส่งผลต่อสุขภาพใจ มีการศึกษาว่า ผู้หญิงที่มีความเป็น Perfectionism สูง มีโอกาสที่จะมีความผิดปกติด้านการกินหรือ Eating Disoder ในกลุ่ม Anorexia และ Bulimia ได้ เนื่องจากไม่พอใจรูปร่างของตัวเอง และทำให้มีวิธีการลดน้ำหนักที่ไม่ดีต่อสุขาพ และยังพบว่า ผู้ที่เป็น Perfectionism อาจมีอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Personality Disorder : OCPD) อีกด้วย เพราะมีนิสัยหมกมุ่นกับรายละเอียดหรือกฎระเบียบมาตรฐานต่างๆ ทำให้มีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ จนกว่าจะออกมาเป็นที่พอใจและไร้ที่ติในสายตาตัวเอง

การทำให้ได้รับการยกย่องชื่นชม และดูเป็นคนที่ไร้ที่ติในสายตาของคนภายนอก อาจก่อให้เกิดภาวะ Perfectly Hidden Depression หรืออาการซึมเศร้าที่มาจากการเสพติดความสมบูรณ์แบบนั่นเอง แม้จะไม่ได้แสดงอาการชัดเจนอย่างมีภาวะจมดิ่ง หดหู่ หรือรู้สึกเศร้าเสียใจ ไม่เคยมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ความเครียดที่เกิดขึ้นจะสะสมอยู่ภายในจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดจากความคาดหวังในตัวเอง ความคาดหวังจากสังคม ทำให้ตัวเองรู้สึกไม่มีอิสระ อ้างว้างว่างเปล่า และติดอยู่ในกรอบของความสมบูรณ์แบบ และต้องการที่จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมไปเรื่อยๆ เป็นวงจรที่ไม่มีวันจบ ทำให้เกิดอาการซึมเศร้าแฝงโดยไม่รู้ตัวได้

วิธีรับมือและจัดการกับความสมบูรณ์แบบของตัวเอง

perfectionism คือ, perfectionist คือ
Image Credit : freepik.com

เมื่อรู้แล้วว่าผลเสียของการเป็น Perfectionism อาจทำให้เกิดผลกระทบทั้งด้านการทำงาน ด้านความสัมพันธ์ และที่สำคัญคือด้านสุขภาพของตัวเอง ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ แล้วเราจะจัดการ หรือบาลานซ์ความสมบูรณ์ของตัวเองได้อย่างไร มาดูกันเลยค่ะ

  1. มองภาพรวมให้มากขึ้น บางครั้งการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่จำเป็นก็ทำให้เสียเวลาการทำงานไปโดยเปล่าประโยชน์ ให้มองว่า รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ที่คุณรู้สึกว่าควรได้รับการแก้ไขนั้น เวลาที่ต้องใช้ในการแก้ไขงาน มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มาหรือไม่ หรือการมองไปที่ภาพใหญ่หรือมุ่งไปที่ผลรวมความเร็จจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า ?
  1. ผ่อนมาตรฐานของตัวเองลงบ้าง ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป ถ้าการตั้งมาตรฐานสูงแล้วทำให้เราเหนื่อยหรือยิ่งต้องเคร่งเครียดมากกว่าเดิม ก็ให้ผ่อนมันลงมาหน่อย ไม่ต้องรู้ผิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเฉื่อยชา ไม่มีการพัฒนา แต่เป็นการดูแลสุขภาพใจของตัวเองต่างหาก
  1. ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงและเป็นไปได้ การตั้งเป้าหมายที่สูงเกินกำลังของตัวเองเสี่ยงต่อการเกิดความล้มเหลวได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคขัดขวางความสำเร็จ และทำให้เรารู้สึกแย่กว่าเดิม
  1. ฝึกให้อภัยตัวเองเมื่อเกิดความผิดพลาด เรียนรู้วิธีรับมือกับความผิดหวังอย่างชาญฉลาด ระลึกไว้เสมอว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และบางครั้งก็อยู่เหนือการควบคุมของเรา 
  1. ชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ต้องรีบเร่งตั้งเป้าหมายใหม่ หรือเร่งทำให้ดีกว่าเดิม แม้ไม่ต้องสำเร็จหรือสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม เราก็ยังมีคุณค่าในตัวเองเสมอ
หนังสือ Mindset ที่ทำให้คนรุมรัก

Inspire Now ! : ความสมบูรณ์แบบไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี ถ้าสมบูรณ์แบบอย่างพอดี และความผิดพลาดก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อย่างน้อยก็ทำให้เกิดการเรียนรู้ เพื่อที่จะปรับปรุงแก้ไขพัฒนาตัวเอง ในแบบที่ไม่ต้องกดดันตัวเองหรือเฆี่ยนตีตัวเองขนาดนั้น ใจดีกับตัวเองบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร มีความยืดหยุ่นบ้างก็ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย ทำเท่าที่ทำได้ตามกำลังของตัวเองก็เพียงพอแล้ว อย่าลืมว่า Nobody’s Perfect เพราะความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง มีแต่ความพอดี และความพอใจ สมบูรณ์แบบมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะพบความสุขที่แท้จริง

DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? บางครั้งสมบูรณ์แบบมากไปก็ทำให้เครียดและไม่สนุกกับการใช้ชีวิตได้ มาบาลานซ์ให้อยู่ในระดับที่พอดีกันเถอะ! ใครคิดว่าตัวเองเป็น perfectionist บ้าง ? มีวิธีจัดการตัวเองยังไง คอมเมนต์บอกกันได้นะคะ ♡

Facebook Comments

ฝันอยากเดินทางท่องโลกให้ได้มากที่สุด สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา รักการอ่านหนังสือ ชอบถ่ายรูป หลงใหลแมวและกาแฟ