Critical thinking คืออะไร

Critical Thinking คืออะไร ? ทำไมคนทำงานยุคนี้ต้องหยุด “คิดไว” แล้วเริ่ม “คิดให้ลึก” ?

ในโลกการทำงานที่ทุกอย่างหมุนเร็วเหมือนลมกรรโชก การตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีอาจพาเราไปผิดทางได้ง่ายๆ เราจึงควรหยุดชั่วคราว แล้วถามตัวเองให้ชัดก่อนโบกธง “ไปต่อ” หรือ “พอแค่นี้” Critical Thinking คือทักษะที่จะช่วยให้เราแยกแยะข้อมูลจริง–เท็จ วิเคราะห์เหตุและผลได้ลึกกว่าเดิม และในบทความนี้ DIYINSPIRENOW จะพาไปสำรวจ และขยายความกันว่า ทักษะนี้คืออะไร ทำไมคนทำงานยุคนี้ถึงควรหยุด “คิดไว” แล้วเริ่ม “คิดให้ลึก” กันค่ะ

คิดไว ใช่ว่าจะเวิร์ก ! Critical Thinking คืออะไร ? มารู้จักทักษะที่คนทำงานยุคนี้ต้องฝึกกัน !

วิธีคิดนี้ เป็นหนึ่งใน Soft Skills ที่ไม่ได้จำกัดแค่คนวางกลยุทธ์หรือผู้บริหาร แต่ทุกคนที่ทำงานล้วนแต่มีการใช้สกิลนี้อยู่ทุกวันแม้คุณอาจจะไม่รู้ตัวก็ตาม ทักษะนี้ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิดนะคะ แค่ต้องรู้จัก “ตั้งคำถามให้ถูกจุด” และ “มองให้ลึกกว่าที่ตาเห็น” ใครที่กำลังอยากพัฒนาทักษะคิดแบบมีชั้นเชิง ตามมาสำรวจแบบเข้าใจง่ายและใช้ได้จริงไปด้วยกันค่ะ

หนังสือ find your why คู่มือค้นหา “ทำไม” ที่แท้จริงของคุณ

Critical Thinking คืออะไร?

ถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายที่สุดก็คือการคิดอย่างมีวิจารณญาณ หรือการใช้เหตุผลในการวิเคราะห์ข้อมูล แยกแยะความจริงจากความเห็น ก่อนจะตัดสินใจหรือเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ใช่แค่การคิดเยอะ แต่คือการ “คิดให้ลึก คิดให้รอบ” มากกว่าที่เคย ถ้ายังงงๆ อยู่ อยากให้ลองนึกถึงเวลาที่มีใครพูดอะไรแล้วเรารู้สึก “เอ๊ะ…ใช่เหรอ ?” นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของ Critical Thinking ที่หมายความว่าไม่รีบด่วนเชื่อ แต่ขอเวลาตรวจสอบอีกนิด ตั้งคำถามอีกหน่อย เพื่อให้มั่นใจก่อนจะเดินหน้าต่อ ทักษะการคิดนี้จึงไม่ได้เป็นแค่ทักษะในสมอง แต่มันคือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นในทุกบทบาทของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา การวิเคราะห์ข้อมูล หรือแม้แต่การฟังความเห็นจากคนอื่นอย่างมีสตินั่นเองค่ะ

Critical thinking คืออะไร, การคิดเชิงวิพากษ์
Image Credit : freepik.com

ทำไม การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ถึงสำคัญในโลกการทำงาน ?

ในชีวิตการทำงาน เราไม่ได้แค่ทำงานตามหน้าที่ แต่ต้อง “ตัดสินใจ” และ “รับมือกับความไม่แน่นอน” อยู่ตลอดเวลา นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้วิธีคิดแบบนี้ไม่ใช่แค่ทักษะเสริม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกมิติ เพราะว่า Critical Thinking จะช่วยให้เรา…

  1. ไม่เชื่อทุกอย่างที่ได้ยินทันที เพื่อป้องกันการตัดสินใจพลาดเพราะข้อมูลผิด หรืออคติที่ซ่อนอยู่
  2. คิดให้รอบ ก่อนตอบหรือทำ ลดปัญหาการสื่อสารผิดพลาด และช่วยให้ทำงานร่วมกับคนอื่นได้ราบรื่นขึ้น
  3. มองเห็น “รากของปัญหา” ได้ไวกว่าเดิม ไม่เสียเวลาจัดการแค่ปลายเหตุ และสามารถหาทางออกที่ยั่งยืนขึ้นได้
  4. พร้อมรับมือกับงานที่ไม่มีคำตอบชัดเจน เช่น brief กำกวม สถานการณ์เปลี่ยนเร็ว หรือความคาดหวังจากหลายฝ่าย
  5. ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่ใช้อารมณ์นำ ช่วยให้เราดูเป็นมืออาชีพขึ้น และได้รับความเชื่อถือจากทีมมากขึ้นด้วย
Critical thinking คืออะไร, การคิดเชิงวิพากษ์
Image Credit : freepik.com

คนที่มี Critical Thinking มีลักษณะยังไง ?

การมีวิธีคิดแบบนี้ไม่ได้แปลว่าต้องเก่งเถียง เก่งพูด หรือเป็นคนที่หัวไวเสมอไป สำหรับเราคิดว่าการมี “ท่าทีทางความคิด” ที่รอบคอบ เปิดใจ และกล้าตั้งคำถามกับสิ่งที่ดูเหมือนจะถูกอยู่แล้วมากกว่า ลองมาดูกันต่อว่าเรามีลักษณะแบบนี้บ้างหรือเปล่า ?

  1. ไม่ด่วนสรุปแม้จะมีข้อมูลอยู่ในมือ : เวลาทำงาน เราอาจได้ยินข่าวลือ ข่าวซุบซิบจากเพื่อนร่วมทีมหรือหัวหน้า แต่เราจะไม่รีบเชื่อทันที จะมีการถามต่อ หรือขอดูแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมก่อน
  2. ตั้งคำถามในมุมที่คนอื่นอาจมองข้าม : ไม่ใช่การจับผิด แต่คือการคิดเผื่อ เช่น “ถ้าเราทำแบบนี้ ลูกค้าจะเข้าใจยังไง?” หรือ “มีอะไรที่เรายังไม่ได้ลองคิดอีกบ้าง?”
  3. แยกแยะอารมณ์ออกจากข้อเท็จจริงได้ดี : เวลามีเรื่องเครียดหรือโดนตำหนิ จะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกพาไปจนตัดสินใจผิดพลาด
  4. ฟังความคิดเห็นที่แตกต่างได้โดยไม่ปิดใจ : กล้าฟัง แม้ไม่เห็นด้วย และพร้อมเปิดรับ และคิดถึงมุมมองใหม่ๆ ถ้ามันมีเหตุผลพอนะคะ
  5. วิเคราะห์ก่อนตัดสิน ไม่ใช่แค่ทำตามความคุ้นเคย : ไม่ทำงานแบบ “ก็เคยทำแบบนี้มาโดยตลอด” แต่ให้คิดว่ามีวิธีไหนอีกมั้ยที่จะเหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด
หนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก

แก่นสำคัญของวิธีคิดนี้ที่คนทำงานควรรู้

บางคนคิดว่าการคิดอย่างมีวิจารณญาณ คือการ “คิดให้เยอะ” หรือ “คิดให้ซับซ้อน” แต่จริงๆ แล้ว แก่นสำคัญกลับเรียบง่ายกว่านั้นมาก เรามองว่าทักษะนี้คือการ “คิดให้ถูกจุด” และ “คิดให้รอบด้าน” ก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่างมากกว่า แล้วอะไรคือหัวใจสำคัญของ Critical Thinking ที่เราควรรู้ มาทบทวน และทำความเข้าใจกันให้ชัดมากขึ้นกันอีกค่ะ

  1. คิดให้ลึก ไม่ใช่แค่คิดให้เร็ว บางสถานการณ์อาจดูเหมือนมีคำตอบอยู่ตรงหน้า แต่การหยุดคิดสักนิดเพื่อถาม “มันจริงมั้ย ?” หรือ “มีมุมไหนที่ยังไม่ได้คิดอีก ?” นั่นอาจทำให้เราเจอคำตอบที่ดีกว่าเดิม
  2. มองให้รอบ ไม่ใช่แค่มองตามความเคยชิน คนที่คิดเป็นระบบ มักจะมองสถานการณ์ให้รอบด้าน ไม่ใช่แค่ข้อดี–ข้อเสีย แต่รวมถึงความเป็นไปได้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามมา เพราะไม่ได้ยึดติดกับแค่ ‘วิธีเดิมที่เคยเวิร์ก’ แต่จะถามตัวเองเสมอว่า วิธีนี้ ‘ยังเวิร์กอยู่มั้ย’ กับสถานการณ์ในตอนนี้นั่นเองค่ะ
  3. เชื่อในกระบวนการมากกว่าความรู้สึก เพราะว่าความรู้สึกอาจเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เหตุผลที่มีหลักคิดจะอยู่กับเราเสมอ ดังนั้นคนที่ฝึกคิดอย่างมีวิจารณญาณจะให้ความสำคัญกับ “วิธีคิด” มากกว่าความมั่นใจแบบไร้หลักฐาน
  4. กล้ายอมรับว่าตัวเองอาจคิดผิด นี่ไม่ใช่จุดอ่อน แต่มันคือความกล้าที่ทำให้เราพัฒนาได้จริง เพราะเมื่อไหร่ที่เรายอมรับว่า “อาจมีคนคิดดีกว่าเรา” เมื่อนั้นเราก็เปิดประตูรับไอเดียใหม่ๆ ได้มากขึ้นแล้ว เห็นด้วยมั้ยคะ ?

Inspire Tips ! : เพราะฉะนั้นไม่ได้วัดกันที่ว่าใครพูดเร็ว ใครตอบก่อน แต่วัดกันที่ “ใครคิดอย่างมีเหตุผล กล้าทบทวน และพร้อมเปิดรับมุมมองใหม่” มากกว่า

Critical thinking คืออะไร, การคิดเชิงวิพากษ์
Image Credit : freepik.com

วิธีฝึกให้ใช้ได้จริง

การคิดแบบมีวิจารณญาณไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นทักษะที่ฝึกได้ เหมือนกล้ามเนื้อสมองที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งแข็งแรง คนทำงานอย่างเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นนักปรัชญาหรอกนะคะ แค่เริ่มจากฝึกคิดให้ชัดขึ้นในสถานการณ์เล็กๆ รอบตัว ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วหล่ะค่ะ เรามีวิธีเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก ใครสนใจลองเริ่มจากวิธีเหล่านี้ดูนะคะ

  1. อย่าเพิ่งรีบเชื่อ ให้ตั้งคำถามกับข้อมูลที่ได้รับก่อนเสมอ เช่น ได้ยินว่า “ลูกค้าคนนี้เรื่องเยอะมาก” ให้ลองถามตัวเองก่อนว่า เขาเรื่องเยอะจริง หรือคนพูดแค่เคยมีประสบการณ์ไม่ดีมา ? ที่เราได้ยินคือมีหลักฐาน หรือแค่ความรู้สึก ?
  2. ถ้าเจอปัญหา ให้ถามตัวเองว่า “ทำไม” ก่อน ลองใช้เทคนิค 5 Why ช่วยให้เราไม่เริ่มแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น “ลูกค้าบ่นว่าสินค้าส่งช้า” ให้ตั้งคำถามว่า ทำไมถึงช้า ? ต่อด้วย ขั้นตอนไหนล่าช้า ? / ใครเกี่ยวข้อง? / แล้วจะแก้ตรงจุดได้ยังไง ?
  3. ฝึกมองอีกมุม แม้จะขัดใจก็ตาม เวลาที่ฟังคนไม่เห็นด้วย ให้ลองคิดว่า “เขามีความคิด มุมมองที่เห็นแบบนี้เพราะอะไร?” ถ้าคิดแบบนี้ก็จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ และฝึกให้เรากล้ารับความเห็นต่างมากขึ้นได้ค่ะ
  4. ลองเล่นบทบาทสมมติในหัวของตัวเอง ลองคิดในมุมลูกค้า เพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้า เช่น ถ้าเราเป็นหัวหน้า แล้วพนักงานมาขอลาในช่วงที่งานแน่น เราจะรู้สึกยังไง ? มุมมองแบบนี้จะช่วยให้เราคิดได้รอบและเข้าใจคนมากขึ้น
  5. ทบทวนการตัดสินใจของตัวเองเป็นประจำ ไม่ต้องรอให้พลาดก่อนถึงจะกลับมาคิด ลองถามตัวเองสักวันละ 5 นาทีว่า “วันนี้เราตัดสินใจอะไรไปบ้าง ?” “มีเรื่องไหนที่น่าจะคิดให้รอบกว่านี้ ?”
  6. พูดให้น้อยลง ฟังให้มากขึ้น (อย่างตั้งใจนะ) การฟังแบบไม่รีบโต้ตอบ จะทำให้เราจับ “ข้อมูลที่ซ่อนอยู่” ได้ดีกว่าการแค่ฟังเพื่อจะตอบ เช่น ในที่ประชุม ลองฟังว่าเขา กังวลเรื่องอะไรจริงๆ แทนที่จะคิดว่าเราจะค้านยังไง

Inspire Tips ! : ลองฝึกทีละนิด เพื่อเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ต้องรีบ แต่ขอแค่ “ไม่หยุดฝึก” แล้วเราจะเริ่มเห็นว่า ความคิดของเราเริ่มเปลี่ยน คำพูดเปลี่ยน และผลลัพธ์ในการทำงานก็ดีขึ้นแบบไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ

Critical thinking คืออะไร, การคิดเชิงวิพากษ์
Image Credit : freepik.com

ตัวอย่างสถานการณ์ในชีวิตทำงานน่าลองใช้วิธีคิดนี้

หลายคนอาจคิดว่า Critical Thinking จะได้ใช้แค่ตอนแก้ปัญหาใหญ่ๆ หรือเวลาคิดกลยุทธ์ระดับองค์กร แต่จริงๆ แล้วแทรกอยู่ในเรื่องเล็กๆ รอบตัวเราทุกวันเลยล่ะค่ะ ลองมาดูตัวอย่างสถานการณ์เหล่านี้ดูแล้วจะรู้ว่าการคิดอย่างมีวิจารณญาณสำคัญกับงานแค่ไหน !

  1. ได้รับข้อมูลจากหลายแหล่งที่ขัดกันเอง เช่น หัวหน้าบอกให้ทำแบบ A แต่ทีมงานบอกว่าเคยทำแล้วไม่เวิร์ก แล้วเราจะฟังใคร ? เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ต้องใช้การคิดแบบรอบด้านเพื่อกลั่นกรองข้อมูลก่อน แล้วค่อยตั้งคำถามเพื่อหาความจริงก่อนลงมือ
  2. เมื่อต้องเลือกระหว่างงานเร่งด่วน กับงานสำคัญ เช่น งาน A มี deadline ใกล้แล้วแต่ยังไม่ค่อยสำคัญเท่ากับอีกงานที่มีเวลากำหนดส่งยังไม่กระชั้นชิดแต่เป็นโปรเจกต์ใหญ่ของบริษัท เวลาเจอแบบนี้คุณจะจัดลำดับยังไงคะ ? ลองใช้วิธีคิดนี้กับสถานการณ์แบบนี้แล้วจะช่วยให้เราประเมินผลกระทบ และจัดการเวลาได้แบบไม่ใช้อารมณ์นำ
  3. ประชุมแล้วไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนร่วมงาน เช่น เรารู้สึกว่าไอเดียเขาอาจพาไปพัง แต่พูดออกไปตรงๆ ก็เสี่ยงชน คนที่มีวิธีคิดแบบมีวิจารณญาณจะหาวิธีสื่อสารอย่างมีเหตุผล โดยตั้งคำถามชวนคิด แทนการค้านแบบตรงๆ
  4. เมื่อรับฟัง Feedback จากลูกค้า/หัวหน้า/ทีม แล้วต้องตัดสินใจ หลายครั้งที่คำวิจารณ์บางอย่างอาจไม่ถูกใจเรา แต่มีประโยชน์กับเรา แล้วจะรับตรงไหน เก็บตรงไหนไว้ทบทวนดี ? การใช้วิธีคิดแบบรอบด้านนี้จะช่วยแยกเสียงสะท้อนที่ควรนำไปปรับปรุง กับสิ่งที่อาจเป็นแค่ความคิดเห็นเฉพาะบุคคลได้
  5. เจอความขัดแย้งในทีม แล้วต้องเป็นตัวกลาง เช่น เพื่อนร่วมงานสองคนทะเลาะกันเรื่องการทำงาน แล้วเราต้องช่วยหาทางออก ในกรณีนี้เราต้องฟังอย่างเป็นกลาง ถาให้ครอบคลุมทุกมุมมากที่สุด และประเมินแบบไม่เอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

Inspire Tips ! : สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากกว่าที่คิด และทุกครั้งที่เราจัดการมันได้ดีขึ้น นั่นแปลว่าเราได้ใช้ Critical Thinking ไปโดยไม่รู้ตัวแล้วล่ะค่ะ

หนังสือ เทคนิคเลิกคิดเยอะแล้วทำทันที

Inspire Now ! : ทุกวันนี้ เราใช้ Critical Thinking ในชีวิตการทำงานไปมากแค่ไหน ? เรากำลังคิดอย่างมีเหตุผล หรือแค่ตัดสินใจตามความรู้สึกชั่ววูบกันแน่ ? เราเคยหยุดฟังก่อนพูด เคยตั้งคำถามก่อนเชื่อ หรือเคยมองอีกมุมที่ไม่ใช่มุมของตัวเองบ้างมั้ย ? การพัฒนาทักษะนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แค่เริ่มจากการ “คิดให้ชัด” กับสิ่งเล็กๆ ในแต่ละวัน และที่สำคัญอย่าลืมถามตัวเองว่า เราพร้อมหรือยังที่จะยอมรับว่าตัวเองอาจคิดผิดได้เพื่อจะคิดให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป

DIYINSPIRENOW ทำให้ฉันเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใช่ไหม ? ใครมีวิธีฝึก Critical Thinking ในชีวิต และการทำงานแบบไหนกันบ้าง มาคอมเมนต์แบ่งปันกันบ้างนะคะ ♡

Facebook Comments

☕ สนับสนุน DIYINSPIRENOW

เลี้ยงชานมเป็นกำลังใจให้นักเขียน หรือ สนับสนุนเว็บ DIYINSPIRENOW ให้เราผลิตคอนเท้นต์ดีๆต่อไปกันน้า

QR โอนสนับสนุน DIY Inspire Now
สแกน QR เพื่อโอน — แอปธนาคารจะแสดงชื่อผู้รับก่อนยืนยัน

คนชอบเขียนที่ไม่ค่อยอยู่นิ่ง หลงรักดอกไม้ โดยเฉพาะไฮเดรนเยีย สนใจการพัฒนาตัวเองและใจเต้นทุกครั้งเมื่อได้ออกเดินทาง